ค้นหาบทความการศึกษา

เข้าใจ Transitive and Intransitive Verbs ใน 5 นาที

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษมักทำให้หลายคนงงงวยกับกริยาที่ดูเหมือนจะทำงานต่างกันไปในแต่ละประโยค บางครั้งกริยาตัวเดียวกันสามารถใช้ได้หลายรูปแบบ ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมบางประโยคต้องมี "กรรม" ตามหลัง แต่บางประโยคกลับไม่ต้องการ การเข้าใจความแตกต่างนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับ

Transitive and intransitive verbs เป็นหัวใจสำคัญของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ควบคุมโครงสร้างประโยคและความหมาย Transitive verb คือ กริยาที่ต้องการกรรมตามหลัง ในขณะที่ intransitive verb สามารถยืนอยู่ได้เพียงลำพัง

ความเข้าใจเรื่อง transitive intransitive verbs จะเปิดประตูสู่การใช้ภาษาอังกฤษที่หลากหลายและแม่นยำมากขึ้น เมื่อคุณรู้จัก transitive verb ประโยค และโครงสร้าง S+V+O คุณจะสามารถสร้างประโยคที่สื่อความหมายได้ชัดเจน การศึกษา intransitive verb list ที่ใช้บ่อยจะช่วยให้คุณจดจำและนำไปใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ในระดับที่ซับซ้อนขึ้น การทำความเข้าใจ transitive vs intransitive phrasal verbs จะช่วยให้คุณใช้กริยาวลีได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการเชื่อมโยงกับ transitive intransitive linking verbs ที่มีบทบาทเฉพาะในการเชื่อมประธานกับคำคุณศัพท์หรือคำนาม

บทความนี้จะนำเสนอ transitive and intransitive verbs examples ที่เข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคการแยกแยะที่ใช้ได้จริง ตัวอย่างประโยคที่แปลเป็นไทยอย่างเป็นธรรมชาติ และกลยุทธ์การจำที่มีประสิทธิภาพ คุณจะได้เรียนรู้วิธีการระบุกริยาแต่ละประเภท เข้าใจโครงสร้างประโยคที่แตกต่างกัน และสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการเขียนและพูดภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ

มาเริ่มต้นการเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของคุณเกี่ยวกับกริยาภาษาอังกฤษไปตลอดกาล

 

Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน
Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน
  1. I. Transitive Verb และ Intransitive Verb คืออะไร?
    1. 1. Transitive Verb (สกรรมกริยา): กริยาที่ "ต้องการกรรม" มารับความหมาย
    2. 2. Intransitive Verb (อกรรมกริยา): กริยาที่ "สมบูรณ์ในตัวเอง" ไม่ต้องการกรรม
  2. II. วิธีแยก Transitive และ Intransitive Verbs 
  3. III. Verbs ที่เป็นได้ทั้ง Transitive และ Intransitive (Ambitransitive Verbs)
  4. IV. Phrasal Verbs กับความเป็น Transitive และ Intransitive
    1. 1. Transitive Phrasal Verbs
    2. 2. Intransitive Phrasal Verbs
  5. V. Linking Verbs เป็น Intransitive Verbs ประเภทหนึ่ง
  6. VI. รวมลิสต์ Intransitive Verbs ที่พบบ่อยที่สุด
  7. VII. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติม 
    1. 1. ประโยคทุกประโยคจำเป็นต้องมีกรรม (Object) ใช่หรือไม่?
    2. 2. Direct Object และ Indirect Object เกี่ยวข้องกับ Transitive Verb อย่างไร?
    3. 3. นอกจาก Transitive และ Intransitive verb แล้ว ยังมี Verb ประเภทอื่นอีกไหมที่ควรรู้?
    4. 4. ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Transitive Verb และ Linking Verb คืออะไร?

I. Transitive Verb และ Intransitive Verb คืออะไร?

ประเภทกริยา

ความหมาย

ลักษณะสำคัญ

Transitive Verb

สกรรมกริยา

ต้องมีกรรม (Object) ตามหลัง

Intransitive Verb

อกรรมกริยา

ไม่ต้องการกรรม สมบูรณ์ในตัวเอง

1. Transitive Verb (สกรรมกริยา): กริยาที่ "ต้องการกรรม" มารับความหมาย

Transitive verb คือ กริยาที่ต้องมี Object หรือกรรมตามหลังเพื่อให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์ คำว่า transitive มาจากภาษาละติน "transitus" ซึ่งหมายถึงการส่งผ่าน เหมือนกับการที่กริยาส่งผ่านการกระทำไปยังกรรม

ตัวอย่างพื้นฐานของ transitive verb ประโยค:

  • She reads books. (เธออ่านหนังสือ)

  • He bought a car. (เขาซื้อรถยนต์)

  • They love music. (พวกเขารักเพลง)

Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน
Transitive Verb และ Intransitive Verb

2. Intransitive Verb (อกรรมกริยา): กริยาที่ "สมบูรณ์ในตัวเอง" ไม่ต้องการกรรม

Intransitive verb เป็นกริยาที่ไม่ต้องการ Object เพื่อให้ประโยคมีความหมายครบถ้วน การกระทำของกริยาประเภทนี้ไม่ได้ส่งผ่านไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่จบลงที่ตัวประธานเอง

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ intransitive verb:

  • The baby sleeps. (ทารกหลับ)

  • Birds fly. (นกบิน)

  • She arrived. (เธอมาถึงแล้ว)

II. วิธีแยก Transitive และ Intransitive Verbs 

การแยกแยะ transitive intransitive verbs อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่เมื่อคุณเข้าใจเทคนิคพื้นฐานแล้ว คุณจะสามารถระบุได้อย่างแม่นยำ

การตั้งคำถาม "อะไร" หรือ "ใคร" (What or Whom?) หลังกริยา วิธีการง่ายที่สุดในการแยกแยะคือการถามคำถามหลังกริยา:

สำหรับ Transitive Verbs:

  • ถามว่า "กริยา + อะไร?" หรือ "กริยา + ใคร?"

  • หากตอบได้ = เป็น Transitive Verb

  • หากตอบไม่ได้ = เป็น Intransitive Verb

ตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้:

ประโยค

คำถาม

คำตอบ

ประเภทกริยา

She eats pizza

She eats what?

Pizza

Transitive

He sleeps

He sleeps what?

ไม่มีคำตอบ

Intransitive

They study English

They study what?

English

Transitive

The sun rises

The sun rises what?

ไม่มีคำตอบ

Intransitive

ตัวอย่างประโยค Transitive Verb (พร้อมคำอธิบายโครงสร้าง S+V+O)

Transitive verb ประโยค ทำตามโครงสร้าง Subject + Verb + Object เสมอ การเข้าใจโครงสร้างนี้จะช่วยให้คุณสร้างประโยคได้อย่างถูกต้อง

คำศัพท์ (IPA)

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

Read /riːd/

อ่าน

I read newspapers every morning. 

(ฉันอ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้า)

Write /raɪt/

เขียน

She writes letters to her grandmother. 

(เธอเขียนจดหมายถึงยายของเธอ)

Buy /baɪ/

ซื้อ

We bought fresh vegetables from the market.

(เราซื้อผักสดจากตลาด)

Watch /wɒtʃ/

ดู

They watch movies on weekends. 

(พวกเขาดูหนังในวันหยุดสุดสัปดาห์)

Make /meɪk/

ทำ

My mother makes delicious cake.

(แม่ของฉันทำเค้กที่อร่อยมาก)

ตัวอย่างประโยค Intransitive Verb (พร้อมคำอธิบายโครงสร้าง S+V)

Intransitive verb ใช้โครงสร้าง Subject + Verb โดยไม่ต้องมี Object ประโยคจะสมบูรณ์ด้วยกริยาเพียงตัวเดียว

คำศัพท์ (IPA)

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

Sleep /sliːp/

หลับ

The children sleep peacefully. 

(เด็กๆ หลับอย่างสงบ)

Arrive /əˈraɪv/

มาถึง

The train arrives at 3 PM. 

(รถไฟมาถึงตอนบ่าย 3 โมง)

Laugh /lɑːf/

หัวเราะ

Everyone laughed at the joke. 

(ทุกคนหัวเราะกับเรื่องตลก)

Disappear /ˌdɪsəˈpɪə/

หายไป

The magician disappeared suddenly. 

(นักมายากลหายไปอย่างกะทันหัน)

Exist /ɪɡˈzɪst/

มีอยู่

Dinosaurs existed millions of years ago. 

(ไดโนเสาร์มีอยู่เมื่อหลายล้านปีก่อน)

III. Verbs ที่เป็นได้ทั้ง Transitive และ Intransitive (Ambitransitive Verbs)

หลายคนมักสับสนเมื่อพบกริยาที่สามารถใช้ได้ทั้งแบบ transitive และ intransitive ขึ้นอยู่กับบริบทของประโยค กริยาเหล่านี้เรียกว่า Ambitransitive Verbs

Transitive and Intransitive Verbs ความแตกต่างและตัวอย่างการใช้งาน
Verbs ที่เป็นได้ทั้ง Transitive และ Intransitive (Ambitransitive Verbs)

กริยา

Transitive (มีกรรม)

Intransitive (ไม่มีกรรม)

Sing

She sings songs. 

(เธอร้องเพลง)

She sings beautifully. 

(เธอร้องเพลงเพราะมาก)

Run

He runs a company. 

(เขาบริหารบริษัท)

He runs every morning. 

(เขาวิ่งทุกเช้า)

Drive

I drive a car. 

(ฉันขับรถยนต์)

I drive carefully. 

(ฉันขับรถอย่างระมัดระวัง)

Cook

Mom cooks dinner. 

(แม่ทำอาหารเย็น)

Mom cooks well. 

(แม่ทำอาหารเก่ง)

สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ ความหมายของกริยาอาจเปลี่ยนไปตามการใช้งาน เช่น run ในความหมาย "วิ่ง" เป็น intransitive แต่ในความหมาย "บริหาร" เป็น transitive

IV. Phrasal Verbs กับความเป็น Transitive และ Intransitive

Phrasal verbs หรือกริยาวลีเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่น่าสนใจในเรื่อง transitive vs intransitive phrasal verbs เนื่องจากการเพิ่มคำบุพบทหรือ adverb เข้าไปอาจเปลี่ยนลักษณะของกริยาได้

1. Transitive Phrasal Verbs

  • Pick up - He picked up the phone. (เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา)

  • Turn off - Please turn off the lights. (กรุณาปิดไฟด้วย)

  • Look after - She looks after her younger brother. (เธอดูแลน้องชายของเธอ)

2. Intransitive Phrasal Verbs

  • Break down - The car broke down. (รถเสียเฉยๆ)

  • Show up - He didn't show up yesterday. (เขาไม่มาเมื่อวานนี้)

  • Get up - I get up early. (ฉันตื่นเช้า)

V. Linking Verbs เป็น Intransitive Verbs ประเภทหนึ่ง

การเข้าใจ transitive intransitive linking verbs จะช่วยให้คุณมองภาพใหญ่ของระบบกริยาในภาษาอังกฤษได้ชัดเจนขึ้น Linking verbs เช่น be, seem, become จัดเป็น intransitive เพราะสิ่งที่ตามหลังไม่ใช่ object แต่เป็น complement ที่อธิบายลักษณะของประธาน

ตัวอย่างเปรียบเทียบ:

ประเภท

ตัวอย่าง

คำอธิบาย

Transitive

He reads books.

"books" เป็น direct object

Linking (Intransitive)

He is tall.

"tall" เป็น complement ไม่ใช่ object

Linking (Intransitive)

She became a doctor.

"a doctor" เป็น complement

VI. รวมลิสต์ Intransitive Verbs ที่พบบ่อยที่สุด

Intransitive verb list ที่คุณควรจำให้ได้:

กลุ่มการเคลื่อนไหว

กลุ่มการเปลี่ยนแปลง

กลุ่มการดำรงอยู่

arrive (มาถึง)

become (กลายเป็น)

exist (มีอยู่)

go (ไป)

grow (เติบโต)

live (อาศัยอยู่)

come (มา)

change (เปลี่ยนแปลง)

remain (คงอยู่)

travel (เดินทาง)

develop (พัฒนา)

stay (อยู่)

walk (เดิน)

appear (ปรากฏ)

belong (เป็นของ)

run (วิ่ง)

disappear (หายไป)

matter (สำคัญ)

VII. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติม 

1. ประโยคทุกประโยคจำเป็นต้องมีกรรม (Object) ใช่หรือไม่?

ไม่ใช่ ประโยคที่ใช้ intransitive verb ไม่ต้องการ object เลย ความเข้าใจผิดนี้เกิดจากการคิดว่าประโยคทุกประโยคต้องมีโครงสร้าง Subject + Verb + Object แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประโยคที่มีแค่ Subject + Verb ก็สามารถสมบูรณ์ได้

2. Direct Object และ Indirect Object เกี่ยวข้องกับ Transitive Verb อย่างไร?

Transitive verb สามารถมี direct object เพียงอย่างเดียว หรือมีทั้ง direct และ indirect object ก็ได้ เช่น:

  • Direct Object เพียงอย่างเดียว: She bought a book. (เธอซื้อหนังสือ)

  • ทั้ง Indirect และ Direct Object: She bought him a book. (เธอซื้อหนังสือให้เขา)

3. นอกจาก Transitive และ Intransitive verb แล้ว ยังมี Verb ประเภทอื่นอีกไหมที่ควรรู้?

มี อีกหลายประเภท:

  • Linking Verbs - เชื่อมประธานกับ complement

  • Auxiliary Verbs - กริยาช่วย เช่น be, have, do

  • Modal Verbs - กริยาช่วยแสดงความเป็นไปได้ เช่น can, must, should

4. ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Transitive Verb และ Linking Verb คืออะไร?

ความแตกต่างหลักคือสิ่งที่ตามหลังกริยา:

  • Transitive Verb + Object (รับการกระทำ)

  • Linking Verb + Complement (อธิบายประธาน)

ตัวอย่าง transitive and intransitive verbs examples:

  • Transitive: He ate an apple. (เขากินแอปเปิ้ล) - apple รับการกระทำ

  • Linking: He is hungry. (เขาหิว) - hungry อธิบายสภาพของเขา

การเข้าใจ transitive and intransitive verbs เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะยกระดับทักษะภาษาอังกฤษของคุณอย่างมีนัยสำคัญ จุดสำคัญที่ควรจำคือ:

การใช้เทคนิคการถามคำถาม "อะไร" หรือ "ใคร" หลังกริยาจะช่วยให้คุณแยกแยะได้อย่างแม่นยำ การฝึกฝนกับตัวอย่างประโยคที่หลากหลายและการเข้าใจว่ากริยาบางตัวสามารถเป็นได้ทั้ง transitive และ intransitive จะทำให้คุณมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น

ความรู้เรื่อง phrasal verbs และ linking verbs จะช่วยขยายความเข้าใจของคุณให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการนำความรู้นี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้คุณเชี่ยวชาญ transitive and intransitive verbs ได้อย่างแท้จริง

ที่ PREP คุณจะได้เรียนรู้แกรมม่าและคำศัพท์ภาษาอังกฤษผ่านวิธีการที่ทันสมัย เช่น Context-based Learning, Task-based Learning และ Guided Discovery ช่วยให้คุณเข้าใจและจำได้ง่ายขึ้น

PREP ยังมี Mindmap ให้คุณสามารถทบทวนและค้นหาความรู้ที่เรียนมาได้ทุกเมื่อ

ด้วยการสนับสนุนจาก AI Prep คุณจะพัฒนาการออกเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่เสียงพยัญชนะไปจนถึงประโยคเต็ม

การฝึกฟังและจดตามคำบอกจะช่วยเสริมคำศัพท์ใหม่ๆ พัฒนาทักษะการฟัง และทำความคุ้นเคยกับสำเนียงเจ้าของภาษา

ดาวน์โหลดแอป PREP ตอนนี้ เพื่อเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้าน กับโปรแกรมฝึกสอบออนไลน์คุณภาพสูง

ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัครเรียน!

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย