ค้นหาบทความการศึกษา

กริยา 3 ช่องของ Go ใช้ยังไงให้ถูก พร้อมประโยคตัวอย่าง!

การใช้กริยาในภาษาอังกฤษผิดพลาดเพียงคำเดียวก็ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปทั้งหมด หลายคนมักสับสนระหว่าง go, went, และ gone ส่งผลให้การสื่อสารไม่ชัดเจนและขาดความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ

วันนี้เราจะมาเจาะลึก go ช่อง 3 ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ พร้อมเทคนิคการใช้งาน go went gone ในทุกสถานการณ์

กริยา go เป็นหนึ่งในกริยาพื้นฐานที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ แต่การเปลี่ยนรูปจาก go v2 เป็น went และ go v3 เป็น gone ทำให้ผู้เรียนหลายคนเกิดความสับสน การเข้าใจ verb 3 go และ gone verb 3 อย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยในการสอบ TOEIC หรือ IELTS เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

ปัญหาที่พบบ่อยคือการใช้ กริยา ช่อง 3 go ผิดบริบท เช่น การสับสนระหว่าง gone กับ been หรือการใช้ went ในประโยคที่ต้องการ Perfect Tense นอกจากนี้ยังมีข้อผิดพลาดในการใช้ go v 2 กับ Modal Verbs หรือการเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของ gone ในประโยคต่างๆ

การเรียนรู้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณใช้กริยาเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเหตุการณ์ในอดีต การแสดงประสบการณ์ หรือการบอกสถานะปัจจุบัน

บทความนี้รวบรวมเทคนิคการใช้งาน go ทั้ง 3 รูปแบบ พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้ในชีวิตจริง ตารางเปรียบเทียบที่เข้าใจง่าย และเคล็ดลับการจำที่จะทำให้คุณใช้ได้อย่างมั่นใจ เริ่มต้นทำความเข้าใจกับพื้นฐานของ go ทั้ง 3 ช่องกันเลย!

กริยา 3 ช่องของ Go พร้อมตัวอย่างประโยคเข้าใจง่าย
กริยา 3 ช่องของ Go พร้อมตัวอย่างประโยคเข้าใจง่าย
  1. I. กริยา 3 ช่องของ Go: Go - Went - Gone คืออะไร?
  2. II. เจาะลึกการใช้ Go (V.1 - Infinitive/Present Simple)
    1. 1. ใช้ในประโยคปัจจุบันกาล (Present Simple Tense)
    2. 2. ใช้กับกริยาช่วย (Auxiliary Verbs)
    3. 3. ใช้ในประโยคคำสั่งและขอร้อง (Imperative)
  3. III. เจาะลึกการใช้ Went (V.2 - Past Simple)
    1. 1. กฎการใช้ Went: เล่าเหตุการณ์ในอดีตที่จบลงแล้ว
    2. 2. โครงสร้างและประโยคตัวอย่างที่พบบ่อย
  4. IV. การใช้ Gone (V.3 - Past Participle)
    1. 1. การใช้ Gone กับ Perfect Tenses
    2. 2. การใช้ Gone ในรูปประโยคถูกกระทำ (Passive Voice)
  5. V. ตารางเปรียบเทียบ Go, Went, Gone
  6. VI. ไขข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Go และการใช้งาน
    1. 1. Go จัดเป็นกริยาประเภทไหนในภาษาอังกฤษ?
    2. 2. เราสามารถใช้ "goed" แทน "went" ได้หรือไม่?
    3. 3. กริยาอปกติ (Irregular Verbs) ที่เปลี่ยนรูปคล้ายกันที่ควรรู้
    4. 4. ความแตกต่างระหว่างการใช้ 'go to' และ 'go on'

I. กริยา 3 ช่องของ Go: Go - Went - Gone คืออะไร?

กริยา go เป็นกริยาช่อง 3 go ที่จัดอยู่ในประเภท Irregular Verbs หรือกริยาอปกติ ซึ่งหมายความว่ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงจาก V1 ไป V2 และ V3 ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ทั่วไป เช่น เดียวกับกริยาปกติที่เติม -ed ที่ท้าย

รูปแบบ

คำกริยา

การออกเสียง (IPA)

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

V1

go

/ɡəʊ/

ไป

I go to school every day. 

(ฉันไปโรงเรียนทุกวัน)

V2

went

/went/

ไป (อดีต)

She went to Bangkok yesterday. 

(เธอไปกรุงเทพฯ เมื่อวาน)

V3

gone

/ɡɒn/

ไปแล้ว

They have gone home. 

(พวกเขาไปบ้านแล้ว)

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง go v2 และ go v3 จะช่วยให้การใช้งานในประโยคต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กริยา 3 ช่องของ Go พร้อมตัวอย่างประโยคเข้าใจง่าย
กริยา 3 ช่องของ Go: Go - Went - Gone

II. เจาะลึกการใช้ Go (V.1 - Infinitive/Present Simple)

1. ใช้ในประโยคปัจจุบันกาล (Present Simple Tense)

การใช้ go ในรูปปัจจุบันกาลแสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำหรือเป็นความจริงทั่วไป โครงสร้างประโยคจะเป็น Subject + go/goes + complement โดย goes ใช้กับประธานบุรุษที่ 3 เอกพจน์ (he, she, it)

ประธาน

กริยา

ตัวอย่าง

I/You/We/They

go

We go shopping on weekends. 

(เราไปช็อปปิ้งตอนวันหยุด)

He/She/It

goes

My brother goes to work by car. 

(พี่ชายฉันไปทำงานด้วยรถยนต์)

บทความแนะนำอ่านต่อ:

บทบาทของบุรุษสรรพนามในภาษาอังกฤษ

2. ใช้กับกริยาช่วย (Auxiliary Verbs)

เมื่อมีกริยาช่วยนำหน้า เช่น will, can, must, should เราจะใช้ go ในรูป infinitive เสมอ ไม่ว่าประธานจะเป็นอะไรก็ตาม

  • They will go to Europe next month. (พวกเขาจะไปยุโรปเดือนหน้า)

  • You can go anywhere you want. (คุณไปที่ไหนก็ได้ตามต้องการ)

  • Students must go to the library for research. (นักเรียนต้องไปห้องสมุดเพื่อทำวิจัย)

3. ใช้ในประโยคคำสั่งและขอร้อง (Imperative)

ในประโยคคำสั่งหรือขอร้อง เราใช้ go โดยไม่ต้องมีประธานนำหน้า เพราะเข้าใจกันโดยปริยายว่าหมายถึง you

  • Go straight and turn left at the traffic light. (ไปตรงแล้วเลี้ยวซ้ายที่ไฟแดง) 

  • Please go home safely. (กรุณากลับบ้านอย่างปลอดภัย)

III. เจาะลึกการใช้ Went (V.2 - Past Simple)

1. กฎการใช้ Went: เล่าเหตุการณ์ในอดีตที่จบลงแล้ว

Verb 3 goในรูป went ใช้สำหรับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอดีตแล้ว โดยมักจะมีคำบอกเวลาอดีตมาประกอบ เช่น yesterday, last week, ago, in 2023

คำบอกเวลา

ตัวอย่างประโยค

yesterday

I went to the market yesterday morning. 

(ฉันไปตลาดเมื่อเช้าวาน)

last week

The family went on vacation last week. 

(ครอบครัวไปเที่ยวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)

2 hours ago

She went to the gym 2 hours ago. 

(เธอไปฟิตเนสเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน)

2. โครงสร้างและประโยคตัวอย่างที่พบบ่อย

โครงสร้างพื้นฐานของประโยค Past Simple ด้วย went คือ Subject + went + complement โดยไม่ต้องแยกรูปตามประธาน เพราะ went เป็นรูปเดียวกันทุกประธาน

  • My parents went to visit my grandparents in Chiang Mai. (พ่อแม่ฉันไปเยี่ยมปู่ย่าที่เชียงใหม่) 

  • All students went to the science museum for educational trip. (นักเรียนทุกคนไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เพื่อทัศนศึกษา)

IV. การใช้ Gone (V.3 - Past Participle)

1. การใช้ Gone กับ Perfect Tenses

Gone verb 3 ใช้ร่วมกับกริยาช่วย have, has, had เพื่อสร้าง Perfect Tenses ซึ่งแสดงถึงการกระทำที่มีความเชื่อมโยงระหว่างเวลาต่างๆ

Tense

โครงสร้าง

ความหมาย

Present Perfect

have/has + gone

ไปแล้วและยังไม่กลับ

Past Perfect

had + gone

ไปแล้วก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต

Future Perfect

will have + gone

จะไปเสร็จเรียบร้อยแล้วในอนาคต

Present Perfect (have/has gone): "ไปแล้วและยังไม่กลับ"

Present Perfect ด้วย gone มักใช้เพื่อบอกว่าใครบางคนไปที่ไหนแล้วและยังไม่ได้กลับมา หรือยังคงอยู่ที่นั่น

  • Tom has gone to the post office. (ทอมไปที่ไปรษณีย์แล้ว - และยังไม่กลับมา) 

  • The children have gone upstairs to bed. (เด็กๆ ไปข้างบนเข้านอนแล้ว)

Past Perfect (had gone): "ไปแล้วก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต"

Past Perfect แสดงถึงการกระทำที่เสร็จสิ้นก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต มักใช้ร่วมกับ before, after, by the time

  • By the time I arrived, everyone had gone home. (เมื่อฉันมาถึง ทุกคนไปบ้านหมดแล้ว) 

  • She realized she had gone to the wrong building. (เธอรู้ตัวว่าไปผิดตึก)

Future Perfect (will have gone): "จะไปเสร็จเรียบร้อยแล้วในอนาคต"

Future Perfect ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่จะเสร็จสิ้นก่อนเวลาหนึ่งในอนาคต

  • By next Friday, the delegation will have gone to all five countries. (ภายในวันศุกร์หน้า คณะผู้แทนจะไปครบทั้ง 5 ประเทศแล้ว)

กริยา 3 ช่องของ Go พร้อมตัวอย่างประโยคเข้าใจง่าย
การใช้ Gone กับ Perfect Tenses

2. การใช้ Gone ในรูปประโยคถูกกระทำ (Passive Voice)

ในประโยค Passive Voice กริยา gone จะใช้ร่วมกับ be + gone เพื่อแสดงสถานะที่ถูกนำไปหรือหายไป

  • The documents are gone from my desk. (เอกสารหายไปจากโต๊ะของฉัน)

  • All the cookies were gone by evening. (คุกกี้หมดไปหมดตอนเย็น)

  • The old building will be gone next year. (อาคารเก่าจะไม่มีแล้วในปีหน้า)

V. ตารางเปรียบเทียบ Go, Went, Gone

Aspect

Go (V1)

Went (V2)

Gone (V3)

การใช้งาน

ปัจจุบัน/อนาคต/คำสั่ง

อดีตที่จบแล้ว

Perfect Tenses/Passive

เวลา

ตอนนี้/ทั่วไป/อนาคต

เมื่อวาน/ก่อนหน้านี้

เชื่อมโยงเวลา

ตัวอย่าง

I go to work daily

I went yesterday

I have gone there

คำแปล

ไป

ไป (อดีต)

ไปแล้ว

กริยาช่วย

will/can/must + go

ไม่มี

have/has/had + gone

VI. ไขข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Go และการใช้งาน

1. Go จัดเป็นกริยาประเภทไหนในภาษาอังกฤษ?

Go จัดเป็น Irregular Verb หรือกริยาอปกติ เพราะการเปลี่ยนรูปจาก go เป็น went และ gone ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของกริยาปกติที่เติม -ed นอกจากนี้ go ยังเป็น Intransitive Verb ที่ไม่ต้องการกรรมตามหลัง

2. เราสามารถใช้ "goed" แทน "went" ได้หรือไม่?

ไม่สามารถใช้ goed ได้ เพราะเป็นการผันคำที่ผิดหลักไวยากรณ์ แม้ว่าตามกฎของกริยาปกติจะเติม -ed แต่ go เป็นกริยาอปกติที่มีรูป went เป็นรูปgo v 2ที่ถูกต้องเท่านั้น

3. กริยาอปกติ (Irregular Verbs) ที่เปลี่ยนรูปคล้ายกันที่ควรรู้

V1

V2

V3

ความหมาย

come

came

come

มา

run

ran

run

วิ่ง

become

became

become

กลายเป็น

overcome

overcame

overcome

เอาชนะ

4. ความแตกต่างระหว่างการใช้ 'go to' และ 'go on'

Go to ใช้เพื่อระบุจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน ในขณะที่ go on มีความหมายหลากหลาย เช่น ดำเนินต่อไป เกิดขึ้น หรือเดินทางโดยพาหนะ

  • Go to: I need to go to the bank. (ฉันต้องไปธนาคาร)

  • Go on: Please go on with your story. (เล่าต่อเถอะ) / Let's go on the bus. (ไปรถเมล์กันเถอะ)

การเรียนรู้ go ช่อง 3 อย่างถูกต้องต้องอาศัยการฝึกฝนและทำความเข้าใจบริบทการใช้งานแต่ละรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ go สำหรับปัจจุบันและอนาคต went สำหรับอดีตที่สิ้นสุดแล้ว และ gone สำหรับ Perfect Tenses ที่เชื่อมโยงเวลาต่างๆ

ความเข้าใจในความแตกต่างระหว่าง gone และ been จะช่วยให้การสื่อสารมีความแม่นยำมากขึ้น โดย gone เน้นการยังคงอยู่ที่จุดหมาย ส่วน been เน้นประสบการณ์หรือการกลับมาแล้ว การฝึกใช้ในประโยคจริงและสังเกตบริบทจะทำให้คุณใช้ go went gone ได้อย่างเป็นธรรมชาติและถูกต้องในทุกสถานการณ์

เลือก PREP English สำหรับเส้นทางการเรียน IELTS ของคุณ! ด้วยเทคโนโลยี Prep AI คุณสามารถเรียนออนไลน์ที่บ้าน เรียนด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ และพิชิตเป้าหมายด้วยคอร์ส IELTS ที่ครบครัน นอกจากนี้ คุณยังได้รับการสนับสนุนแบบ 1-1 จาก Teacher Bee AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดการเรียน

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย