Phrasal Verbs Look ใช้ยังไง? รวมคำฮิต ตัวอย่างสั้นๆ เข้าใจทันที!

คุณเคยรู้สึกงงไหมเมื่อเจ้าของภาษาอังกฤษพูดว่า "look up" แต่ไม่ได้หมายถึงการมองขึ้นฟ้า หรือบอกให้ "look after" แต่ไม่ใช่การมองตามหลัง? นี่คือความลับของ phrasal verbs ที่ทำให้หลายคนสับสนและเป็นอุปสรรคในการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ

Phrasal verbs look เป็นกลุ่มคำศัพท์ที่สำคัญที่สุดในภาษาอังกฤษ เมื่อเข้าใจ phrasal verb คือ อะไร และ phrasal verb การ ใช้ อย่างถูกต้อง คุณจะสื่อสารได้คล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษา

การเรียนรู้ phrasal verbs ไม่ใช่แค่การท่องจำคำศัพท์ แต่เป็นการเข้าใจระบบภาษาที่ซับซ้อน เมื่อกริยา "look" มาผสมกับบุพบทหรือกริยาวิเศษณ์ต่างๆ จะสร้างความหมายใหม่ที่แตกต่างจากความหมายเดิมโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น look up look for มีความหมายและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ look at look to ก็มีนัยยะที่ไม่เหมือนกัน

ในชีวิตประจำวัน เจ้าของภาษาใช้ phrasal verbs มากกว่า 60% ในการสนทนา ดังนั้นการเข้าใจ phrasal verb ตัวอย่างประโยค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาทักษะการสื่อสาร การรู้จัก look off แปล หรือความหมายของ phrasal verbs อื่นๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจบทสนทนาได้ลึกซึ้งและตอบสนองได้อย่างเหมาะสม

บทความนี้จะนำเสนอ phrasal verbs ที่เริ่มต้นด้วย "look" แบบครบถ้วน จัดกลุ่มตามความหมายให้จำง่าย พร้อมตัวอย่างประโยคและเคล็ดลับการใช้งานระดับเซียน คุณจะได้เรียนรู้วิธีแยกแยะ phrasal verbs ที่แยกกันได้กับแยกไม่ได้ เข้าใจบริบทการใช้งานที่แตกต่างกัน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้ทันที

มาเริ่มต้นเรียนรู้ phrasal verbs กลุ่ม "look" กันเลย เพื่อยกระดับภาษาอังกฤษของคุณให้เป็นธรรมชาติและมั่นใจมากขึ้น!

I. Phrasal Verb คืออะไร?

กริยา + บุพบท/กริยาวิเศษณ์ = ความหมายใหม่

Phrasal verb คือการรวมกันระหว่างกริยาหลักกับบุพบทหรือกริยาวิเศษณ์ เพื่อสร้างความหมายใหม่ที่แตกต่างจากความหมายเดิมของกริยาหลัก การเข้าใจ phrasal verb คือ อะไร จะช่วยให้เราใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ

เมื่อกริยา "look" ที่แปลว่า "มอง" มาผสมกับบุพบทต่างๆ จะเกิดความหมายใหม่ที่หลากหลาย เช่น look up (ค้นหา), look after (ดูแล), look forward to (รอคอย) ซึ่งแต่ละคำจะมีบริบทการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง

กริยา "look" เป็นหนึ่งในกริยาพื้นฐานที่เจ้าของภาษาใช้บ่อยที่สุด เมื่อรวมกับบุพบทต่างๆ จะสร้างเป็น phrasal verbs ที่มีความหมายครอบคลุมกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การมอง การค้นหา การดูแล ไปจนถึงการแสดงทัศนคติ การเรียนรู้ phrasal verb การ ใช้ ในกลุ่มนี้จะช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ

II. รวม Phrasal Verbs Look ที่ต้องรู้ 

1. กลุ่มที่ 1: การมอง, การค้นหา และการตรวจสอบ 

กลุ่มนี้รวมรวม phrasal verbs ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สายตา การค้นหาข้อมูล และการตรวจสอบอย่างละเอียด เป็นกลุ่มที่ใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน Look up look for และ look at look to เป็นคู่คำที่คนมักสับสน แต่มีความหมายและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

• Look at: การมองตรงๆ ไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง: Look at เป็น phrasal verb พื้นฐานที่หมายถึงการใช้สายตามองไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างตั้งใจ หรือการพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ มักใช้ในการมองดูภาพ เอกสาร หรือสถานการณ์ต่างๆ

• Look for: การมองหาของที่หาย หรือสิ่งที่ต้องการ: หนึ่งใน phrasal verbs ที่ใช้บ่อยที่สุดคือ look for ซึ่งหมายถึงการค้นหาหรือตามหาสิ่งที่เราต้องการ สามารถใช้กับการหาสิ่งของ บุคคล งาน หรือโอกาสต่างๆ

• Look up: การค้นหาข้อมูล (ในพจนานุกรม/อินเทอร์เน็ต) และการแหงนมอง: Look up มีความหมายสองแบบหลัก คือ การค้นหาข้อมูลในพจนานุกรมหรืออินเทอร์เน็ต และการแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน การใช้ในบริบทต่างกันจะให้ความหมายที่แตกต่างกัน

• Look into: การตรวจสอบหรือสืบสวนเรื่องราวให้ลึกลงไป: Look into ใช้เมื่อเราต้องการตรวจสอบหรือสืบสวนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด มักใช้ในบริบททางการหรือเรื่องที่ต้องการความรอบคอบ

2. กลุ่มที่ 2: การดูแล, ความสัมพันธ์ และทัศนคติ

กลุ่มนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทัศนคติที่เรามีต่อผู้อื่น ครอบคลุมทั้งด้านบวกและด้านลบของการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เป็นกลุ่มที่สำคัญสำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

• Look after: การดูแลเอาใจใส่ (คน, สัตว์, สิ่งของ) Look after เป็น phrasal verb ที่แสดงถึงการดูแลหรือเอาใจใส่ใครบางคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มักใช้ในบริบทของการดูแลเด็ก ผู้ป่วย สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของที่มีค่า

• Look up to: การชื่นชม, เคารพยกย่อง การใช้ look up to แสดงถึงความรู้สึกชื่นชมและเคารพในตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มักใช้กับบุคคลที่เราถือเป็นแบบอย่างหรือมีคุณสมบัติที่น่าประทับใจ

• Look down on: การดูถูก, เหยียดหยาม ตรงข้ามกับ look up to คือ look down on ซึ่งแสดงถึงทัศนคติที่ดูถูกหรือเหยียดหยามผู้อื่น การใช้คำนี้มักอยู่ในบริบทเชิงลบ

3. กลุ่มที่ 3: อนาคต, การคาดหวัง และการพึ่งพา 

กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกและทัศนคติต่ออนาคต รวมถึงการคาดหวังและการพึ่งพาผู้อื่น เป็นกลุ่มที่แสดงถึงอารมณ์และความหวังของเรา

• Look forward to: การตั้งตารอคอยสิ่งที่จะเกิดขึ้น Look forward to เป็นหนึ่งใน phrasal verbs ที่ใช้บ่อยที่สุด แสดงถึงความรู้สึกตื่นเต้นหรือความคาดหวังเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต สิ่งสำคัญคือหลัง "to" ต้องตามด้วยคำนามหรือ gerund เท่านั้น

• Look to: การคาดหวังหรือพึ่งพาใครบางคน/บางสิ่ง Look to ใช้เมื่อเราคาดหวังความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากบุคคลหรือสถาบันใดสถาบันหนึ่ง มักใช้ในบริบทที่เป็นทางการหรือสถานการณ์ที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญ

4. กลุ่มที่ 4: การเตือน, การระวัง และรูปลักษณ์

กลุ่มสุดท้ายนี้เกี่ยวข้องกับการเตือนภัยและการสังเกตความผิดปกติ เป็นกลุ่มที่ใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการความระมัดระวังหรือเมื่อสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

• Look out!: การเตือนให้ระวังอันตราย (มักใช้เป็นคำอุทาน) Look out! เป็นคำเตือนที่ใช้เมื่อต้องการให้ใครสักคนระวังอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น มักออกเสียงด้วยความเร่งด่วนและมีอารมณ์

• Look off: การดูผิดปกติ, ดูแปลกไปจากเดิม Look off แปลว่าดูผิดปกติหรือแปลกไปจากเดิม มักใช้เมื่อสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้องหรือแตกต่างจากที่เคยเป็น

บทความแนะนำอ่านต่อ:

• การรวบรวม Collocation กับ Look ที่พบบ่อยที่สุด

III. ใช้ Phrasal verbs Look ให้เหมือนเจ้าของภาษา 

1. Phrasal Verbs ที่แยกกันได้ (Separable) กับแยกกันไม่ได้ (Inseparable)

การเข้าใจโครงสร้างไวยากรณ์ของ phrasal verbs look จะช่วยให้เราใช้งานได้อย่างถูกต้อง Phrasal verbs บางตัวสามารถแยกกันได้ เช่น look up สามารถเขียนเป็น look it up หรือ look up the word ได้ ในขณะที่บางตัวแยกไม่ได้ เช่น look after จะต้องเขียนต่อกันเสมอ

ตัวอย่าง Separable phrasal verbs:

• Look up the meaning (ค้นหาความหมาย)

• Look the meaning up (ค้นหาความหมาย)

ตัวอย่าง Inseparable phrasal verbs:

• Look after your sister (ดูแลน้องสาวของเธอ)

• Look forward to meeting you (รอคอยที่จะได้เจอเธอ)

2. หนึ่ง Phrasal Verb หลายความหมาย 

หลาย phrasal verbs มีความหมายมากกว่าหนึ่งความหมาย ขึ้นอยู่กับบริบทที่ใช้ การเข้าใจ phrasal verb ตัวอย่างประโยค ในบริบทต่างๆ จะช่วยให้เราเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม

Look up ตัวอย่างเช่น:

• Look up the word in dictionary. (ค้นหาคำในพจนานุกรม)

• Look up at the stars. (แหงนมองดาว)

• Things are looking up. (สถานการณ์กำลังดีขึ้น)

IV. ตารางสรุป Phrasal verbs Look 

V. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 

1. Phrasal Verb กับ Prepositional Verb แตกต่างกันอย่างชัดเจนอย่างไร?

ความแตกต่างหลักระหว่าง phrasal verb และ prepositional verb อยู่ที่ความหมายและโครงสร้าง Phrasal verbs สร้างความหมายใหม่ที่แตกต่างจากกริยาเดิม เช่น look up (ค้นหา) มีความหมายต่างจาก look (มอง) ส่วน prepositional verbs ยังคงความหมายของกริยาหลักไว้ เช่น look at (มองไปที่) ยังคงความหมายของ look อยู่

การแยกแยะนี้สำคัญเพราะจะส่งผลต่อโครงสร้างประโยคและการใช้งาน Phrasal verbs หลายตัวสามารถแยกกันได้ ในขณะที่ prepositional verbs มักจะไม่สามารถแยกได้

2. นอกจากแบ่งตามความหมายแล้ว เราสามารถจัดกลุ่ม Phrasal Verbs 'Look' ตามโครงสร้างไวยากรณ์ได้อีกหรือไม่?

แน่นอนว่าสามารถจัดกลุ่มตามโครงสร้างไวยากรณ์ได้ เราสามารถแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้:

• Transitive phrasal verbs (ต้องมีกรรม): look up, look after, look into

• Intransitive phrasal verbs (ไม่ต้องมีกรรม): look out (เป็นคำเตือน)

• Phrasal verbs ที่ใช้กับ preposition เพิ่มเติม: look forward to, look up to, look down on

การเข้าใจโครงสร้างเหล่านี้จะช่วยให้เราสร้างประโยคได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ

3. การใช้ Phrasal Verb ทำให้ภาษาอังกฤษของเราฟังดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นจริงหรือไม่?

ใช่แล้ว การใช้ phrasal verbs อย่างเหมาะสมจะทำให้ภาษาอังกฤษของเราฟังดูเป็นธรรมชาติและคล่องแคล่วมากขึ้น เจ้าของภาษาใช้ phrasal verbs ในการสนทนาประจำวันมากกว่าการใช้กริยาทางการหรือคำศัพท์ที่ซับซ้อน

ตัวอย่างเช่น การพูดว่า "look after your health" ฟังเป็นธรรมชาติมากกว่า "take care of your health" ในบางบริบท การเรียนรู้และใช้ phrasal verbs จึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ

4. Phrasal Verbs ที่ใช้ 'Look', 'See' และ 'Watch' ให้ความรู้สึกและนัยยะต่างกันอย่างไร?

แต่ละกริยาให้นัยยะและความรู้สึกที่แตกต่างกัน:

Look phrasal verbs เน้นการกระทำที่ตั้งใจและมีเป้าหมาย เช่น look for (ตั้งใจค้นหา), look at (ตั้งใจมอง)

See phrasal verbs เน้นการรับรู้หรือเข้าใจ เช่น see through (มองทะลุ, เข้าใจความจริง), see off (ไปส่ง)

Watch phrasal verbs เน้นการสังเกตอย่างต่อเนื่อง เช่น watch out (คอยระวัง), watch over (คอยดูแล)

การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกใช้คำได้อย่างแม่นยำและสื่อความหมายได้ตรงตามที่ต้องการ

การเรียนรู้ phrasal verbs look เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ จากการจัดกลุ่มตามความหมายและโครงสร้างไวยากรณ์ เราได้เห็นว่า phrasal verbs เหล่านี้ครอบคลุมกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างหลากหลาย ตั้งแต่การมอง การค้นหา การดูแล ไปจนถึงการแสดงทัศนคติ

เคล็ดลับสำคัญในการเชี่ยวชาญ phrasal verbs คือการฝึกใช้ในบริบทที่หลากหลายและการเข้าใจความแตกต่างระหว่างความหมายต่างๆ ของคำเดียวกัน การใช้ phrasal verbs อย่างถูกต้องจะทำให้การสื่อสารของเราเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการใช้งานจริงในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยการเข้าใจหลักการและการฝึกใช้อย่างต่อเนื่อง เราจะสามารถใช้ phrasal verbs ได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา