ไขทุกข้อสงสัย Part of Speech พื้นฐานแกรมมาร์ที่ทุกคนต้องรู้

หลายคนเรียนภาษาอังกฤษมานานแต่ยังคิดประโยคไม่ออก เขียนไม่คล่อง หรือพูดไม่ถูกไวยากรณ์ ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากการขาดความเข้าใจในรากฐานสำคัญที่สุดของภาษา นั่นคือการรู้จักหน้าที่ของแต่ละคำในประโยค ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้เก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

part of speech คือ ระบบการจำแนกคำในภาษาอังกฤษตามหน้าที่และบทบาท ซึ่งเป็นพื้นฐานไวยากรณ์ที่ทุกคนต้องเข้าใจก่อนจะก้าวไปสู่การใช้ภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจและแม่นยำ

การเข้าใจ part of speech มีอะไรบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่การจำชื่อของแต่ละประเภทคำ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างภาษาที่จะส่งผลต่อทุกทักษะภาษาอังกฤษของคุณ เมื่อคุณเข้าใจ part of speech อย่างละเอียด คุณจะสามารถวิเคราะห์ประโยคซับซ้อนได้ง่ายขึ้น เขียนเรียงความที่มีโครงสร้างชัดเจน และพูดโดยใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง

การศึกษา part of speech มา ย แม พ (มากมายและแม่นยำ) ยังช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างคำที่มีรูปแบบคล้ายกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน เช่น การแยกระหว่างคำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ หรือการใช้คำสันธานและคำบุพบทอย่างเหมาะสม ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้การสื่อสารของคุณมีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

นอกจากนี้ การรู้จัก what part of speech is for แต่ละคำยังช่วยในการขยายคำศัพท์อย่างเป็นระบบ เพราะคุณจะสามารถเดาความหมายของคำใหม่ได้จากการสังเกตรูปแบบและตำแหน่งของคำในประโยค

บทความนี้จะนำเสนอ Part of Speech สรุป แบบครบถ้วนทั้ง 8 ประเภท พร้อมตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เทคนิคการจำที่ใช้ได้จริง และวิธี Part of Speech ใช้ ยัง ไง ในประโยคจริง คุณจะได้เรียนรู้การวิเคราะห์ประโยคอย่างเป็นระบบ การใช้ suffix ในการเดาชนิดของคำ และเคล็ดลับการแก้ปัญหาที่พบบ่อยในการเรียน Part of Speech ภาษาอังกฤษ

มาเริ่มต้นสร้างรากฐานไวยากรณ์ที่แข็งแกร่งกันเลย โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจว่า part of speech คืออะไรและทำไมมันถึงสำคัญ

  1. I. Part of Speech คืออะไร?
  2. II. เจาะลึก 8 ชนิดของ Part of Speech ที่ใช้บ่อยที่สุด
    1. 1. Noun (คำนาม)
    2. 2. Pronoun (คำสรรพนาม)
    3. 3. Verb (คำกริยา)
    4. 4. Adjective (คำคุณศัพท์)
    5. 5. Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)
    6. 6. Preposition (คำบุพบท)
    7. 7. Conjunction (คำสันธาน): คำที่ใช้เชื่อมคำ ประโยค หรือวลีเข้าด้วยกัน
    8. 8. Interjection (คำอุทาน)
  3. III. เทคนิคการจำและวิเคราะห์ Part of Speech ในประโยคจริง
    1. 1. วิธีดู Suffix ท้ายคำที่ช่วยบอกชนิดของคำ
    2. 2. การใช้ตำแหน่งของคำในประโยคเป็นตัวชี้วัด
  4. V. สรุป Part of Speech
  5. VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Part of Speech
    1. 1. จำเป็นต้องจำ Part of Speech ให้ได้ทั้งหมดก่อนถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่?
    2. 2. คำว่า 'Determiner' (คำนำหน้านาม) เช่น a, an, the จัดเป็น Part of Speech ชนิดไหน?
    3. 3. คำประเภทใดบ้างที่มักจะสับสนกันบ่อยที่สุด? (เช่น Adjective vs Adverb)
    4. 4. ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Conjunction และ Preposition คืออะไร?
สรุป Part of Speech ชนิดของคำในภาษาอังกฤษเข้าใจง่าย
สรุป Part of Speech ชนิดของคำในภาษาอังกฤษเข้าใจง่าย

I. Part of Speech คืออะไร? 

Part of speech คือ ระบบการจัดประเภทคำในภาษาอังกฤษตามหน้าที่และบทบาทที่คำนั้นๆ ทำในประโยค เช่นเดียวกับการจัดหมวดหมู่ของใช้ในบ้านตามไร้ การจัดหน้าที่นี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าแต่ละคำทำงานอย่างไรในโครงสร้างประโยค

การเข้าใจ part of speech จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ประโยคได้อย่างเป็นระบบ ทำให้การอ่านความเข้าใจดีขึ้น การเขียนมีโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้น และการพูดมีความแม่นยำมากขึ้น

II. เจาะลึก 8 ชนิดของ Part of Speech ที่ใช้บ่อยที่สุด

1. Noun (คำนาม)

คำนามทำหน้าที่เป็นแกนหลักของประโยค โดยสามารถเป็นประธานที่กระทำการหรือเป็นกรรมที่ถูกกระทำ การรู้จักคำนามจะช่วยให้คุณเข้าใจโครงร่างพื้นฐานของประโยคได้อย่างชัดเจน คำนามแบ่งออกเป็น:

  • Concrete Noun (คำนามที่จับต้องได้): chair, apple, dog

  • Abstract Noun (คำนามนามธรรม): love, freedom, happiness

  • Proper Noun (คำนามเฉพาะ): Bangkok, Microsoft, January

  • Common Noun (คำนามสามัญ): city, company, month

สรุป Part of Speech ชนิดของคำในภาษาอังกฤษเข้าใจง่าย
Noun (คำนาม)

2. Pronoun (คำสรรพนาม)

คำสรรพนามช่วยทำให้การสื่อสารมีความคล่องตัวและไม่ซ้ำซาก ทำให้ประโยคฟังดูธรรมชาติมากขึ้น คำสรรพนามแบ่งเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้:

ตัวอย่าง Mary bought a book. She read it immediately. (แมรี่ซื้อหนังสือ เธออ่านมันทันที) ในประโยคนี้ She แทน Mary และ it แทน book

3. Verb (คำกริยา)

กริยาเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในประโยค เพราะทุกประโยคต้องมีกริยา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการกระทำ สภาวะ หรือการเป็นอยู่ของประธาน กริยาแบ่งออกเป็น:

  • Action Verb (กริยาแสดงการกระทำ): run, write, study, cook

  • Linking Verb (กริยาเชื่อม): be, seem, become, appear

  • Helping Verb (กริยาช่วย): have, will, can, must

4. Adjective (คำคุณศัพท์)

คำคุณศัพท์ช่วยให้คำนามมีรายละเอียดและความหมายที่ชัดเจนขึ้น ทำให้การสื่อสารมีความแม่นยำและสีสันมากขึ้น คำคุณศัพท์สามารถแบ่งออกเป็น:

  • Descriptive Adjective (บอกลักษณะ): beautiful, tall, smart, red

  • Quantitative Adjective (บอกจำนวน): many, few, several, enough

  • Demonstrative Adjective (บอกชี้): this, that, these, those

  • Possessive Adjective (บอกความเป็นเจ้าของ): my, your, his, her

ตัวอย่าง The difficult grammar concept becomes simple with proper explanation. (แนวคิดไวยากรณ์ที่ยากกลายเป็นง่ายด้วยคำอธิบายที่เหมาะสม) ในประโยคนี้ difficult, simple และ proper เป็นคำคุณศัพท์

สรุป Part of Speech ชนิดของคำในภาษาอังกฤษเข้าใจง่าย
Adjective (คำคุณศัพท์)

5. Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)

คำกริยาวิเศษณ์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หรือบ่อยแค่ไหน คำกริยาวิเศษณ์แบ่งเป็น:

  • Adverb of Manner (บอกอย่างไร): quickly, carefully, beautifully

  • Adverb of Time (บอกเวลา): now, yesterday, always, never

  • Adverb of Place (บอกสถานที่): here, there, everywhere, nowhere

  • Adverb of Frequency (บอกความถี่): often, sometimes, rarely

6. Preposition (คำบุพบท)

คำบุพบทบอกตำแหน่ง เวลา หรือทิศทาง ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ ในประโยค คำบุพบทที่พบบ่อย ได้แก่:

ตัวอย่าง: 

  • The book is on the table. (หนังสืออยู่บนโต๊ะ) คำว่า on เป็นคำบุพบทที่บอกตำแหน่ง 

  • We study grammar in the morning. (เราเรียนไวยากรณ์ในตอนเช้า) คำว่า in บอกเวลา

สรุป Part of Speech ชนิดของคำในภาษาอังกฤษเข้าใจง่าย
Preposition (คำบุพบท)

7. Conjunction (คำสันธาน): คำที่ใช้เชื่อมคำ ประโยค หรือวลีเข้าด้วยกัน

คำสันธานสร้างความต่อเนื่องและความสัมพันธ์ทางตรรกะระหว่างส่วนต่างๆ ของประโยค คำสันธานแบ่งเป็น:

ตัวอย่าง:

  • I study grammar and vocabulary every day. (ฉันเรียนไวยากรณ์และคำศัพท์ทุกวัน) 

  • She studies hard because she wants to improve. (เธอเรียนหนักเพราะต้องการพัฒนา)

8. Interjection (คำอุทาน)

คำอุทานแสดงความรู้สึกอย่างฉับพลัน มักใช้ในการสนทนาเพื่อแสดงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทันที คำอุทานที่พบบ่อย:

  • ความดีใจ: Hooray! Yay! Great!

  • ความเจ็บปวด: Ouch! Ow!

  • ความประหลาดใจ: Oh! Wow! Amazing!

  • ความเศร้า: Alas! Oh no!

ตัวอย่าง: Oh! I finally understand part of speech. (โอ้! ในที่สุดฉันก็เข้าใจ part of speech แล้ว)

บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม: Common Noun กับ Proper Noun การใช้และตัวอย่างที่ควรรู้

III. เทคนิคการจำและวิเคราะห์ Part of Speech ในประโยคจริง

1. วิธีดู Suffix ท้ายคำที่ช่วยบอกชนิดของคำ

การสังเกตส่วนท้ายของคำ (suffix) เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถเดาชนิดของ part of speech ได้อย่างแม่นยำ แม้ไม่เคยเจอคำนั้นมาก่อน:

Suffix ที่บอกว่าเป็นคำนาม (Noun):

  • -tion/-sion: education, information, decision, conclusion

  • -ness: happiness, darkness, kindness, awareness

  • -ment: movement, development, achievement, improvement

  • -er/-or: teacher, writer, doctor, actor

  • -ity/-ty: ability, beauty, safety, quality

  • -ism: capitalism, journalism, tourism, criticism

Suffix ที่บอกว่าเป็นคำคุณศัพท์ (Adjective):

  • -ful: beautiful, helpful, wonderful, successful

  • -less: hopeless, careless, endless, harmless

  • -able/-ible: comfortable, possible, terrible, incredible

  • -ous/-ious: famous, serious, dangerous, various

  • -ive: active, creative, attractive, positive

  • -ed/-ing: excited, interesting, bored, amazing

Suffix ที่บอกว่าเป็นคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb):

  • -ly: quickly, carefully, slowly, beautifully

  • -ward: forward, backward, inward, outward

2. การใช้ตำแหน่งของคำในประโยคเป็นตัวชี้วัด

ตำแหน่งของคำในประโยคเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยบอกหน้าที่ของคำนั้นๆ โดยมีหลักการดังนี้:

ตำแหน่งของคำนาม (Noun positions):

  • หน้ากริยา = ประธาน: Students study grammar. (นักเรียนเรียนไวยากรณ์)

  • หลังกริยา = กรรม: I read books daily. (ฉันอ่านหนังสือทุกวัน)

  • หลังคำบุพบท: The book is on the table. (หนังสืออยู่บนโต๊ะ)

ตำแหน่งของคำคุณศัพท์ (Adjective positions):

  • หน้าคำนาม: The red car is expensive. (รถสีแดงราคาแพง)

  • หลังกริยาเชื่อม: The weather looks nice. (อากาศดูดี)

ตำแหน่งของคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb positions):

  • หลังกริยา: She speaks clearly. (เธอพูดอย่างชัดเจน)

  • หน้ากริยา: She always studies hard. (เธอเรียนหนักเสมอ)

  • ต้นประโยค: Yesterday, I went to school. (เมื่อวานนี้ฉันไปโรงเรียน)

V. สรุป Part of Speech

Part of Speech

หน้าที่หลัก

ตัวอย่าง

คำถามที่ช่วยจำ

Noun

เป็นประธาน/กรรม

teacher, happiness

ใครหรืออะไร?

Pronoun

แทนคำนาม

he, she, it

ใครหรืออะไร?

Verb

แสดงการกระทำ

study, become

ทำอะไร?

Adjective

ขยายคำนาม

difficult, simple

เป็นอย่างไร?

Adverb

ขยายกริยา/คุณศัพท์

quickly, carefully

อย่างไร? ที่ไหน? เมื่อไหร่?

Preposition

เชื่อมแสดงความสัมพันธ์

on, in, at

ที่ไหน? เมื่อไหร่?

Conjunction

เชื่อมคำ/ประโยค

and, but, because

เชื่อมอย่างไร?

Interjection

แสดงอารมณ์

oh, wow, ouch

รู้สึกอย่างไร?

VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Part of Speech

1. จำเป็นต้องจำ Part of Speech ให้ได้ทั้งหมดก่อนถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องจำให้ครบทุกชนิดก่อนเริ่มพูด แต่การรู้จัก part of speech มีอะไรบ้าง จะช่วยให้การเรียนรู้ไวยากรณ์และการสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. คำว่า 'Determiner' (คำนำหน้านาม) เช่น a, an, the จัดเป็น Part of Speech ชนิดไหน?

Determiner มักจัดเป็นหมวดคำคุณศัพท์ เพราะทำหน้าที่ขยายคำนาม แม้ว่าบางตำราจะแยกเป็นหมวดเฉพาะก็ตาม

3. คำประเภทใดบ้างที่มักจะสับสนกันบ่อยที่สุด? (เช่น Adjective vs Adverb)

คำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์สับสนกันบ่อย เพราะบางคำมีรูปแบบคล้ายกัน วิธีแยกคือ คำคุณศัพท์ขยายคำนาม แต่คำกริยาวิเศษณ์ขยายกริยา

4. ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Conjunction และ Preposition คืออะไร?

Conjunction เชื่อมคำหรือประโยคที่มีระดับเท่ากัน ส่วน Preposition เชื่อมคำนามเข้ากับส่วนอื่นของประโยคเพื่อแสดงความสัมพันธ์

การเรียนรู้ part of speech อย่างละเอียด เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เมื่อคุณเข้าใจหลักการแล้ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างประโยคที่ซับซ้อนและแสดงความคิดที่ลึกซึ้งมากขึ้น

การเข้าใจ part of speech ภาษาอังกฤษ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคุณให้เต็มที่ เริ่มจากการฝึกวิเคราะห์ประโยคง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับความซับซ้อนตามความสามารถที่พัฒนาขึ้น

หากคุณต้องการพัฒนาทักษะไวยากรณ์และความเข้าใจ part of speech ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น PREP มีหลักสูตร IELTS Course ที่ครอบคลุมการสอนไวยากรณ์อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมแบบฝึกหัดที่หลากหลายและการติดตามผลการเรียนแบบรายบุคคล ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถนำความรู้เรื่อง part of speech ไปใช้ในการสอบ IELTS และการสื่อสารในชีวิตจริงได้อย่างมั่นใจ

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย