Phrasal Verb คืออะไร? เรียนรู้การใช้ในประโยคภาษาอังกฤษ

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเจ้าของภาษาอังกฤษถึงพูด "turn on the light" แทนที่จะพูด "open the light" หรือใช้ "give up" แทน "surrender"? ความลับอยู่ที่การเข้าใจ phrasal verbs ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้การสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณฟังเป็นธรรมชาติและคล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษา

Phrasal verb คือ โครงสร้างภาษาที่ประกอบด้วยกริยาหลักและ particle ที่เมื่อรวมกันแล้วจะสร้างความหมายใหม่ที่แตกต่างจากความหมายเดิมของกริยาหลักโดยสิ้นเชิง การเรียนรู้ phrasal verb คือ อะไร จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความเป็นธรรมชาติในการใช้ภาษาอังกฤษ

การเข้าใจ phrasal verbs ไม่ใช่เพียงแค่การท่องจำคำศัพท์ แต่เป็นการเปิดประตูสู่การสื่อสารที่มีความหลากหลายและมีชีวิตชีวา เจ้าของภาษาใช้ phrasal verbs look, phrasal verbs take, phrasal verbs break, และ phrasal verbs run ในการสนทนาประจำวันมากกว่า 80% ของเวลา

การศึกษา phrasal verbs with put, phrasal verbs make, phrasal verbs come, phrasal verbs give, และ phrasal verbs turn จะช่วยให้คุณเข้าใจบริบทการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การแสดงอารมณ์ การบรรยายเหตุการณ์ ไปจนถึงการใช้ในงานเขียนเชิงวิชาการ

Phrasal verbs examples ที่คุณจะได้เรียนรู้ครอบคลุมทั้งประเภท separable และ inseparable พร้อมด้วย phrasal verb ตัวอย่างประโยค ที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ทันที การฝึกฝน ประโยค phrasal verb และ แต่ง ประโยค phrasal verb อย่างสม่ำเสมอจะทำให้ทักษะภาษาอังกฤษของคุณก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

บทความนี้จะพาคุณสำรวจโลกของ phrasal verbs อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ phrasal verb สรุป พื้นฐาน การ phrasal verb แปล ที่ถูกต้อง ไปจนถึงเทคนิคการ phrasal verb การ ใช้ ในระดับสูง พร้อมด้วยแบบฝึกหัดที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้งานจริง

มาเริ่มต้นการเดินทางสู่การเรียนรู้ phrasal verbs ที่จะเปลี่ยนวิธีการใช้ภาษาอังกฤษของคุณไปตลอดกาลกันเถอะ

I. Phrasal Verb คืออะไร? 

Phrasal verb คือ อะไร ที่แตกต่างจากกริยาทั่วไป? คำตอบคือ phrasal verb เป็นกริยาที่ประกอบด้วยคำกริยาหลัก (main verb) และ particle (คำอนุภาค) ที่เมื่อมารวมกันแล้วจะสร้างความหมายใหม่ที่แตกต่างจากความหมายเดิมของคำกริยาหลักโดยสิ้นเชิง

เช่น "look" แปลว่า "มอง" แต่เมื่อเป็น "look after" จะหมายถึง "ดูแล" ซึ่งไม่ใช่แค่การมองธรรมดา การเข้าใจ phrasal verb คือ การเข้าใจองค์ประกอบสำคัญที่ประกอบด้วย Verb + Particle โดย particle อาจเป็น preposition หรือ adverb ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนความหมายของกริยาหลัก

Phrasal verbs มีความสำคัญเพราะเป็นหัวใจของการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เจ้าของภาษาใช้ phrasal verbs แทนคำกริยาเดี่ยวที่เป็นทางการมากกว่า 70% เวลาพูดคุย การเรียนรู้ phrasal verb การ ใช้ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณเข้าใจการสนทนา ภาพยนตร์ หรือเพลงภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น

การใช้ phrasal verbs ยังช่วยให้การพูดของคุณฟังไม่เป็นทางการเกินไป แทนที่จะพูด "I terminated the meeting" คุณสามารถพูด "I called off the meeting" ซึ่งฟังเป็นธรรมชาติและเป็นมิตรมากกว่า

II. ประเภทของ Phrasal Verb

Transitive vs. Intransitive เป็นการแบ่งประเภทแรกที่คุณต้องเข้าใจ Transitive phrasal verbs ต้องการกรรม (object) เช่น "turn on the light" ส่วน Intransitive phrasal verbs ไม่ต้องการกรรม เช่น "break down" ในประโยค "The car broke down"

Separable vs. Inseparable เป็นการแบ่งประเภทที่สอง Separable phrasal verbs สามารถแยก particle ออกจากกริยาได้ เช่น "turn the light on" หรือ "turn on the light" ได้ทั้งคู่ ส่วน Inseparable phrasal verbs ไม่สามารถแยกได้ เช่น "look after" ต้องเขียน "look after the baby" เท่านั้น

III. คลัง Phrasal Verb ที่พบบ่อยที่สุด

1. Phrasal Verbs Look

Phrasal verbs look เป็นกลุ่มที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน การเข้าใจกลุ่มนี้จะช่วยให้คุณสื่อสารได้แม่นยำมากขึ้น

2. Phrasal Verbs Take

Phrasal verbs take มีการใช้งานหลากหลายและพบเจอบ่อยในการสนทนาทุกวัน ความเข้าใจในกลุ่มนี้จะเพิ่มความคล่องแคล่วในการใช้ภาษาอังกฤษ

3. Phrasal Verbs with Put

Phrasal verbs with put เป็นกลุ่มที่มีความหมายหลากหลายและใช้ในหลายบริบท การฝึกใช้กลุ่มนี้จะทำให้การแสดงออกของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

4. Phrasal Verbs Break

Phrasal verbs break มีความหมายที่หลากหลายเกินกว่าการทำลาย การเข้าใจกลุ่มนี้จะเพิ่มความสามารถในการแสดงความรู้สึกและสถานการณ์ต่างๆ

5. Phrasal Verbs Give

Phrasal verbs give แสดงการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยอมแพ้ มอบให้ หรือเปิดเผย การใช้กลุ่มนี้อย่างถูกต้องจะทำให้การสื่อสารมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น

6. Phrasal Verbs Come

Phrasal verbs come เป็นกลุ่มที่แสดงการเคลื่อนไหวหรือการเปลี่ยนแปลงสถานะ การใช้อย่างคล่องแคล่วจะช่วยให้การบรรยายเหตุการณ์มีความชัดเจนมากขึ้น

7. Phrasal Verbs Turn

Phrasal verbs turn แสดงการเปลี่ยนแปลงทิศทาง สถานะ หรือการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ กลุ่มนี้มีการใช้งานที่หลากหลายในชีวิตประจำวัน

8. Phrasal Verbs Run

Phrasal verbs make เป็นกลุ่มที่แสดงการสร้าง การทำให้เกิด หรือการจัดการในหลายรูปแบบ การเข้าใจกลุ่มนี้จะเพิ่มความสามารถในการแสดงออกอย่างชัดเจน

9. Phrasal Verbs Get

การใช้ "get" ใน phrasal verbs มีความหลากหลายมากที่สุดในภาษาอังกฤษ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเพิ่มเติมที่สำคัญ

10. Phrasal Verbs Run

Phrasal verbs run มีความหมายที่หลากหลายตั้งแต่การเคลื่อนที่ การจัดการ ไปจนถึงการพบเจอ การเข้าใจกลุ่มนี้จะเพิ่มความสามารถในการอธิบายสถานการณ์ต่างๆ

Phrasal verb สรุป ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ภาษาอังกฤษของคุณเป็นธรรมชาติมากขึ้น การเรียนรู้ phrasal verbs examples จากการใช้งานจริงและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจ จำไว้ว่าการ phrasal verb แปล นั้นไม่ใช่การแปลคำต่อคำ แต่ต้องเข้าใจความหมายโดยรวมของกลุ่มคำ

บทความแนะนำอ่านต่อ:

• เสริมสร้างคำศัพท์ของคุณด้วยหนังสือ English Phrasal Verbs in Use

IV. แบบฝึกหัด Phrasal Verbs: ทดสอบความเข้าใจของคุณ

1. แบบฝึกหัดที่ 1: เลือกคำตอบที่ถูกต้อง

เลือก phrasal verb ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละประโยค

1. I need to _______ my grandmother while my parents are away.

• a) look for

• b) look after

• c) look up to

• d) look down on

2. The meeting has been _______ until next week.

• a) put on

• b) put off

• c) put away

• d) put up with

3. Can you help me _______ a solution to this problem?

• a) come across

• b) come back

• c) come up with

• d) come over

4. My car _______ on the way to work this morning.

• a) broke up

• b) broke down

• c) broke into

• d) broke out

5. Don't _______ your dreams, keep trying!

• a) give away

• b) give in

• c) give out

• d) give up

เฉลย:

1. b) look after (ดูแล)

2. b) put off (เลื่อน)

3. c) come up with (คิดขึ้นได้)

4. b) broke down (เสีย)

5. d) give up (ยอมแพ้)

2. แบบฝึกหัดที่ 2: แยกประเภท Separable และ Inseparable

จัดประเภท phrasal verbs ต่อไปนี้ว่าเป็น Separable หรือ Inseparable และเขียนประโยคตัวอย่าง

เฉลย:

3. แบบฝึกหัดที่ 3: แต่งประโยค phrasal verb ในสถานการณ์จริง

ใช้ phrasal verbs ที่กำหนดให้ แต่งประโยคในสถานการณ์ต่อไปนี้

สถานการณ์ที่ 1: การเตรียมตัวไปทำงาน ใช้: get up, put on, turn off, pick up

สถานการณ์ที่ 2: การทำงานในออฟฟิศ
ใช้: carry out, take on, put off, come up with

สถานการณ์ที่ 3: การเลิกงานและกลับบ้าน ใช้: turn off, put away, run into, get home

ตัวอย่างเฉลย:

สถานการณ์ที่ 1:

• I get up at 6:30 every morning

• I put on my work clothes after breakfast

• Don't forget to turn off all the lights before leaving

• I need to pick up some documents from the office

สถานการณ์ที่ 2:

• We need to carry out this project by next month

• My boss asked me to take on more responsibilities

• Let's put off the meeting until everyone is available

• Can you come up with a better marketing strategy?

สถานการณ์ที่ 3:

• Please turn off your computer before leaving

• Put away all the files in the cabinet

• I ran into my college friend on the way home

• I usually get home around 7 PM

V. คำถามที่น่าสนใจ 

1. Phrasal Verb ทุกตัวสามารถแยกออกจากกัน (Separable) ได้ใช่หรือไม่?

คำตอบ: ไม่ใช่ Phrasal verbs แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ separable และ inseparable โดยไม่มีกฎตายตัวในการจำแนก

Separable phrasal verbs สามารถแยก particle ออกจากกริยาได้ เช่น:

• "Turn on the TV" หรือ "Turn the TV on" (ทั้งคู่ถูกต้อง)

• "Pick up the book" หรือ "Pick the book up"

Inseparable phrasal verbs ไม่สามารถแยกได้ เช่น:

• "Look after the children" (ถูกต้อง)

• "Look the children after" (ผิด)

การจำแนกนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้และฝึกฝนจากการใช้งานจริง เพราะไม่มีสูตรสำเร็จในการทำนาย

2. Phrasal Noun คืออะไร และต่างจาก Phrasal Verb อย่างไร?

Phrasal noun คือคำนามที่เกิดจากการนำ phrasal verb มาใช้ในรูปแบบคำนาม โดยมักจะเขียนติดกันหรือใช้เครื่องหมายยัติภังค์

ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลง:

ข้อแตกต่างหลัก:

• Phrasal verb: ทำหน้าที่เป็นกริยา บอกการกระทำ

• Phrasal noun: ทำหน้าที่เป็นคำนาม บอกสิ่งของหรือเหตุการณ์

3. การจัดกลุ่ม Phrasal Verb ตามหัวข้อต่างๆ

นอกจากการแบ่งตามกริยาหลักแล้ว การจัดกลุ่มตามหัวข้อช่วยให้การเรียนรู้เป็นระบบและใช้งานได้จริงมากขึ้น

กลุ่มการเงิน (Financial):

• pay off (ผ่อนจนหมด), save up (เก็บเงิน), pay back (คืนเงิน)

กลุ่มความสัมพันธ์ (Relationships):

• get along (เข้ากันได้), fall out (ทะเลาะ), make up (คืนดี)

กลุ่มการทำงาน (Work):

• carry out (ดำเนินการ), take on (รับผิดชอบ), hand in (ส่งงาน)

กลุ่มการเดินทาง (Travel):

• set off (ออกเดินทาง), check in (เช็คอิน), get on (ขึ้นรถ)

วิธีการเรียนรู้แบบนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์เฉพาะได้อย่างเหมาะสม

4. ความแตกต่างระหว่าง Prepositional Verb และ Phrasal Verb

ความแตกต่างหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงความหมายของกริยาหลัก

Prepositional Verb:

• ยังคงความหมายเดิมของกริยาหลัก

• Preposition ทำหน้าที่เชื่อมกริยากับกรรม

• ตัวอย่าง: "look at" (มองที่), "listen to" (ฟัง), "wait for" (รอ)

Phrasal Verb:

• สร้างความหมายใหม่ที่แตกต่างจากกริยาหลัก

• Particle เปลี่ยนความหมายของกริยาโดยสิ้นเชิง

• ตัวอย่าง: "look up" (ค้นหา), "look after" (ดูแล), "look down on" (ดูถูก)

การทดสอบแยกแยะ: ถ้าสามารถแทนที่ด้วยกริยาเดี่ยวที่มีความหมายเหมือนกันได้ แสดงว่าเป็น phrasal verb เช่น "look up" = "search", "give up" = "quit"

การพัฒนาทักษะ phrasal verbs ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการฟัง podcast หรือดูซีรีส์ภาษาอังกฤษเพื่อเห็น phrasal verbs ในบริบทจริง จากนั้นฝึกการ แต่ง ประโยค phrasal verb ด้วยตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ

การเข้าใจ phrasal verbs make ให้การสื่อสารของคุณมีความหลากหลายและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในงานเขียน การสนทนา หรือการสอบภาษาอังกฤษต่างๆ ความมั่นใจในการใช้ phrasal verbs จะเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้คุณโดดเด่นในการใช้ภาษาอังกฤษ

Phrasal verb ตัวอย่างประโยค ที่คุณเห็นในบทความนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การเรียนรู้ต่อไปควรมุ่งเน้นที่การใช้งานจริงและการสร้างความเข้าใจผ่านประสบการณ์ตรง เมื่อคุณเข้าใจแก่นแท้ของ phrasal verbs แล้ว ภาษาอังกฤษของคุณจะไม่เป็นเพียงแค่การแปลจากภาษาไทย แต่จะเป็นการคิดและสื่อสารในภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง