ค้นหาบทความการศึกษา

Stative Verbs กริยาบอกสภาวะ ไม่ใช่การกระทำ!

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเจ้าของภาษาถึงขมวดคิ้วเมื่อคุณพูดว่า "I am loving this song" หรือ "She is knowing the answer"? คำตอบอยู่ที่กฎไวยากรณ์ลับๆ ที่หลายคนมองข้าม นั่นคือ "stative verbs" หรือกริยาบอกสภาวะ ที่มีกฎการใช้พิเศษต่างจากกริยาทั่วไป ความเข้าใจผิดเล็กๆ นี้อาจทำให้การสื่อสารของคุณฟังดูแปลกและไม่เป็นธรรมชาติสำหรับเจ้าของภาษา

Stative verb คือ กริยาที่แสดงถึงสภาวะ ความคิด ความรู้สึก การรับรู้ หรือความสัมพันธ์ ไม่ใช่การกระทำที่มองเห็นได้ กริยาประเภทนี้มีกฎพิเศษคือโดยปกติจะไม่ใช้ในรูปแบบ continuous (-ing) เช่น know, believe, love, belong และ seem

Stative verbs แตกต่างจาก dynamic verbs อย่างชัดเจน ในขณะที่ dynamic verbs แสดงการกระทำหรือการเคลื่อนไหว (เช่น run, write, cook) ที่สามารถเห็นได้และมักใช้ในรูป continuous ได้ stative verbs แสดงสภาวะภายในที่มองไม่เห็น เช่น ความคิด ความรู้สึก หรือการรับรู้ ความเข้าใจเรื่อง state and action verbs จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง

เราสามารถแบ่ง stative verbs ออกเป็น 5 กลุ่มหลักตามลักษณะการใช้งาน: กลุ่มความคิดเห็น/สภาวะทางจิต (เช่น know, believe), กลุ่มความรู้สึก/อารมณ์ (เช่น love, hate), กลุ่มความเป็นเจ้าของ (เช่น have, own), กลุ่มการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (เช่น see, hear) และกลุ่มสภาวะอื่นๆ (เช่น seem, cost) ความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มต่างๆ นี้จะช่วยให้คุณใช้ stative verbs ได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ

ในบทความนี้ PREP จะพาคุณเจาะลึกเรื่อง stative verbs ตั้งแต่ความหมาย การใช้งาน ตัวอย่างประโยค ไปจนถึงข้อยกเว้นและแบบฝึกหัด เพื่อให้คุณเข้าใจและใช้ได้อย่างมั่นใจ พร้อมยกระดับภาษาอังกฤษของคุณให้ฟังเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา

พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียนรู้กฎพิเศษของ stative verbs ที่จะปรับการใช้ภาษาอังกฤษของคุณให้ถูกต้องแบบมืออาชีพ? มาเริ่มกันเลย!

Stative Verbs คืออะไร? รวมกริยาไม่แสดงการกระทำ พร้อมวิธีใช้ให้ถูกต้อง
รวม Stative Verbs กริยาไม่แสดงการกระทำ พร้อมวิธีใช้ให้ถูกต้อง
  1. I. Stative Verbs คืออะไร? 
  2. II. ทำไมต้องรู้จัก Stative Verbs?
    1. 1. กฎเหล็กสำคัญ: Stative Verbs กับข้อห้ามใช้ในรูป Continuous Tenses (เช่น -ing)
    2. 2. ความผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อใช้ Stative Verbs ไม่ถูกต้อง
  3. III. Stative Verbs ที่พบบ่อย
    1. 1. กริยาแสดงความคิดเห็น สภาวะทางจิต
    2. 2. กริยาแสดงความรู้สึก อารมณ์
    3. 3. กริยาแสดงความเป็นเจ้าของ
    4. 4. กริยาแสดงการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (Senses)
    5. 5. กริยาแสดงสภาวะอื่นๆ และการวัด
  4. IV. วิธีใช้ Stative Verbs 
    1. 1. การใช้ใน Simple Tenses: Present Simple, Past Simple เป็นหลัก
    2. 2. ตัวอย่างประโยค Stative Verbs ที่ถูกต้อง (เน้น Simple Tense)
    3. 3. ตัวอย่างเปรียบเทียบ: ความหมายที่ต่างกันเมื่อใช้ Simple vs. Continuous (สำหรับ Dynamic Verbs)
  5. V. กริยาที่เป็นได้ทั้ง Stative และ Dynamic
    1. 1. กริยาเจ้าปัญหา: ความหมายเปลี่ยนเมื่อใช้ต่าง Tense
    2. 2. ตัวอย่างเจาะลึก
  6. VI. Stative Verbs ในรูป Passive Voice (Stative Passive)
    1. 1. รูปแบบและการใช้งาน: เมื่อ Stative Verbs ถูกกระทำ
    2. 2. ตัวอย่างประโยค Stative Passive ที่ใช้กัน
  7. VII. FAQs เกี่ยวกับ Stative Verbs
    1. 1. คำว่า 'Collocation' ที่อยู่ในชื่อบทความ มีความเชื่อมโยงกับ Stative Verbs อย่างไรในการใช้งานจริง?
    2. 2. Stative Verbs กลุ่มใดที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษมักสับสนและใช้ผิดบ่อยที่สุด?
    3. 3. โดยทั่วไปแล้ว การทำความเข้าใจและจดจำ Stative Verbs ยากหรือง่ายกว่า Dynamic Verbs อย่างไร เพราะเหตุใด?
    4. 4. เราจำเป็นต้องท่องจำรายการ Stative Verbs ทั้งหมดเพื่อที่จะใช้งานได้อย่างถูกต้องจริงหรือไม่?
  8. VII. แบบฝึกหัดทดสอบความเข้าใจ Stative Verbs

I. Stative Verbs คืออะไร? 

Stative verb คือ กริยาประเภทหนึ่งที่แสดงถึงสภาวะ ความคิด ความรู้สึก การรับรู้ หรือความสัมพันธ์ โดยไม่ได้บ่งบอกถึงการกระทำที่มีการเคลื่อนไหวหรือพัฒนาการ stative verbs คือ กริยาที่บรรยายว่าบางสิ่งเป็นอย่างไร ไม่ใช่กำลังทำอะไรอยู่

ตัวอย่างเช่น คำว่า "know" (รู้) ไม่ได้แสดงการกระทำที่คุณสามารถมองเห็นได้ แต่เป็นสภาวะภายในจิตใจ คุณไม่สามารถ "กำลังรู้" (knowing) อะไรได้ คุณเพียงแค่ "รู้" (know) หรือ "ไม่รู้" (don't know) เท่านั้น

Stative Verbs vs. Dynamic (Action) Verbs ต่างกันอย่างไร?

เพื่อให้เข้าใจ stative and dynamic verbs ได้ดียิ่งขึ้น มาดูความแตกต่างผ่านตารางเปรียบเทียบกัน:

ลักษณะ

Stative Verbs

Dynamic (Action) Verbs

ความหมาย

แสดงสภาวะ ความรู้สึก ความเป็นเจ้าของ

แสดงการกระทำ การเคลื่อนไหว

การมองเห็นได้

มักเป็นสภาวะภายใน มองไม่เห็น

มักเป็นการกระทำภายนอก มองเห็นได้

การใช้ Continuous Tense

โดยทั่วไปไม่ใช้

ใช้ได้ปกติ

ตัวอย่าง

know, believe, love, belong

run, write, cook, study

Stative Verbs คืออะไร? รวมกริยาไม่แสดงการกระทำ พร้อมวิธีใช้ให้ถูกต้อง
Stative Verbs vs. Dynamic (Action) Verbs ต่างกันอย่างไร?

State and action verbs สามารถแยกแยะได้จากการทดสอบง่ายๆ: หากคุณสามารถบอกให้ใครทำอะไรได้ เช่น "Run!" หรือ "Write!" แสดงว่าเป็น Dynamic verb แต่คุณไม่สามารถสั่งว่า "Know!" หรือ "Believe!" ได้ เพราะเป็น Stative verb

II. ทำไมต้องรู้จัก Stative Verbs?

1. กฎเหล็กสำคัญ: Stative Verbs กับข้อห้ามใช้ในรูป Continuous Tenses (เช่น -ing)

ความเข้าใจเรื่อง stative verbs มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้ภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง เพราะมีกฎพื้นฐานที่แตกต่างจากกริยาทั่วไป นั่นคือ กริยาประเภทนี้จะไม่ปรากฏในรูป Continuous Tenses (กำลัง...) โดยปกติ

ประโยคที่ถูกต้อง: "I know the answer." (ฉันรู้คำตอบ) ประโยคที่ไม่ถูกต้อง: "I am knowing the answer." (ฉันกำลังรู้คำตอบ)

กฎข้อนี้เป็นจุดสังเกตสำคัญที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษต้องจดจำ เพราะการใช้ Continuous Tense กับ stative verb จะทำให้ประโยคผิดหลักไวยากรณ์และฟังแปลกหูสำหรับเจ้าของภาษา

2. ความผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อใช้ Stative Verbs ไม่ถูกต้อง

ความผิดพลาดในการใช้ stative verbs ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารหลายด้าน:

  1. ประโยคจะฟังดูไม่เป็นธรรมชาติสำหรับเจ้าของภาษา

  2. อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสาร

  3. ส่งผลต่อคะแนนในการสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS, TOEIC, TOEFL

  4. ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในการเขียนหรือการพูดในบริบททางธุรกิจ

ตัวอย่างความผิดพลาดที่พบบ่อย:

  • "I am loving this movie." (ผิด) → "I love this movie." (ถูก)

  • "They are owning a house." (ผิด) → "They own a house." (ถูก)

  • "She is wanting to go home." (ผิด) → "She wants to go home." (ถูก)

Stative Verbs คืออะไร? รวมกริยาไม่แสดงการกระทำ พร้อมวิธีใช้ให้ถูกต้อง
ความผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อใช้ Stative Verbs ไม่ถูกต้อง

III. Stative Verbs ที่พบบ่อย

Stative verbs สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มตามความหมายและลักษณะการใช้งาน ทำให้ง่ายต่อการเรียนรู้และจดจำ

1. กริยาแสดงความคิดเห็น สภาวะทางจิต

กลุ่มนี้แสดงความคิด ความเชื่อ และความเข้าใจ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ:

  • know (รู้)

  • believe (เชื่อ)

  • understand (เข้าใจ)

  • think (คิดว่า)

  • agree (เห็นด้วย)

  • suppose (สมมติ, คาดการณ์)

  • doubt (สงสัย)

  • recognize (จำได้)

  • remember (จำได้)

  • forget (ลืม)

ตัวอย่างประโยค: "I believe you are right about this." (ฉันเชื่อว่าคุณพูดถูกเกี่ยวกับเรื่องนี้)

2. กริยาแสดงความรู้สึก อารมณ์

กลุ่มนี้แสดงความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ:

  • love (รัก)

  • hate (เกลียด)

  • like (ชอบ)

  • prefer (ชอบมากกว่า)

  • want (ต้องการ)

  • wish (ปรารถนา)

  • need (ต้องการ)

  • care (ใส่ใจ)

  • desire (ปรารถนา)

  • mind (รังเกียจ)

ตัวอย่างประโยค: "She wants to visit Paris next year." (เธอต้องการไปเยือนปารีสปีหน้า)

3. กริยาแสดงความเป็นเจ้าของ

กลุ่มนี้แสดงความเป็นเจ้าของหรือความสัมพันธ์ในแง่ของการครอบครอง:

  • have (มี)

  • own (เป็นเจ้าของ)

  • belong (เป็นของ)

  • possess (ครอบครอง)

  • consist of (ประกอบด้วย)

  • contain (บรรจุ, มี)

  • include (รวมถึง)

ตัวอย่างประโยค: "This book belongs to my brother." (หนังสือเล่มนี้เป็นของพี่ชายฉัน)

4. กริยาแสดงการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (Senses)

กลุ่มนี้แสดงการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ:

  • see (เห็น)

  • hear (ได้ยิน)

  • smell (ได้กลิ่น)

  • taste (มีรสชาติ)

  • feel (รู้สึก)

ตัวอย่างประโยค: "I see what you mean now." (ตอนนี้ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณหมายถึงแล้ว)

5. กริยาแสดงสภาวะอื่นๆ และการวัด

กลุ่มนี้แสดงลักษณะ สภาพ หรือการวัดค่าต่างๆ:

  • seem (ดูเหมือน)

  • appear (ปรากฏ, ดูเหมือน)

  • cost (มีราคา)

  • weigh (หนัก)

  • be (เป็น, อยู่)

  • exist (มีอยู่)

  • depend (ขึ้นอยู่กับ)

  • matter (มีความสำคัญ)

ตัวอย่างประโยค: "This car costs too much for me." (รถคันนี้ราคาแพงเกินไปสำหรับฉัน)

IV. วิธีใช้ Stative Verbs 

1. การใช้ใน Simple Tenses: Present Simple, Past Simple เป็นหลัก

เนื่องจาก stative verbs แสดงสภาวะหรือสภาพที่คงที่ จึงมักใช้ใน Simple Tenses เป็นหลัก โดยเฉพาะ Present Simple และ Past Simple ดังนี้:

Stative Verbs คืออะไร? รวมกริยาไม่แสดงการกระทำ พร้อมวิธีใช้ให้ถูกต้อง
การใช้ Stative Verb ใน Simple Tenses: Present Simple, Past Simple

Present Simple:

  • I know the answer. (ฉันรู้คำตอบ)

  • She loves chocolate. (เธอชอบช็อกโกแลต)

Past Simple:

  • I knew the answer. (ฉันรู้คำตอบ)

  • She loved chocolate. (เธอชอบช็อกโกแลต)

Future Simple:

  • I will know the answer. (ฉันจะรู้คำตอบ)

  • She will love the gift. (เธอจะชอบของขวัญ)

Perfect Tense:

  • I have known him for years. (ฉันรู้จักเขามาหลายปีแล้ว)

  • She has loved chocolate since childhood. (เธอชอบช็อกโกแลตมาตั้งแต่เด็ก)

2. ตัวอย่างประโยค Stative Verbs ที่ถูกต้อง (เน้น Simple Tense)

มาดู stative verbs examples ที่ถูกต้องในประโยคต่างๆ:

  1. ความคิดเห็น/สภาวะทางจิต:

    • "I think this movie is interesting." (ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจ)

    • "They don't understand the problem." (พวกเขาไม่เข้าใจปัญหา)

  2. ความรู้สึก/อารมณ์:

    • "She likes Italian food." (เธอชอบอาหารอิตาเลียน)

    • "We don't need more supplies." (เราไม่ต้องการเสบียงเพิ่ม)

  3. ความเป็นเจ้าของ:

    • "He has two cars." (เขามีรถสองคัน)

    • "This painting belongs to the museum." (ภาพวาดนี้เป็นของพิพิธภัณฑ์)

  4. การรับรู้ทางประสาทสัมผัส:

    • "I hear a strange noise." (ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ)

    • "This soup tastes delicious." (ซุปนี้มีรสชาติอร่อย)

  5. สภาวะอื่นๆ:

    • "The situation seems complicated." (สถานการณ์ดูซับซ้อน)

    • "This book costs 500 baht." (หนังสือเล่มนี้ราคา 500 บาท)

3. ตัวอย่างเปรียบเทียบ: ความหมายที่ต่างกันเมื่อใช้ Simple vs. Continuous (สำหรับ Dynamic Verbs)

เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ลองดูความแตกต่างเมื่อใช้ Dynamic Verbs ในรูปแบบ Simple และ Continuous:

Dynamic Verb

Simple Tense

Continuous Tense

run

She runs every morning. (เธอวิ่งทุกเช้า - แสดงนิสัย/กิจวัตร)

She is running now. (เธอกำลังวิ่งอยู่ตอนนี้ - แสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น)

eat

I eat rice with every meal. (ฉันกินข้าวทุกมื้อ - แสดงนิสัย)

I am eating dinner. (ฉันกำลังกินอาหารเย็น - แสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น)

study

He studies English. (เขาเรียนภาษาอังกฤษ - แสดงกิจกรรมทั่วไป)

He is studying for a test. (เขากำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ - แสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น)

สังเกตว่า Dynamic Verbs สามารถใช้ได้ทั้งสองรูปแบบโดยความหมายจะต่างกัน แต่ Stative Verbs โดยทั่วไปจะใช้เฉพาะรูปแบบ Simple เท่านั้น

V. กริยาที่เป็นได้ทั้ง Stative และ Dynamic

1. กริยาเจ้าปัญหา: ความหมายเปลี่ยนเมื่อใช้ต่าง Tense

Stative Verbs คืออะไร? รวมกริยาไม่แสดงการกระทำ พร้อมวิธีใช้ให้ถูกต้อง
กริยาที่เป็นได้ทั้ง Stative และ Dynamic

ข้อยกเว้นที่สำคัญคือมีกริยาบางตัวที่สามารถเป็นได้ทั้ง Stative และ Dynamic ขึ้นอยู่กับความหมายที่ต้องการสื่อ เรามาดู stative verbs examples ที่เป็นได้ทั้งสองแบบ:

  • think

  • have

  • see

  • taste

  • feel

  • smell

  • weigh

  • be

กริยาเหล่านี้จะมีความหมายแตกต่างกันเมื่อใช้ในรูปแบบต่างกัน ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่ผู้เรียนต้องเรียนรู้เพิ่มเติม

2. ตัวอย่างเจาะลึก

ลองดูตัวอย่างเปรียบเทียบการใช้กริยาที่เป็นได้ทั้ง Stative และ Dynamic:

  1. think:

    • Stative: "I think she is right." (ฉันคิดว่าเธอพูดถูก - แสดงความคิดเห็น)

    • Dynamic: "I'm thinking about the problem." (ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับปัญหา - แสดงกระบวนการคิด)

  2. have:

    • Stative: "I have a car." (ฉันมีรถยนต์ - แสดงความเป็นเจ้าของ)

    • Dynamic: "I'm having lunch." (ฉันกำลังรับประทานอาหารกลางวัน - แสดงการกระทำ)

  3. see:

    • Stative: "I see the mountain from my window." (ฉันเห็นภูเขาจากหน้าต่าง - แสดงการมองเห็น)

    • Dynamic: "I'm seeing a doctor tomorrow." (ฉันจะไปพบหมอพรุ่งนี้ - แสดงการเข้าพบ)

  4. taste:

    • Stative: "This soup tastes good." (ซุปนี้รสชาติดี - แสดงคุณลักษณะ)

    • Dynamic: "The chef is tasting the sauce." (เชฟกำลังชิมซอส - แสดงการกระทำ)

  5. feel:

    • Stative: "I feel tired." (ฉันรู้สึกเหนื่อย - แสดงความรู้สึก)

    • Dynamic: "She is feeling the cloth's texture." (เธอกำลังสัมผัสเนื้อผ้า - แสดงการกระทำ)

เมื่อทำ stative verbs exercises คุณควรระมัดระวังกริยาเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะต้องดูบริบทประกอบทุกครั้ง

VI. Stative Verbs ในรูป Passive Voice (Stative Passive)

1. รูปแบบและการใช้งาน: เมื่อ Stative Verbs ถูกกระทำ

Stative passive verb เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นการใช้ Stative Verbs ในรูปแบบ Passive Voice เพื่อเน้นผลลัพธ์หรือสภาวะที่เกิดขึ้น โดยไม่เน้นผู้กระทำ รูปแบบคือ:

Subject + be + past participle + (by + agent)

โดยทั่วไป Stative Passive จะแสดงสภาวะที่เป็นผลมาจากการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

2. ตัวอย่างประโยค Stative Passive ที่ใช้กัน

ตัวอย่างการใช้ stative passive verb ในประโยคต่างๆ:

  1. "The house is owned by my parents." (บ้านหลังนี้เป็นของพ่อแม่ฉัน)

  2. "This painting is known worldwide." (ภาพวาดนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก)

  3. "The problem is understood by everyone." (ปัญหานี้เป็นที่เข้าใจโดยทุกคน)

  4. "Their marriage is believed to be happy." (เชื่อกันว่าการแต่งงานของพวกเขามีความสุข)

  5. "This tradition is remembered by all villagers." (ประเพณีนี้เป็นที่จดจำโดยชาวบ้านทุกคน)

VII. FAQs เกี่ยวกับ Stative Verbs

1. คำว่า 'Collocation' ที่อยู่ในชื่อบทความ มีความเชื่อมโยงกับ Stative Verbs อย่างไรในการใช้งานจริง?

Collocation หมายถึงกลุ่มคำที่มักปรากฏร่วมกันบ่อยๆ ในภาษา เมื่อพูดถึง stative verbs จะมี collocation เฉพาะที่มักใช้คู่กันเสมอ เช่น:

  • "strongly believe" (เชื่ออย่างมั่นคง)

  • "fully understand" (เข้าใจอย่างถ่องแท้)

  • "deeply love" (รักอย่างลึกซึ้ง)

  • "absolutely hate" (เกลียดสุดๆ)

การรู้จัก collocation ของ stative verbs จะช่วยให้การใช้ภาษาอังกฤษเป็นธรรมชาติและถูกต้องมากขึ้น

2. Stative Verbs กลุ่มใดที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษมักสับสนและใช้ผิดบ่อยที่สุด?

จากประสบการณ์การสอน กริยากลุ่มที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษมักสับสนมากที่สุดคือกลุ่มที่เป็นได้ทั้ง stative และ dynamic เช่น "think," "have," "feel" เพราะต้องพิจารณาบริบทและความหมายทุกครั้ง

รองลงมาคือกลุ่มความรู้สึกและอารมณ์ เช่น "love," "like," "hate" เพราะในภาษาไทยเราสามารถพูดว่า "กำลังรัก" หรือ "กำลังชอบ" ได้ แต่ในภาษาอังกฤษไม่สามารถใช้ "am loving" หรือ "am liking" ได้ในความหมายทั่วไป

3. โดยทั่วไปแล้ว การทำความเข้าใจและจดจำ Stative Verbs ยากหรือง่ายกว่า Dynamic Verbs อย่างไร เพราะเหตุใด?

การทำความเข้าใจ stative verbs มักยากกว่า dynamic verbs เพราะเหตุผลหลายประการ:

  1. Dynamic verbs มักเห็นภาพได้ชัดเจน (เช่น run, jump, write) ในขณะที่ stative verbs มักเป็นนามธรรม (เช่น know, believe, seem)

  2. ในภาษาไทยไม่มีข้อจำกัดการใช้กริยาในรูป continuous เหมือนในภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้เรียนชาวไทยต้องปรับแนวคิดเพิ่มเติม

  3. มีข้อยกเว้นหลายกรณีที่ต้องจดจำ โดยเฉพาะกริยาที่เป็นได้ทั้ง stative และ dynamic

4. เราจำเป็นต้องท่องจำรายการ Stative Verbs ทั้งหมดเพื่อที่จะใช้งานได้อย่างถูกต้องจริงหรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องท่องจำรายการ stative verbs ทั้งหมด แต่ควรเข้าใจหลักการและธรรมชาติของ stative verbs ว่าเป็นกริยาที่แสดงสภาวะไม่ใช่การกระทำ

วิธีที่ดีกว่าการท่องจำคือการฝึกใช้บ่อยๆ ทำ stative verbs exercises และสังเกตรูปแบบการใช้งานในบทความหรือบทสนทนาภาษาอังกฤษ เมื่อคุณเข้าใจแนวคิดพื้นฐานและได้ฝึกฝนมากพอ คุณจะสามารถแยกแยะ stative verbs ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

VII. แบบฝึกหัดทดสอบความเข้าใจ Stative Verbs

ลองทำ stative verbs exercises ต่อไปนี้เพื่อทดสอบความเข้าใจของคุณ:

แบบฝึกหัดที่ 1: จำแนกประเภท Stative หรือ Dynamic

ระบุว่ากริยาต่อไปนี้เป็น Stative Verb หรือ Dynamic Verb:

  1. Run

  2. Know

  3. Play

  4. Belong

  5. Love

  6. Write

  7. Seem

  8. Understand

  9. Cook

  10. Cost

คำตอบ: 1. Dynamic, 2. Stative, 3. Dynamic, 4. Stative, 5. Stative, 6. Dynamic, 7. Stative, 8. Stative, 9. Dynamic, 10. Stative

แบบฝึกหัดที่ 2: แก้ไขประโยคที่ผิด

แก้ไขประโยคต่อไปนี้หากมีการใช้ Stative Verbs ไม่ถูกต้อง:

  1. I am knowing the answer.

  2. They are owning a big house.

  3. She is running in the park.

  4. He is understanding the problem.

  5. We are cooking dinner.

คำตอบ:

  1. I know the answer. (ผิด - know เป็น stative verb)

  2. They own a big house. (ผิด - own เป็น stative verb)

  3. ถูกต้องแล้ว (run เป็น dynamic verb)

  4. He understands the problem. (ผิด - understand เป็น stative verb)

  5. ถูกต้องแล้ว (cook เป็น dynamic verb)

ทำแบบฝึกหัดเหล่านี้บ่อยๆ จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับการใช้ stative verbs มากขึ้น และสามารถใช้ได้อย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติ

การเข้าใจเรื่อง stative verbs อย่างถ่องแท้จะช่วยยกระดับภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้า และช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น แม้จะเป็นแนวคิดที่อาจท้าทายสำหรับผู้เรียนชาวไทย แต่ด้วยการฝึกฝนที่สม่ำเสมอ คุณจะเข้าใจและใช้ได้อย่างคล่องแคล่วในที่สุด

PREP หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่อง stative verbs ได้ดียิ่งขึ้น และพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้าอย่างมั่นใจ!

PREP – แพลตฟอร์มเรียน & ฝึกสอบอัจฉริยะที่ใช้ AI ช่วยให้คุณเรียนไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างสนุกสนาน ผ่านวิธีการเรียนรู้ที่ทันสมัย เช่น Context-based Learning, Task-based Learning และ Guided discovery เปลี่ยนความรู้ที่น่าเบื่อให้กลายเป็นบทเรียนที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจ นอกจากนี้ PREP ยังมี mindmap สรุปที่ช่วยให้นักเรียนทบทวนและค้นหาความรู้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการช่วยเหลือจาก AI พิเศษของ PREP คุณจะได้ตรวจพบและแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียง พร้อมติดตามการพัฒนาการออกเสียงของคุณตั้งแต่คำแต่ละคำจนถึงประโยคเต็ม เทคโนโลยี Prep AI จะช่วยฝึกการฟังการสะกดคำ เสริมสร้างคำศัพท์ใหม่ และฝึกฟังสำเนียงเจ้าของภาษาด้วย

ดาวน์โหลดแอป PREP ทันที เพื่อ เรียน IELTS และภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้านกับโปรแกรมการฝึกสอบออนไลน์คุณภาพสูง ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัคร!

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 อักขระ
Loading...
เข้าสู่ระบบ
เพื่อสัมผัสเนื้อหาพรีเมียมที่ปรับให้เหมาะกับคุณ

เนื้อหาแบบพรีเมียมเนื้อหาแบบพรีเมียม

ดูทั้งหมด

แผนที่เฉพาะบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

เชื่อมต่อกับ Prep

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
คุณสมบัติเด่น
ห้องฝึกการเขียน IELTS AI
ห้องฝึกพูด IELTS AI
Teacher Bee AI
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย
global sign trurst seal