อธิบายชนิดคำ Part of Speech ทั้ง 8 แบบเข้าใจง่าย
"Book" เป็น noun หรือ verb? "Fast" เป็น adjective หรือ adverb? คำเดียวกันสามารถเป็นได้หลาย part of speech ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและหน้าที่ในประโยค Part of speech เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของไวยากรณ์ การไม่เข้าใจจะทำให้สร้างประโยคผิดและเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อน การเรียนรู้ part of speech อย่างถูกต้องจะช่วยยกระดับทักษะภาษาอังกฤษของคุณอย่างมาก
บทความนี้จะอธิบาย part of speech part of speech คือ part of speech มีอะไรบ้าง part of speech อย่างละเอียด part of speech มา ย แม พ และ what part of speech is for อย่างครอบคลุม
Part of speech คือการจำแนกคำในภาษาอังกฤษตามหน้าที่และการใช้งาน มี 8 ประเภทหลัก ได้แก่ Noun (คำนาม), Pronoun (คำสรรพนาม), Verb (กริยา), Adjective (คำคุณศัพท์), Adverb (คำวิเศษณ์), Preposition (คำบุพบท), Conjunction (คำเชื่อม) และ Interjection (คำอุทาน) Part of speech มา ย แม พ เป็นวิธีจำที่ช่วยให้จดจำได้ง่าย
การเข้าใจ part of speech จะช่วยให้คุณรู้ว่าคำแต่ละคำทำหน้าที่อะไรในประโยค เช่น noun เป็นชื่อ verb แสดงการกระทำ adjective ขยายคำนาม adverb ขยายกริยา ความสับสนหลักคือคำเดียวกันสามารถเป็นหลาย part of speech ได้ เช่น "book" เป็น noun (หนังสือ) และ verb (จอง), "fast" เป็น adjective (เร็ว) และ adverb (อย่างเร็ว)
ในการสอบ IELTS การเข้าใจ part of speech จะช่วยให้คุณเลือกใช้คำได้ถูกต้อง สร้างประโยคที่หลากหลาย และเข้าใจโครงสร้างไวยากรณ์ที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น
คุณจะได้เรียนรู้ part of speech ทั้ง 8 ประเภทอย่างละเอียด หน้าที่และการใช้งานของแต่ละประเภท วิธีระบุ part of speech คำที่เป็นได้หลายประเภท ข้อผิดพลาดที่ต้องหลีกเลี่ยง และแบบฝึกหัดเพื่อทดสอบความเข้าใจ มาเริ่มทำความเข้าใจ part of speech อย่างเป็นระบบที่จะทำให้คุณเชี่ยวชาญโครงสร้างภาษาอังกฤษและสร้างประโยคได้อย่างถูกต้องกันเลย
- I. Part of Speech คืออะไร?
- II. Part of Speech มีอะไรบ้าง?
- III. วิธีระบุ Part of Speech
- VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Part of Speech
- 1. จำเป็นต้องจำ Part of Speech ให้ได้ทั้งหมดก่อนถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่?
- 2. คำว่า 'Determiner' (คำนำหน้านาม) เช่น a, an, the จัดเป็น Part of Speech ชนิดไหน?
- 3. คำประเภทใดบ้างที่มักจะสับสนกันบ่อยที่สุด? (เช่น Adjective vs Adverb)
- 4. ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Conjunction และ Preposition คืออะไร?
I. Part of Speech คืออะไร?
Part of speech คือการจำแนกประเภทของคำตามหน้าที่และความหมายในประโยค
ความสำคัญ:
- ช่วยเข้าใจโครงสร้างประโยค
- ช่วยในการเลือกใช้คำให้ถูกต้อง
- เป็นพื้นฐานของไวยากรณ์
- ช่วยในการแปลและเข้าใจความหมาย
ตัวอย่าง:
- Book can be a noun or a verb.
- I read a book. (คำนาม)
- I book a ticket. (กริยา)
II. Part of Speech มีอะไรบ้าง?
Part of speech มีอะไรบ้าง? มี 8 ประเภทหลัก (part of speech มา ย แม พ - มีวิธีจำ):
ตารางสรุป Part of Speech ทั้ง 8 ประเภท
|
ลำดับ |
Part of Speech |
ภาษาไทย |
สัญลักษณ์ |
หน้าที่ |
ตัวอย่าง |
|
1 |
Noun |
คำนาม |
N |
ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ |
book, dog, London |
|
2 |
Pronoun |
คำสรรพนาม |
Pron |
แทนคำนาม |
I, you, he, she, it |
|
3 |
Verb |
กริยา |
V |
แสดงการกระทำ สถานะ |
run, eat, is, have |
|
4 |
Adjective |
คำคุณศัพท์ |
Adj |
ขยายคำนาม |
beautiful, big, red |
|
5 |
Adverb |
คำวิเศษณ์ |
Adv |
ขยายกริยา คุณศัพท์ วิเศษณ์ |
quickly, very, here |
|
6 |
Preposition |
คำบุพบท |
Prep |
แสดงความสัมพันธ์ |
in, on, at, with |
|
7 |
Conjunction |
คำเชื่อม |
Conj |
เชื่อมคำ วลี ประโยค |
and, but, or, because |
|
8 |
Interjection |
คำอุทาน |
Interj |
แสดงอารมณ์ |
Wow! Oh! Ouch! |
1. Noun (คำนาม)
Noun เป็น part of speech ที่เป็นชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ แนวคิด
คำนามทำหน้าที่เป็นแกนหลักของประโยค โดยสามารถเป็นประธานที่กระทำการหรือเป็นกรรมที่ถูกกระทำ การรู้จักคำนามจะช่วยให้คุณเข้าใจโครงร่างพื้นฐานของประโยคได้อย่างชัดเจน คำนามแบ่งออกเป็น:
-
Concrete Noun (คำนามที่จับต้องได้): chair, apple, dog
-
Abstract Noun (คำนามนามธรรม): love, freedom, happiness
-
Proper Noun (คำนามเฉพาะ): Bangkok, Microsoft, January
-
Common Noun (คำนามสามัญ): city, company, month
2. Pronoun (คำสรรพนาม)
Pronoun เป็น part of speech ที่ใช้แทนคำนาม
คำสรรพนามช่วยทำให้การสื่อสารมีความคล่องตัวและไม่ซ้ำซาก ทำให้ประโยคฟังดูธรรมชาติมากขึ้น คำสรรพนามแบ่งเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้:
-
Personal Pronoun: I, you, he, she, it, we, they
-
Possessive Pronoun: mine, yours, his, hers, ours, theirs
-
Demonstrative Pronoun: this, that, these, those
-
Interrogative Pronoun: who, what, which, whose
ตัวอย่าง Mary bought a book. She read it immediately. (แมรี่ซื้อหนังสือ เธออ่านมันทันที) ในประโยคนี้ She แทน Mary และ it แทน book
3. Verb (คำกริยา)
Verb เป็น part of speech ที่แสดงการกระทำหรือสถานะ
กริยาเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในประโยค เพราะทุกประโยคต้องมีกริยา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการกระทำ สภาวะ หรือการเป็นอยู่ของประธาน กริยาแบ่งออกเป็น:
-
Action Verb (กริยาแสดงการกระทำ): run, write, study, cook
-
Linking Verb (กริยาเชื่อม): be, seem, become, appear
-
Helping Verb (กริยาช่วย): have, will, can, must
4. Adjective (คำคุณศัพท์)
Adjective เป็น part of speech ที่ใช้ขยายคำนามหรือสรรพนาม
คำคุณศัพท์ช่วยให้คำนามมีรายละเอียดและความหมายที่ชัดเจนขึ้น ทำให้การสื่อสารมีความแม่นยำและสีสันมากขึ้น คำคุณศัพท์สามารถแบ่งออกเป็น:
-
Descriptive Adjective (บอกลักษณะ): beautiful, tall, smart, red
-
Quantitative Adjective (บอกจำนวน): many, few, several, enough
-
Demonstrative Adjective (บอกชี้): this, that, these, those
-
Possessive Adjective (บอกความเป็นเจ้าของ): my, your, his, her
ตัวอย่าง The difficult grammar concept becomes simple with proper explanation. (แนวคิดไวยากรณ์ที่ยากกลายเป็นง่ายด้วยคำอธิบายที่เหมาะสม) ในประโยคนี้ difficult, simple และ proper เป็นคำคุณศัพท์
5. Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)
Adverb เป็น part of speech ที่ขยายกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์อื่น คำกริยาวิเศษณ์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หรือบ่อยแค่ไหน คำกริยาวิเศษณ์แบ่งเป็น:
-
Adverb of Manner (บอกอย่างไร): quickly, carefully, beautifully
-
Adverb of Time (บอกเวลา): now, yesterday, always, never
-
Adverb of Place (บอกสถานที่): here, there, everywhere, nowhere
-
Adverb of Frequency (บอกความถี่): often, sometimes, rarely
6. Preposition (คำบุพบท)
Preposition เป็น part of speech ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำ
คำบุพบทบอกตำแหน่ง เวลา หรือทิศทาง ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ ในประโยค คำบุพบทที่พบบ่อย ได้แก่:
-
Preposition of Place: in, on, at, under, above, between
-
Preposition of Time: in, on, at, before, after, during
-
Preposition of Direction: to, from, into, onto, through
ตัวอย่าง:
-
The book is on the table. (หนังสืออยู่บนโต๊ะ) คำว่า on เป็นคำบุพบทที่บอกตำแหน่ง
-
We study grammar in the morning. (เราเรียนไวยากรณ์ในตอนเช้า) คำว่า in บอกเวลา
7. Conjunction (คำสันธาน): คำที่ใช้เชื่อมคำ ประโยค หรือวลีเข้าด้วยกัน
Conjunction เป็น part of speech ที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค
คำสันธานสร้างความต่อเนื่องและความสัมพันธ์ทางตรรกะระหว่างส่วนต่างๆ ของประโยค คำสันธานแบ่งเป็น:
-
Coordinating Conjunction: and, but, or, nor, for, yet, so
-
Subordinating Conjunction: because, although, while, if, when
-
Correlative Conjunction: either...or, neither...nor, both...and
ตัวอย่าง:
-
I study grammar and vocabulary every day. (ฉันเรียนไวยากรณ์และคำศัพท์ทุกวัน)
-
She studies hard because she wants to improve. (เธอเรียนหนักเพราะต้องการพัฒนา)
8. Interjection (คำอุทาน)
Interjection เป็น part of speech ที่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึก
คำอุทานแสดงความรู้สึกอย่างฉับพลัน มักใช้ในการสนทนาเพื่อแสดงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทันที คำอุทานที่พบบ่อย:
-
ความดีใจ: Hooray! Yay! Great!
-
ความเจ็บปวด: Ouch! Ow!
-
ความประหลาดใจ: Oh! Wow! Amazing!
-
ความเศร้า: Alas! Oh no!
ตัวอย่าง: Oh! I finally understand part of speech. (โอ้! ในที่สุดฉันก็เข้าใจ part of speech แล้ว)
บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม: Common Noun กับ Proper Noun การใช้และตัวอย่างที่ควรรู้
III. วิธีระบุ Part of Speech
ขั้นตอนการระบุ
1. ดูตำแหน่งในประโยค -> 2. ดูหน้าที่ -> 3. ดูความหมาย
ตัวอย่างการระบุ
ประโยค: Fast cars drive fast.
คำที่ 1: Fast
-
ตำแหน่ง: หน้าคำนาม (cars)
-
หน้าที่: ขยายคำนาม
-
Part of Speech: Adjective
คำที่ 2: fast
-
ตำแหน่ง: หลังกริยา (drive)
-
หน้าที่: ขยายกริยา
-
Part of Speech: Adverb
คำเดียวกัน หลาย Part of Speech
|
คำ |
Noun |
Verb |
Adjective |
Adverb |
|
book |
a book (หนังสือ) |
book a ticket (จอง) |
- |
- |
|
fast |
a fast (การอดอาหาร) |
fast (อดอาหาร) |
fast cars (เร็ว) |
drive fast (อย่างเร็ว) |
|
light |
the light (แสง) |
light a candle (จุด) |
a light bag (เบา) |
travel light (โดยไม่มีกระเป๋ามาก) |
|
well |
a well (บ่อน้ำ) |
tears well up (ไหลเอ่อ) |
a well person (สุขภาพดี) |
sing well (ร้องเพลงเก่ง) |
บทความที่แนะนำ:
ไขทุกข้อสงสัย Direct Indirect Speech หลักการเล่าคำพูด
การเรียงลำดับคำในภาษาอังกฤษ (Word Order)
VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Part of Speech
1. จำเป็นต้องจำ Part of Speech ให้ได้ทั้งหมดก่อนถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องจำให้ครบทุกชนิดก่อนเริ่มพูด แต่การรู้จัก part of speech มีอะไรบ้าง จะช่วยให้การเรียนรู้ไวยากรณ์และการสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. คำว่า 'Determiner' (คำนำหน้านาม) เช่น a, an, the จัดเป็น Part of Speech ชนิดไหน?
Determiner มักจัดเป็นหมวดคำคุณศัพท์ เพราะทำหน้าที่ขยายคำนาม แม้ว่าบางตำราจะแยกเป็นหมวดเฉพาะก็ตาม
3. คำประเภทใดบ้างที่มักจะสับสนกันบ่อยที่สุด? (เช่น Adjective vs Adverb)
คำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์สับสนกันบ่อย เพราะบางคำมีรูปแบบคล้ายกัน วิธีแยกคือ คำคุณศัพท์ขยายคำนาม แต่คำกริยาวิเศษณ์ขยายกริยา
4. ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Conjunction และ Preposition คืออะไร?
Conjunction เชื่อมคำหรือประโยคที่มีระดับเท่ากัน ส่วน Preposition เชื่อมคำนามเข้ากับส่วนอื่นของประโยคเพื่อแสดงความสัมพันธ์
การเรียนรู้ part of speech อย่างละเอียด เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เมื่อคุณเข้าใจหลักการแล้ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างประโยคที่ซับซ้อนและแสดงความคิดที่ลึกซึ้งมากขึ้น
การเข้าใจ part of speech ภาษาอังกฤษ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคุณให้เต็มที่ เริ่มจากการฝึกวิเคราะห์ประโยคง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับความซับซ้อนตามความสามารถที่พัฒนาขึ้น
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะไวยากรณ์และความเข้าใจ part of speech ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น PREP Edu มีหลักสูตร IELTS Course ที่ครอบคลุมการสอนไวยากรณ์อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมแบบฝึกหัดที่หลากหลายและการติดตามผลการเรียนแบบรายบุคคล ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถนำความรู้เรื่อง part of speech ไปใช้ในการสอบ IELTS และการสื่อสารในชีวิตจริงได้อย่างมั่นใจ

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
















