ค้นหาบทความการศึกษา

เข้าใจการใช้ Past Perfect Tense พร้อมตัวอย่างในประโยคภาษาอังกฤษ

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับกลางขึ้นไปมักทำให้ผู้เรียนหลายคนติดขัดเมื่อต้องเผชิญกับ Tenses ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะ past perfect tense ที่ดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นในการสื่อสาร แต่กลับเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การใช้ภาษาอังกฤษของคุณดูเป็นธรรมชาติและมีระดับเหมือนเจ้าของภาษา

Past perfect คือ เครื่องมือทางไวยากรณ์ที่ช่วยเล่าเหตุการณ์ในอดีตอย่างมีลำดับชั้น โดย โครงสร้าง past perfect มีรูปแบบเฉพาะที่ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้เพื่อการใช้งานที่ถูกต้อง

ความเข้าใจเรื่อง past perfect โครงสร้าง เชื่อมโยงโดยตรงกับแนวคิดของการจัดลำดับเหตุการณ์ในการเล่าเรื่อง เมื่อเราต้องการบอกว่าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นก่อนอีกสิ่งหนึ่งในอดีต ประโยค past perfect จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการสื่อสาร การใช้ past perfect ตัวอย่าง ประโยค ที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ไม่เกิดความสับสนในเรื่องของลำดับเวลา

นอกจากนี้ การเรียนรู้ past perfect tense ตัวอย่าง ประโยค ยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจ Reported Speech, Conditional Sentences และการเขียนเรียงความระดับสูง ทักษะเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษในงานอาชีพ การศึกษาต่อ หรือการสอบมาตรฐานสากล

บทความนี้จะพาคุณไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ past perfect ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคการใช้งานระดับมืออาชีพ พร้อมตัวอย่างประโยคที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ได้ทันที เริ่มต้นการเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนการใช้ภาษาอังกฤษของคุณให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มาเริ่มต้นทำความเข้าใจ past perfect tense อย่างถ่องแท้กันเลย!

Past Perfect Tense คืออะไร? วิธีใช้และตัวอย่างในภาษาอังกฤษ
Past Perfect Tense คืออะไร? วิธีใช้และตัวอย่างในภาษาอังกฤษ
  1. I. Past Perfect Tense คืออะไร? 
  2. II. โครงสร้างประโยค Past Perfect Tense
    1. 1. ประโยคบอกเล่า (Affirmative): Subject + had + V.3
    2. 2. ประโยคปฏิเสธ (Negative): Subject + had not (hadn't) + V.3
    3. 3. ประโยคคำถาม (Interrogative): Had + Subject + V.3?
  3. III. หลักการใช้ Past Perfect Tense 
    1. 1. ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นและจบลง ก่อน อีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต 
    2. 2. ใช้ในประโยค Reported Speech (Indirect Speech) เพื่อเปลี่ยนจาก Direct Speech ที่เป็น Past Simple หรือ Present Perfect
    3. 3. ใช้กับประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 (Third Conditional Sentences) เพื่อแสดงเงื่อนไขในอดีตที่ไม่เป็นจริง
  4. IV. Past Perfect Tense vs. Past Simple Tense
    1. 1. การเรียงลำดับเหตุการณ์: อะไรเกิดก่อน-หลัง
    2. 2. ตัวอย่างเปรียบเทียบความหมายที่เปลี่ยนไปเมื่อใช้คนละ Tense
  5. V. การใช้ Past Perfect ในความหมายแฝงและสถานการณ์พิเศษ
    1. 1. การใช้เพื่อเน้นย้ำเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นก่อน 'เวลาที่เจาะจง' ในอดีต
    2. 2. การใช้ร่วมกับ Adverbs of Time (just, already, never, etc.) เพื่อเพิ่มความหมาย
  6. VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs): เคลียร์ทุกประเด็นเกี่ยวกับ Past Perfect Tense
    1. 1. เราสามารถใช้ Past Perfect Tense กับเหตุการณ์เดียวได้หรือไม่?
    2. 2. "Had" ใน Past Perfect Tense ทำหน้าที่เป็นอะไรในประโยค?
    3. 3. นอกจาก before และ after แล้ว มีคำเชื่อม (Conjunctions) กลุ่มไหนอีกบ้างที่มักใช้กับ Past Perfect Tense?
    4. 4. Past Perfect Continuous แตกต่างจาก Past Perfect Simple อย่างไร?

I. Past Perfect Tense คืออะไร? 

Past perfect คือ การกระทำหรือเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นและจบลงแล้ว ก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีตจะเกิดขึ้น เป็น "อดีตของอดีต" ที่ช่วยให้เราบอกเล่าลำดับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน

นึกภาพให้ง่าย past perfect tense เหมือนการดูหนังย้อนอดีต ที่เราเห็นเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในอดีต แล้วผู้กำกับพาเราย้อนกลับไปดูอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั่นแหละคือ past perfect tense

II. โครงสร้างประโยค Past Perfect Tense

โครงสร้าง past perfect มีรูปแบบที่ตายตัวและง่ายต่อการจำ ดังนี้:

ประเภทประโยค

โครงสร้าง

ตัวอย่าง

ประโยคบอกเล่า

Subject + had + V.3

She had finished her homework.

(เธอทำการบ้านเสร็จแล้ว)

ประโยคปฏิเสธ

Subject + had not + V.3

They had not arrived yet.

(พวกเขายังมาไม่ถึง)

ประโยคคำถาม

Had + Subject + V.3?

Had you seen the movie?

(คุณดูหนังแล้วหรือยัง?)

1. ประโยคบอกเล่า (Affirmative): Subject + had + V.3

ประโยคบอกเล่าใน past perfect โครงสร้าง ใช้รูปแบบพื้นฐานที่ประกอบด้วยประธาน followed by "had" และกริยาช่องที่ 3 โครงสร้างนี้ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์

ตัวอย่างการใช้:

  • I had studied English for five years before I moved to Bangkok. (ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาห้าปีก่อนที่จะย้ายมาอยู่กรุงเทพ)

  • The train had left when we reached the station. (รถไฟออกไปแล้วตอนที่เรามาถึงสถานี)

2. ประโยคปฏิเสธ (Negative): Subject + had not (hadn't) + V.3

ประโยคปฏิเสธในรูปแบบ ประโยค past perfect สร้างได้โดยการเติม "not" หลัง "had" หรือใช้รูปย่อ "hadn't" เพื่อความสั้นกระชับ

ตัวอย่างการใช้:

  • We had not eaten anything since morning. (เราไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า)

  • He hadn't finished his project when the deadline came. (เขายังทำโปรเจกต์ไม่เสร็จตอนที่ถึงกำหนดส่ง)

Past Perfect Tense คืออะไร? วิธีใช้และตัวอย่างในภาษาอังกฤษ
โครงสร้างประโยค Past Perfect Tense

3. ประโยคคำถาม (Interrogative): Had + Subject + V.3?

ประโยคคำถามใน past perfect ตัวอย่าง ประโยค สร้างโดยการนำ "had" มาขึ้นต้นประโยค ตามด้วยประธานและกริยาช่องที่ 3

ตัวอย่างการใช้:

  • Had they completed the assignment before the class started? (พวกเขาทำงานเสร็จก่อนที่ชั้นเรียนจะเริ่มหรือไม่?)

  • Had you ever visited Thailand before this trip? (คุณเคยมาเที่ยวประเทศไทยก่อนการเดินทางครั้งนี้หรือไม่?)

III. หลักการใช้ Past Perfect Tense 

1. ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นและจบลง ก่อน อีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต 

Past perfect tense ตัวอย่าง ประโยค ที่สำคัญที่สุดคือการแสดงลำดับเหตุการณ์ในอดีต เมื่อเราต้องการบอกว่าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต

Past Perfect Tense คืออะไร? วิธีใช้และตัวอย่างในภาษาอังกฤษ
หลักการใช้ Past Perfect Tense 

เหตุการณ์แรก (Past Perfect)

เหตุการณ์ที่สอง (Past Simple)

ความหมาย

She had cooked dinner

when her husband came home

เธอทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว ตอนที่สามีกลับมาบ้าน

The movie had started

before we arrived at the cinema

หนังเริ่มแล้ว ก่อนที่เราจะมาถึงโรงหนัง

They had lived in Japan

for ten years when the earthquake happened

พวกเขาอยู่ญี่ปุ่นมาสิบปีแล้ว ตอนที่แผ่นดินไหวเกิดขึ้น

สังเกตคำเชื่อม (Signal Words) เช่น before, after, when, as soon as, by the time

คำเชื่อมเหล่านี้เป็นสัญญาณบอกให้เรารู้ว่าควรใช้ past perfect tense เพื่อแสดงลำดับเหตุการณ์:

  • Before: เหตุการณ์ที่เกิดก่อน "before" ใช้ past perfect

  • After: เหตุการณ์หลัง "after" ใช้ past perfect

  • When: มักใช้กับ past perfect เมื่อต้องการเน้นว่าเหตุการณ์หนึ่งเสร็จสิ้นแล้วก่อนอีกเหตุการณ์เกิดขึ้น

  • As soon as/By the time: แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นทันทีหรือในเวลาที่กำหนด

2. ใช้ในประโยค Reported Speech (Indirect Speech) เพื่อเปลี่ยนจาก Direct Speech ที่เป็น Past Simple หรือ Present Perfect

เมื่อเปลี่ยนคำพูดตรงเป็นคำพูดอ้อม หาก Direct Speech เป็น Past Simple หรือ Present Perfect จะเปลี่ยนเป็น Past Perfect ใน Indirect Speech

Direct Speech

Indirect Speech

I finished my work.

She said that she had finished her work. (เธอบอกว่าเธอทำงานเสร็จแล้ว)

We have visited Bangkok many times.

They told me they had visited Bangkok many times. (พวกเขาบอกฉันว่าเคยมากรุงเทพหลายครั้ง)

3. ใช้กับประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 (Third Conditional Sentences) เพื่อแสดงเงื่อนไขในอดีตที่ไม่เป็นจริง

Third Conditional ใช้แสดงสถานการณ์สมมติในอดีตที่ไม่เกิดขึ้นจริง โดยใช้ past perfect ในส่วนเงื่อนไข:

  • If I had studied harder, I would have passed the exam. (ถ้าฉันขยันเรียนมากกว่านี้ ฉันคงสอบผ่าน)

  • If they had left earlier, they wouldn't have missed the flight. (ถ้าพวกเขาออกไปเร็วกว่านี้ คงไม่พลาดเครื่องบิน)

IV. Past Perfect Tense vs. Past Simple Tense

1. การเรียงลำดับเหตุการณ์: อะไรเกิดก่อน-หลัง

ความแตกต่างสำคัญระหว่าง past perfect กับ past simple อยู่ที่การแสดงลำดับเหตุการณ์:

Past Perfect Tense คืออะไร? วิธีใช้และตัวอย่างในภาษาอังกฤษ
Past Perfect Tense vs. Past Simple Tense

Tense

การใช้งาน

ตัวอย่าง

Past Perfect

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนในอดีต

She had already left when I called. (เธอออกไปแล้วตอนที่ฉันโทรหา)

Past Simple

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังในอดีต หรือเหตุการณ์ที่เรียงตามลำดับเวลา

I called her at 8 PM. (ฉันโทรหาเธอตอนสองทุ่ม)

2. ตัวอย่างเปรียบเทียบความหมายที่เปลี่ยนไปเมื่อใช้คนละ Tense

การเลือกใช้ past perfect หรือ past simple ส่งผลต่อความหมายของประโยคอย่างมาก:

ตัวอย่างที่ 1:

  • When I arrived, she cooked dinner. (ตอนที่ฉันมาถึง เธอก็เริ่มทำอาหารเย็น - เกิดพร้อมกัน)

  • When I arrived, she had cooked dinner. (ตอนที่ฉันมาถึง เธอทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว - เธอทำเสร็จก่อน)

ตัวอย่างที่ 2:

  • After he ate breakfast, he went to work. (หลังจากกินข้าวเช้าแล้ว เขาไปทำงาน - เหตุการณ์ตามลำดับ)

  • After he had eaten breakfast, he went to work. (หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เขาไปทำงาน - เน้นว่ากินเสร็จสนิทก่อน)

บทความแนะนำอ่านต่อ:

V. การใช้ Past Perfect ในความหมายแฝงและสถานการณ์พิเศษ

1. การใช้เพื่อเน้นย้ำเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นก่อน 'เวลาที่เจาะจง' ในอดีต

Past perfect ยังใช้แสดงเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นก่อนจุดเวลาที่กำหนดในอดีต โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุการณ์อื่นมาเปรียบเทียบ:

  • By 2010, I had visited fifteen countries. (ภายในปี 2010 ฉันเที่ยวไปแล้วสิบห้าประเทศ)

  • She had completed her degree by the age of twenty. (เธอจบปริญญาตอนอายุยี่สิบปี)

2. การใช้ร่วมกับ Adverbs of Time (just, already, never, etc.) เพื่อเพิ่มความหมาย

Adverb

การใช้กับ Past Perfect

ตัวอย่าง

Just

เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

He had just arrived when the meeting started.

(เขาเพิ่งมาถึงตอนที่ประชุมเริ่ม)

Already

เกิดขึ้นแล้วก่อนเวลาที่คาดหวัง

They had already left when I got there.

(พวกเขาออกไปแล้วตอนที่ฉันไปถึง)

Never

ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต

She had never seen snow before moving to Canada.

(เธอไม่เคยเห็นหิมะมาก่อนที่จะย้ายไปแคนาดา)

Ever

เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่ (ในประโยคคำถาม)

Had you ever been to Thailand before?

(คุณเคยมาประเทศไทยมาก่อนหรือไม่?)

VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs): เคลียร์ทุกประเด็นเกี่ยวกับ Past Perfect Tense

1. เราสามารถใช้ Past Perfect Tense กับเหตุการณ์เดียวได้หรือไม่?

ได้ แต่ต้องมี reference point ในอดีตที่ชัดเจน เช่น เวลาที่กำหนด หรือบริบทที่บอกถึงการเปรียบเทียบกับอดีต Past perfect ไม่ใช่ tense ที่ใช้ยืนเดี่ยว แต่ต้องมีจุดอ้างอิงในอดีตเสมอ

2. "Had" ใน Past Perfect Tense ทำหน้าที่เป็นอะไรในประโยค?

"Had" ทำหน้าที่เป็น auxiliary verb (กริยาช่วย) ไม่ใช่ main verb ใน past perfect tense "Had" ไม่มีความหมายในตัวเอง แต่ช่วยบอกเวลาและรูปแบบของประโยคเท่านั้น

3. นอกจาก before และ after แล้ว มีคำเชื่อม (Conjunctions) กลุ่มไหนอีกบ้างที่มักใช้กับ Past Perfect Tense?

คำเชื่อมที่ใช้กับ past perfect มีหลายกลุ่ม:

  • Time conjunctions: until, since, as soon as, by the time, once

  • Conditional conjunctions: if (ในประโยค third conditional)

  • Conjunctions แสดงเหตุผล: because, since (เมื่อแสดงเหตุผลในอดีต)

4. Past Perfect Continuous แตกต่างจาก Past Perfect Simple อย่างไร?

Past Perfect Simple

Past Perfect Continuous

เน้นผลลัพธ์ที่เสร็จสิ้น

เน้นระยะเวลาของการกระทำ

She had finished her work. (เธอทำงานเสร็จแล้ว)

She had been working for three hours. (เธอทำงานมาสามชั่วโมงแล้ว)

การกระทำสิ้นสุดแล้ว

การกระทำยังคงดำเนินอยู่

Past perfect tense เป็นเครื่องมือสำคัญในการเล่าเรื่องและแสดงลำดับเหตุการณ์ในอดีตอย่างชัดเจน การเข้าใจโครงสร้างและหลักการใช้งานจะช่วยให้คุณสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ

จุดสำคัญที่ต้องจำ: past perfect ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต หรือก่อนจุดเวลาที่กำหนดในอดีต การฝึกฝนการใช้คำเชื่อมและการสังเกตบริบทจะช่วยให้คุณใช้ past perfect tense ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

เริ่มฝึกใช้ past perfect tense ในการเล่าประสบการณ์ส่วนตัว การอ่านเรื่องสั้น และการเขียนบันทึกประจำวัน เมื่อฝึกใช้บ่อยๆ คุณจะพบว่า past perfect tense กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารภาษาอังกฤษที่เป็นธรรมชาติและคล่องแคล่ว

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...
เข้าสู่ระบบ
เพื่อสัมผัสเนื้อหาพรีเมียมที่ปรับให้เหมาะกับคุณ

เนื้อหาแบบพรีเมียมเนื้อหาแบบพรีเมียม

ดูทั้งหมด

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย