ค้นหาบทความการศึกษา
Irregular Verbs คืออะไร? เรียนรู้การใช้และวิธีจำคำกริยาผันที่ไม่เป็นปกติ
หลายคนเรียนภาษาอังกฤษมาหลายปี แต่ยังใช้ "I goed to school yesterday" หรือ "She writed a letter" ผิดๆ อยู่เรื่อยๆ ปัญหานี้เกิดจากการไม่เข้าใจ Irregular Verbs ซึ่งเป็นกริยาที่ไม่เป็นไปตามกฎการเติม -ed แบบปกติ และถือเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง
Irregular verbs คือ คำกริยาที่มีรูปแบบการเปลี่ยนแปลงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่สามารถใช้กฎกริยา เติม ed แบบทั่วไป การเรียนรู้ irregular verbs คืออะไร จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ
คำกริยาที่เราใช้ในชีวิตประจำวันกว่า 70% เป็น irregular verbs เช่น be, have, do, go, see, take, make ทั้งหมด กริยาเหล่านี้ปรากฏในทุกบทสนทนาและการเขียน ตั้งแต่การสื่อสารระดับพื้นฐานไปจนถึงการสอบ IELTS, TOEIC
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง regular irregular ช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าทำไม walk → walked → walked (กริยาปกติ) แต่ go → went → gone (กริยาไม่ปกติ) การเรียนรู้ irregular verbs list ที่สำคัญจะช่วยให้คุณใช้ Past Simple, Present Perfect, Passive Voice ได้อย่างถูกต้อง
ปัจจุบัน verb 2 และ กริยา เปลี่ยน รูป แบบไม่ปกติกลายเป็นความจำเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าจะสำหรับการสอบวัดผลทางการศึกษา การสมัครงาน หรือการสื่อสารในสถานการณ์จริง ความเข้าใจที่ผิดพลาดในเรื่องนี้อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการใช้ภาษาอังกฤษของคุณ
บทความนี้จะนำเสนอวิธีจำ Irregular Verbs อย่างเป็นระบบผ่านการจัดกลุ่มตามรูปแบบการเปลี่ยนรูป AAA, ABB, ABC, ABA พร้อมเทคนิคการจำที่มีประสิทธิภาพ คุณจะได้เรียนรู้กริยาที่ใช้บ่อยกว่า 100 คำ พร้อมตัวอย่างประโยคและการแปลที่เข้าใจง่าย ช่วยให้คุณนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ทันที
มาเริ่มต้นเรียนรู้ irregular verbs คือ อะไรกันอย่างละเอียด และค้นพบเคล็ดลับการจำที่จะเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นความเชี่ยวชาญ

- I. Irregular Verbs คืออะไร?
- II. รู้จัก 'กริยา 3 ช่อง': หัวใจของการผัน Irregular Verbs
- III. จัดกลุ่ม Irregular Verbs ตามรูปแบบการเปลี่ยนแปลง
- IV. ตัวอย่างการใช้ Irregular Verbs ในประโยค
- V. เทคนิคช่วยจำ Irregular Verbs
- VI. Irregular Verbs ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
- VII. คำถามที่พบบ่อยและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Irregular Verbs
- 1. นอกจาก Irregular Verbs ทั่วไปแล้ว 'Semi-modal Verbs' เช่น Dare และ Need คืออะไร?
- 2. สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มจำ Irregular Verbs กลุ่มไหนก่อนเป็นอันดับแรก?
- 3. จริงหรือไม่ที่คำกริยาที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่เป็น Irregular Verbs?
- 4. Irregular Verbs ในภาษาอังกฤษ แตกต่างจากกริยาผันไม่ปกติในภาษาเยอรมันอย่างไร?
I. Irregular Verbs คืออะไร?
1. นิยามของ Irregular Verbs
Irregular verbs คือ คำกริยาที่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปเป็น Past Simple และ Past Participle ด้วยการเติม -ed ที่ท้ายคำ แต่จะมีรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กริยาประเภทนี้มักเป็นคำที่มีต้นกำเนิดจากภาษาเยอรมันโบราณและได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ irregular verbs คุณจะพบว่าคำกริยาเหล่านี้ไม่เป็นไปตามกฎทั่วไปของการกริยา เติม ed เช่น walk → walked → walked แต่จะมีรูปแบบเฉพาะตัว เช่น go → went → gone หรือ eat → ate → eaten
2. เปรียบเทียบ Regular Verbs vs. Irregular Verbs
ประเภทกริยา |
รูปแบบการเปลี่ยน |
ตัวอย่าง |
Regular Verbs |
V1 + ed = V2/V3 |
play → played → played |
Irregular Verbs |
เปลี่ยนรูปไม่เป็นระบบ |
write → wrote → written |
การเปรียบเทียบระหว่าง regular irregular นี้ช่วยให้เข้าใจความแตกต่างพื้นฐาน Regular verbs มีกฎการเปลี่ยนรูปที่ชัดเจน ในขณะที่ irregular verbs คืออะไร ที่ต้องจำรูปแบบเฉพาะของแต่ละคำ
คำกริยาที่ใช้บ่อยที่สุดในการสื่อสารภาษาอังกฤษประจำวันกว่า 70% เป็น irregular verbs เช่น be, have, do, say, get, make คำกริยาเหล่านี้ปรากฏในทุกบทสนทนาและการเขียน ทำให้การเรียนรู้ irregular verbs คือ ความจำเป็นพื้นฐานสำหรับการใช้ภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว
การเข้าใจ irregular verbs list ช่วยให้คุณสามารถใช้ tenses ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น Past Simple, Present Perfect, หรือ Passive Voice ซึ่งล้วนต้องใช้รูปผันของกริยาเหล่านี้

II. รู้จัก 'กริยา 3 ช่อง': หัวใจของการผัน Irregular Verbs
1. ช่องที่ 1 (V1): Base Form - รูปพื้นฐานของคำกริยา
V1 หรือ Base Form คือรูปต้นของคำกริยาที่ใช้ในประโยคปัจจุบันธรรมดา เช่น: I go to school every day (ฉันไปโรงเรียนทุกวัน)
รูปนี้ใช้กับประธานพหูพจน์และประธานบุรุษที่ 1 และ 2
2. ช่องที่ 2 (V2): Past Simple - รูปอดีตที่ใช้บ่อยที่สุด
Verb 2 หรือ Past Simple Form ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต เช่น: I went to the market yesterday (ฉันไปตลาดเมื่อวาน)
รูปนี้ใช้กับประธานทุกตัวในประโยคอดีตธรรมดา
3. ช่องที่ 3 (V3): Past Participle - รูปที่ใช้ใน Tense ที่ซับซ้อนและ Passive Voice
V3 หรือ Past Participle ใช้ร่วมกับ auxiliary verbs ในการสร้าง Perfect Tenses และ Passive Voice เช่น: I have gone there before (ฉันเคยไปที่นั่นมาแล้ว)
หรือ The letter was written by him (จดหมายถูกเขียนโดยเขา)
III. จัดกลุ่ม Irregular Verbs ตามรูปแบบการเปลี่ยนแปลง
1. รูปเหมือนกันทั้ง 3 ช่อง (AAA)
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
cut |
cut |
cut |
ตัด |
I cut the paper with scissors (ฉันตัดกระดาษด้วยกรรไกร) |
put |
put |
put |
วาง |
She put the book on the table (เธอวางหนังสือบนโต๊ะ) |
hit |
hit |
hit |
ตี |
The ball hit the window (ลูกบอลกระแทกหน้าต่าง) |
shut |
shut |
shut |
ปิด |
Please shut the door (กรุณาปิดประตู) |
split |
split |
split |
แยก |
We split the bill at the restaurant (เราแบ่งจ่ายค่าอาหารที่ร้าน) |
cost |
cost |
cost |
ราคา |
This shirt cost 500 baht (เสื้อตัวนี้ราคา 500 บาท) |
hurt |
hurt |
hurt |
ทำร้าย |
My back hurt after exercise (หลังฉันเจ็บหลังออกกำลังกาย) |
let |
let |
let |
ให้ |
My parents let me go to the party (พ่อแม่ให้ฉันไปงานปาร์ตี้) |

2. ช่อง 2 และ 3 เหมือนกัน (ABB)
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
buy |
bought |
bought |
ซื้อ |
I bought a new car last week (ฉันซื้อรถใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) |
teach |
taught |
taught |
สอน |
My father taught me how to drive (พ่อสอนฉันขับรถ) |
catch |
caught |
caught |
จับ |
The cat caught a mouse (แมวจับหนู) |
bring |
brought |
brought |
นำมา |
She brought lunch to work (เธอนำอาหารกลางวันไปที่ทำงาน) |
think |
thought |
thought |
คิด |
I thought about you yesterday (ฉันคิดถึงเธอเมื่อวาน) |
fight |
fought |
fought |
ต่อสู้ |
The soldiers fought bravely (ทหารต่อสู้อย่างกล้าหาญ) |
build |
built |
built |
สร้าง |
They built a new house (พวกเขาสร้างบ้านใหม่) |
send |
sent |
sent |
ส่ง |
I sent an email to my boss (ฉันส่งอีเมลให้หัวหน้า) |
spend |
spent |
spent |
ใช้จ่าย |
We spent all day at the beach (เราใช้เวลาทั้งวันที่ชายหาด) |
find |
found |
found |
พบ |
I found my keys in the bag (ฉันพบกุญแจในกระเป๋า) |
3. ทั้ง 3 ช่องมีรูปต่างกัน (ABC)
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
go |
went |
gone |
ไป |
We have gone to many countries (เราไปหลายประเทศแล้ว) |
eat |
ate |
eaten |
กิน |
The food was eaten by the guests (อาหารถูกแขกกิน) |
write |
wrote |
written |
เขียน |
The letter was written in English (จดหมายถูกเขียนเป็นภาษาอังกฤษ) |
see |
saw |
seen |
เห็น |
I have seen this movie before (ฉันเคยดูหนังเรื่องนี้แล้ว) |
take |
took |
taken |
เอา |
My wallet was taken from my bag (กระเป๋าเงินถูกเอาออกจากกระเป๋า) |
give |
gave |
given |
ให้ |
The prize was given to the winner (รางวัลถูกมอบให้ผู้ชนะ) |
know |
knew |
known |
รู้ |
This place has been known for its food (สถานที่นี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร) |
break |
broke |
broken |
หัก/แตก |
The window was broken by the ball (หน้าต่างถูกลูกบอลทำให้แตก) |
speak |
spoke |
spoken |
พูด |
English is spoken worldwide (ภาษาอังกฤษถูกพูดทั่วโลก) |
choose |
chose |
chosen |
เลือก |
The winner was chosen by the judges (ผู้ชนะถูกเลือกโดยกรรมการ) |

4. ช่อง 1 และ 3 เหมือนกัน (ABA)
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
come |
came |
come |
มา |
They have come back home (พวกเขากลับบ้านแล้ว) |
run |
ran |
run |
วิ่ง |
I have run 5 kilometers today (ฉันวิ่ง 5 กิโลเมตรวันนี้) |
become |
became |
become |
กลายเป็น |
She has become a doctor (เธอกลายเป็นหมอแล้ว) |
5. กลุ่มพิเศษ: คำกริยาที่เปลี่ยนแปลงสระภายในคำ (i-a-u)
กลุ่มนี้มีรูปแบบการกริยา เปลี่ยน รูปที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเปลี่ยนสระตัวกลางตามลำดับ i → a → u
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
sing |
sang |
sung |
ร้องเพลง |
The song was sung beautifully (เพลงถูกร้องอย่างไพเราะ) |
ring |
rang |
rung |
ดัง |
The bell has rung three times (ระฆังดังสามครั้งแล้ว) |
begin |
began |
begun |
เริ่มต้น |
The meeting has begun (การประชุมเริ่มต้นแล้ว) |
drink |
drank |
drunk |
ดื่ม |
All the water has been drunk (น้ำถูกดื่มหมดแล้ว) |
swim |
swam |
swum |
ว่ายน้ำ |
She has swum across the lake (เธอว่ายน้ำข้ามทะเลสาบแล้ว) |
IV. ตัวอย่างการใช้ Irregular Verbs ในประโยค
1. การใช้ช่องที่ 2 (V2) ใน Past Simple Tense
Past Simple Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต การใช้ verb 2 ในประโยคนี้ต้องระวังเรื่องการผันรูปที่ไม่เป็นไปตามกฎ เช่น
-
I saw a beautiful sunset yesterday (ฉันเห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยงามเมื่อวาน)
-
She made a delicious cake for the party (เธอทำเค้กอร่อยสำหรับงานปาร์ตี้)
2. การใช้ช่องที่ 3 (V3) ใน Present Perfect Tense
Present Perfect Tense ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ยังมีผลกระทบต่อปัจจุบัน เช่น
-
I have broken my phone (ฉันทำโทรศัพท์แตก)
-
They have driven to Bangkok three times this month (พวกเขาขับรถไปกรุงเทพสามครั้งในเดือนนี้)
3. การใช้ช่องที่ 3 (V3) ใน Passive Voice (ประโยคที่ประธานถูกกระทำ)
Passive Voice ใช้เมื่อต้องการเน้นสิ่งที่ถูกกระทำมากกว่าผู้กระทำ เช่น
-
The window was broken by the storm (หน้าต่างถูกพายุทำให้แตก)
-
This book was written by a famous author (หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนโดยนักเขียนชื่อดัง)
V. เทคนิคช่วยจำ Irregular Verbs
1. การใช้ Flashcards และแอปพลิเคชัน
การสร้าง flashcards ด้วยการเขียน V1, V2, V3 และความหมายไว้คนละด้าน ช่วยให้สามารถทบทวนได้ทุกที่ทุกเวลา แอปพลิเคชันอย่าง Anki หรือ Quizlet ยังมีระบบ spaced repetition ที่ช่วยให้จำได้นานขึ้น
2. การแต่งประโยคจากคำศัพท์ที่เรียน
การนำ irregular verbs คือ คำที่เรียนมาแต่งประโยคในบริบทจริง ช่วยให้เข้าใจการใช้งานได้ดีขึ้น เช่น เมื่อเรียนคำว่า "choose - chose - chosen" ให้แต่งประโยคว่า "I chose this restaurant because the food is delicious" (ฉันเลือกร้านนี้เพราะอาหารอร่อย)
3. การท่องเป็นเพลงหรือจังหวะ
การจำคำกริยาด้วยการท่องเป็นจังหวะหรือเพลง ช่วยให้จำได้ง่ายและนานขึ้น เช่น "Go, went, gone - See, saw, seen - Take, took, taken" เมื่อท่องซ้ำหลายครั้งจะติดใจและเรียกใช้ได้รวดเร็ว
4. การฝึกทำแบบฝึกหัดและข้อสอบ
การทำแบบทดสอบและแบบฝึกหัดเป็นประจำ ช่วยให้ทราบจุดอ่อนและสามารถปรับปรุงได้ตรงจุด ควรเริ่มจากแบบฝึกหัดง่ายๆ แล้วค่อยเพิ่มความยากขึ้น
VI. Irregular Verbs ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
1. กริยาพื้นฐานที่ใช้ทุกวัน
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
have |
had |
had |
มี |
I have had this phone for two years (ฉันมีโทรศัพท์เครื่องนี้มาสองปีแล้ว) |
do |
did |
done |
ทำ |
The work was done yesterday (งานถูกทำเสร็จเมื่อวาน) |
make |
made |
made |
ทำ/สร้าง |
She made breakfast this morning (เธอทำอาหารเช้าวันนี้) |
get |
got |
got/gotten |
ได้รับ |
I got your message (ฉันได้รับข้อความของเธอ) |
say |
said |
said |
พูด |
What did you say? (เธอพูดอะไร?) |
feel |
felt |
felt |
รู้สึก |
I felt happy when I saw you (ฉันรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นเธอ) |
tell |
told |
told |
บอก |
He told me the truth (เขาบอกความจริงกับฉัน) |
hear |
heard |
heard |
ได้ยิน |
I heard a strange noise (ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ) |
2. กริยาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
drive |
drove |
driven |
ขับรถ |
She has driven to work every day (เธอขับรถไปทำงานทุกวัน) |
ride |
rode |
ridden |
ขี่ |
I rode my bicycle to school (ฉันขี่จักรยานไปโรงเรียน) |
fly |
flew |
flown |
บิน |
The bird flew over the house (นกบินผ่านบ้าน) |
fall |
fell |
fallen |
ตก/ล้ม |
The leaves have fallen from the tree (ใบไม้ร่วงจากต้นไม้แล้ว) |
throw |
threw |
thrown |
โยน |
He threw the ball to me (เขาโยนลูกบอลมาให้ฉัน) |
jump |
jumped |
jumped |
กระโดด |
The cat jumped onto the table (แมวกระโดดขึ้นโต๊ะ) |
3. กริยาเกี่ยวกับอาหารและการดำรงชีวิต
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
cook |
cooked |
cooked |
ทำอาหาร |
My mother cooked dinner for us (แม่ทำอาหารเย็นให้เรา) |
sleep |
slept |
slept |
นอน |
I slept for 8 hours last night (ฉันนอนหลับ 8 ชั่วโมงเมื่อคืน) |
wake |
woke |
woken |
ตื่น |
I woke up early this morning (ฉันตื่นเช้าวันนี้) |
wear |
wore |
worn |
ใส่ |
She wore a beautiful dress (เธอใส่ชุดสวย) |
sell |
sold |
sold |
ขาย |
They sold their house last month (พวกเขาขายบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว) |
pay |
paid |
paid |
จ่าย |
I paid the bill at the restaurant (ฉันจ่ายบิลที่ร้านอาหาร) |
4. กริยาเกี่ยวกับการเรียนรู้และการทำงาน
V1 |
V2 |
V3 |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
learn |
learned/learnt |
learned/learnt |
เรียนรู้ |
I learned English at school (ฉันเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียน) |
read |
read |
read |
อ่าน |
She read a book last night (เธออ่านหนังสือเมื่อคืน) |
understand |
understood |
understood |
เข้าใจ |
I understood the lesson (ฉันเข้าใจบทเรียน) |
forget |
forgot |
forgotten |
ลืม |
I forgot my password (ฉันลืมรหัสผ่าน) |
remember |
remembered |
remembered |
จำได้ |
Do you remember me? (เธอจำฉันได้ไหม?) |
meet |
met |
met |
พบ |
We met at the coffee shop (เราพบกันที่ร้านกาแฟ) |
VII. คำถามที่พบบ่อยและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Irregular Verbs
1. นอกจาก Irregular Verbs ทั่วไปแล้ว 'Semi-modal Verbs' เช่น Dare และ Need คืออะไร?
Semi-modal verbs เป็นคำกริยาที่มีลักษณะผสมผสานระหว่าง modal verbs และ main verbs คำเช่น dare และ need สามารถใช้ได้ทั้งแบบ modal (ไม่เติม s กับประธานเอกพจน์) และแบบ main verb (เติม s ตามปกติ) ขึ้นอยู่กับบริบทของประโยค
2. สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มจำ Irregular Verbs กลุ่มไหนก่อนเป็นอันดับแรก?
ควรเริ่มจากกลุ่ม AAA (รูปเหมือนกันทั้ง 3 ช่อง) เช่น cut, put, hit เพราะจำง่ายที่สุด จากนั้นเป็นกลุ่ม ABB เช่น buy-bought-bought และกลุ่ม ABA เช่น come-came-come สุดท้ายจึงเรียนกลุ่ม ABC ที่ซับซ้อนที่สุด
3. จริงหรือไม่ที่คำกริยาที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่เป็น Irregular Verbs?
จริง คำกริยา 25 อันดับแรกที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ เช่น be, have, do, say, get, make, go, know, take, see กว่า 70% เป็น irregular verbs ทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเรียนรู้กริยาประเภทนี้
4. Irregular Verbs ในภาษาอังกฤษ แตกต่างจากกริยาผันไม่ปกติในภาษาเยอรมันอย่างไร?
ภาษาเยอรมันมี irregular verbs ที่ซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษมาก เนื่องจากมีการผันตาม case และ gender ด้วย ในขณะที่ภาษาอังกฤษเหลือเพียงการผันตาม tense เท่านั้น ทำให้ irregular verbs คืออะไร ในภาษาอังกฤษเรียนรู้ได้ง่ายกว่า
การเรียนรู้ irregular verbs คือ รากฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและธรรมชาติ แม้ว่าการจำ irregular verbs list จะดูท้าทายในตอนแรก แต่ด้วยการจัดกลุ่มตามรูปแบบการเปลี่ยนรูปและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถเชี่ยวชาญกริยาเหล่านี้ได้
จำไว้ว่า irregular verbs คืออะไร ที่ต้องใช้ความอดทนและการฝึกฝนต่อเนื่อง เริ่มจากกลุ่มง่ายๆ และค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อน ด้วยเทคนิคการจำที่หลากหลายและการนำไปใช้ในประโยคจริง คุณจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
บทความที่เกี่ยวข้อง
ค้นหาบทความการศึกษา
แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
