Transitive and Intransitive Verbs แยกให้ชัด ใช้ให้ถูก

"I eat" vs "I eat breakfast" - ประโยคไหนถูก? "She arrived the station" หรือ "She arrived at the station"? Transitive and intransitive verbs เป็นการจำแนกกริยาที่หลายคนมองข้าม การเลือกใช้กริยาผิดประเภทจะทำให้ประโยคไม่สมบูรณ์หรือไม่ถูกไวยากรณ์ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างกริยาที่ต้องมีกรรมและไม่ต้องมีกรรมเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างประโยคที่ถูกต้อง

บทความนี้จะอธิบาย transitive and intransitive verbs transitive verb คือ transitive verb transitive intransitive verbs intransitive verb list transitive verb ประโยค และtransitive and intransitive verbs examples อย่างครอบคลุม

Transitive verb คือกริยาที่ต้องมีกรรม (object) รับการกระทำ เช่น eat, drink, read, write, buy โครงสร้างคือ S + V + O (I eat breakfast) ส่วน intransitive verb คือกริยาที่ไม่ต้องมีกรรม เช่น sleep, arrive, die, laugh, cry โครงสร้างคือ S + V (She sleeps)

ความสับสนหลักคือกริยาบางคำใช้ได้ทั้งสองแบบ เช่น eat (I eat an apple / I eat at 7 PM), read (She reads books / She reads well) นอกจากนี้ยังมี transitive vs intransitive phrasal verbs เช่น turn on (transitive) กับ wake up (intransitive) และ transitive intransitive linking verbs ที่เป็นประเภทพิเศษ

วิธีระบุคือถามคำถาม "What?" หรือ "Whom?" หลังกริยา ถ้าตอบได้แสดงว่ามีกรรม = transitive, ถ้าตอบไม่ได้ = intransitive ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการใช้ transitive verb โดยไม่มีกรรม หรือการใส่กรรมให้ intransitive verb

ในการสอบ IELTS การใช้กริยาอย่างถูกต้องเป็นส่วนสำคัญของคะแนน Grammatical Range and Accuracy

คุณจะได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง transitive และ intransitive verbs วิธีระบุประเภทกริยา กริยาที่ใช้ได้ทั้งสองแบบ phrasal verbs และ linking verbs ข้อผิดพลาดที่ต้องหลีกเลี่ยง และแบบฝึกหัดเพื่อทดสอบความเข้าใจ

มาเริ่มทำความเข้าใจ transitive และ intransitive verbs อย่างเป็นระบบที่จะทำให้การสร้างประโยคของคุณถูกต้องและสมบูรณ์มากขึ้นกันเลย

 

Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน
Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน

I. Transitive and Intransitive Verbs คืออะไร?

Transitive and intransitive verbs เป็นการแบ่งประเภทกริยาตามการใช้งานกับกรรม (object)

ประเภทกริยา

ความหมาย

ลักษณะสำคัญ

Transitive Verb

สกรรมกริยา

ต้องมีกรรม (Object) ตามหลัง

Intransitive Verb

อกรรมกริยา

ไม่ต้องการกรรม สมบูรณ์ในตัวเอง

1. Transitive Verb: กริยาต้องมีกรรม

Transitive verb คือ กริยาที่ต้องมี Object หรือกรรมตามหลังเพื่อให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์ คำว่า transitive มาจากภาษาละติน "transitus" ซึ่งหมายถึงการส่งผ่าน เหมือนกับการที่กริยาส่งผ่านการกระทำไปยังกรรม

Transitive and Intransitive Verbs Examples - Transitive:

  • She reads books. (เธออ่านหนังสือ)

  • He bought a car. (เขาซื้อรถยนต์)

  • They love music. (พวกเขารักเพลง)

Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน
Transitive Verb และ Intransitive Verb

2. Intransitive Verb: กริยาไม่ต้องมีกรรม

Intransitive verb เป็นกริยาที่ไม่ต้องการ Object เพื่อให้ประโยคมีความหมายครบถ้วน การกระทำของกริยาประเภทนี้ไม่ได้ส่งผ่านไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่จบลงที่ตัวประธานเอง

Transitive and Intransitive Verbs Examples - Intransitive:

  • The baby sleeps. (ทารกหลับ)

  • Birds fly. (นกบิน)

  • She arrived. (เธอมาถึงแล้ว)

II. วิธีแยก Transitive และ Intransitive Verbs 

การแยกแยะ transitive intransitive verbs อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่เมื่อคุณเข้าใจเทคนิคพื้นฐานแล้ว คุณจะสามารถระบุได้อย่างแม่นยำ

การตั้งคำถาม "อะไร" หรือ "ใคร" (What or Whom?) หลังกริยา วิธีการง่ายที่สุดในการแยกแยะคือการถามคำถามหลังกริยา:

สำหรับ Transitive Verbs:

  • ถามว่า "กริยา + อะไร?" หรือ "กริยา + ใคร?"

  • หากตอบได้ = เป็น Transitive Verb

  • หากตอบไม่ได้ = เป็น Intransitive Verb

ตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้:

ประโยค

คำถาม

คำตอบ

ประเภทกริยา

She eats pizza

She eats what?

Pizza

Transitive

He sleeps

He sleeps what?

ไม่มีคำตอบ

Intransitive

They study English

They study what?

English

Transitive

The sun rises

The sun rises what?

ไม่มีคำตอบ

Intransitive

ตัวอย่างประโยค Transitive Verb (พร้อมคำอธิบายโครงสร้าง S+V+O)

Transitive verb ประโยค ทำตามโครงสร้าง Subject + Verb + Object เสมอ การเข้าใจโครงสร้างนี้จะช่วยให้คุณสร้างประโยคได้อย่างถูกต้อง

คำศัพท์ (IPA)

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

Read

/riːd/

อ่าน

I read newspapers every morning. 

(ฉันอ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้า)

Write

/raɪt/

เขียน

She writes letters to her grandmother. 

(เธอเขียนจดหมายถึงยายของเธอ)

Buy

/baɪ/

ซื้อ

We bought fresh vegetables from the market.

(เราซื้อผักสดจากตลาด)

Watch

/wɒtʃ/

ดู

They watch movies on weekends. 

(พวกเขาดูหนังในวันหยุดสุดสัปดาห์)

Make

/meɪk/

ทำ

My mother makes delicious cake.

(แม่ของฉันทำเค้กที่อร่อยมาก)

ตัวอย่างประโยค Intransitive Verb (พร้อมคำอธิบายโครงสร้าง S+V)

Intransitive verb ใช้โครงสร้าง Subject + Verb โดยไม่ต้องมี Object ประโยคจะสมบูรณ์ด้วยกริยาเพียงตัวเดียว

คำศัพท์ (IPA)

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

Sleep

/sliːp/

หลับ

The children sleep peacefully. 

(เด็กๆ หลับอย่างสงบ)

Arrive

/əˈraɪv/

มาถึง

The train arrives at 3 PM. 

(รถไฟมาถึงตอนบ่าย 3 โมง)

Laugh

/lɑːf/

หัวเราะ

Everyone laughed at the joke. 

(ทุกคนหัวเราะกับเรื่องตลก)

Disappear

/ˌdɪsəˈpɪə/

หายไป

The magician disappeared suddenly. 

(นักมายากลหายไปอย่างกะทันหัน)

Exist

/ɪɡˈzɪst/

มีอยู่

Dinosaurs existed millions of years ago. 

(ไดโนเสาร์มีอยู่เมื่อหลายล้านปีก่อน)

III. กริยาที่ใช้ได้ทั้ง Transitive และ Intransitive (Ambitransitive Verbs)

Transitive and intransitive verbs บางคำสามารถใช้ได้ทั้งสองแบบ แต่ความหมายอาจแตกต่าง

Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน
Verbs ที่เป็นได้ทั้ง Transitive และ Intransitive (Ambitransitive Verbs)

กริยา

Transitive (มีกรรม)

Intransitive (ไม่มีกรรม)

Sing

She sings songs. 

(เธอร้องเพลง)

She sings beautifully. 

(เธอร้องเพลงเพราะมาก)

Run

He runs a company. 

(เขาบริหารบริษัท)

He runs every morning. 

(เขาวิ่งทุกเช้า)

Drive

I drive a car. 

(ฉันขับรถยนต์)

I drive carefully. 

(ฉันขับรถอย่างระมัดระวัง)

Cook

Mom cooks dinner. 

(แม่ทำอาหารเย็น)

Mom cooks well. 

(แม่ทำอาหารเก่ง)

สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ ความหมายของกริยาอาจเปลี่ยนไปตามการใช้งาน เช่น run ในความหมาย "วิ่ง" เป็น intransitive แต่ในความหมาย "บริหาร" เป็น transitive

IV. Transitive vs Intransitive Phrasal Verbs

Phrasal verbs หรือกริยาวลีเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่น่าสนใจในเรื่อง transitive vs intransitive phrasal verbs เนื่องจากการเพิ่มคำบุพบทหรือ adverb เข้าไปอาจเปลี่ยนลักษณะของกริยาได้

Transitive vs intransitive phrasal verbs (phrasal verbs ที่เป็น transitive และ intransitive)

1. Transitive Phrasal Verbs

  • Pick up - He picked up the phone. (เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา)

  • Turn off - Please turn off the lights. (กรุณาปิดไฟด้วย)

  • Look after - She looks after her younger brother. (เธอดูแลน้องชายของเธอ)

บทความที่แนะนำ: รวม Phrasal Verbs Turn ที่เจอบ่อย

2. Intransitive Phrasal Verbs

  • Break down - The car broke down. (รถเสียเฉยๆ)

  • Show up - He didn't show up yesterday. (เขาไม่มาเมื่อวานนี้)

  • Get up - I get up early. (ฉันตื่นเช้า)

บทความที่แนะนำ: รวม Phrasal Verbs Break ที่ใช้บ่อย

V. Transitive Intransitive Linking Verbs

Transitive intransitive linking verbs - Linking verbs เป็นประเภทพิเศษ

Linking verbs ไม่ใช่ transitive หรือ intransitive แบบปกติ เพราะตามด้วย complement ไม่ใช่ object

โครงสร้าง: Subject + Linking Verb + Complement (คำคุณศัพท์หรือคำนาม)

ประเภท

ตัวอย่าง

คำอธิบาย

Transitive

He reads books.

"books" เป็น direct object

Linking (Intransitive)

He is tall.

"tall" เป็น complement ไม่ใช่ object

Linking (Intransitive)

She became a doctor.

"a doctor" เป็น complement

VI. รวมลิสต์ Intransitive Verbs ที่พบบ่อยที่สุด

Intransitive verb list ที่คุณควรจำให้ได้:

กลุ่มการเคลื่อนไหว

กลุ่มการเปลี่ยนแปลง

กลุ่มการดำรงอยู่

arrive (มาถึง)

become (กลายเป็น)

exist (มีอยู่)

go (ไป)

grow (เติบโต)

live (อาศัยอยู่)

come (มา)

change (เปลี่ยนแปลง)

remain (คงอยู่)

travel (เดินทาง)

develop (พัฒนา)

stay (อยู่)

walk (เดิน)

appear (ปรากฏ)

belong (เป็นของ)

run (วิ่ง)

disappear (หายไป)

matter (สำคัญ)

บทความที่แนะนำ:

สรุป Auxiliary Verb คืออะไรง่าย ๆ ใน 3 นาที

Stative Verbs กริยาบอกสภาวะ

Modal Verb คืออะไร เข้าใจง่าย ใช้เป็นทันที

VII. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติม 

1. ประโยคทุกประโยคจำเป็นต้องมีกรรม (Object) ใช่หรือไม่?

ไม่ใช่ ประโยคที่ใช้ intransitive verb ไม่ต้องการ object เลย ความเข้าใจผิดนี้เกิดจากการคิดว่าประโยคทุกประโยคต้องมีโครงสร้าง Subject + Verb + Object แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประโยคที่มีแค่ Subject + Verb ก็สามารถสมบูรณ์ได้

2. Direct Object และ Indirect Object เกี่ยวข้องกับ Transitive Verb อย่างไร?

Transitive verb สามารถมี direct object เพียงอย่างเดียว หรือมีทั้ง direct และ indirect object ก็ได้ เช่น:

  • Direct Object เพียงอย่างเดียว: She bought a book. (เธอซื้อหนังสือ)

  • ทั้ง Indirect และ Direct Object: She bought him a book. (เธอซื้อหนังสือให้เขา)

3. นอกจาก Transitive และ Intransitive verb แล้ว ยังมี Verb ประเภทอื่นอีกไหมที่ควรรู้?

มี อีกหลายประเภท:

  • Linking Verbs - เชื่อมประธานกับ complement

  • Auxiliary Verbs - กริยาช่วย เช่น be, have, do

  • Modal Verbs - กริยาช่วยแสดงความเป็นไปได้ เช่น can, must, should

4. ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Transitive Verb และ Linking Verb คืออะไร?

ความแตกต่างหลักคือสิ่งที่ตามหลังกริยา:

  • Transitive Verb + Object (รับการกระทำ)

  • Linking Verb + Complement (อธิบายประธาน)

ตัวอย่าง transitive and intransitive verbs examples:

  • Transitive: He ate an apple. (เขากินแอปเปิ้ล) - apple รับการกระทำ

  • Linking: He is hungry. (เขาหิว) - hungry อธิบายสภาพของเขา

บทสรุปนี้หวังว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างกริยาที่เป็น transitive และ intransitive ได้อย่างชัดเจน และรู้ว่าเมื่อใดควรใช้โครงสร้างที่มีกรรมโดยตรงและเมื่อใดไม่ควรใช้ เพื่อให้การเขียนหรือพูดภาษาอังกฤษของคุณถูกต้องและดูเป็นธรรมชาติ

สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมสอบ IELTS และอยากพัฒนาทักษะไวยากรณ์อย่างจริงจัง PREP Education มีคอร์ส IELTS ออนไลน์ ที่ออกแบบอย่างมืออาชีพ ประกอบด้วยบทเรียนไวยากรณ์ คำศัพท์ เทคนิคการทำข้อสอบ และแบบฝึกหัดที่หลากหลาย PREP ช่วยวางแผนตารางเรียน ielts ให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณ ทำให้คุณสามารถฝึกฝนทั้งภาษาอังกฤษทั่วไปและเตรียมตัวสอบ IELTS ออนไลน์ได้อย่างครบวงจร พร้อมให้คุณมั่นใจในทุกข้อสอบที่กำลังจะมาถึง

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย
DMCA protect