ค้นหาบทความการศึกษา

เติม ed ยังไงให้ถูก? สรุปหลักการเติม ed และออกเสียง ed ทั้ง 3 แบบ

คุณเคยงงไหมว่า "เมื่อไหร่ควรเติม ed" หรือ "เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed ตอนไหน"? หลายคนรู้จักกับการเติม ed แต่กลับพบความสับสนเมื่อต้องใช้จริง บางครั้งเติมแล้วต้องเปลี่ยนตัวอักษร บางครั้งต้องเบิ้ลตัวสะกด ทำให้หลายคนท้อใจและพลาดในการสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะเมื่อต้องเขียนหรือพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต

หลักการเติม ed เป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้ภาษาอังกฤษ เพราะเป็นกุญแจสำคัญในการบอกเล่าเรื่องราวในอดีต การเติม ed ช่วยเปลี่ยน คํา กริยา ที่ เติม ed ให้อยู่ในรูป past simple หรือ past tense ที่ใช้สื่อสารเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว

เมื่อพูดถึง การ เติม ed คือ การเปลี่ยนแปลงรูปคำกริยาปกติ (Regular Verbs) เพื่อแสดงว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นในอดีต แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า หลักการ ใช้ ed ไม่ได้มีเพียงแค่การสร้างอดีตกาลธรรมดาเท่านั้น แต่ยังใช้สร้าง Past Participle สำหรับ Perfect Tenses และประโยค Passive Voice อีกด้วย ทำให้เห็นว่าการเข้าใจ ก ฏ การ เติม ed อย่างถ่องแท้มีความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในหลายระดับ

นอกจากนี้ วิธี เติม ed ยังมีความซับซ้อนในตัวเอง เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะของคำกริยานั้นๆ ต้องพิจารณาว่าคำลงท้ายด้วยอะไร มีโครงสร้างอย่างไร และ เติม ed เมื่อ ไหร่จึงจะถูกต้อง บางคำเติม ed ได้ทันที บางคำต้องเปลี่ยน y เป็น i ก่อน บางคำต้องเบิ้ลตัวสะกดท้าย และที่สำคัญ การออกเสียง ed ยังมีถึง 3 แบบที่แตกต่างกัน (/t/, /d/, /ɪd/) ขึ้นอยู่กับเสียงท้ายของคำกริยาเดิม

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ หลักการเติม ed แบบละเอียด พร้อมเทคนิคการจดจำที่ใช้ได้จริง ตัวอย่างประโยคในชีวิตประจำวัน และข้อยกเว้นที่ควรรู้ โดยจะอธิบายทั้งกฎพื้นฐาน กรณีพิเศษ และ คํา ศัพท์ ที่ เติม ed ที่พบบ่อย

พร้อมแล้วหรือยังที่จะเข้าใจ หลักการเติม ed อย่างถ่องแท้? ไปติดตามแต่ละหัวข้อกันเลย เพื่อให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเขียนหรือพูด!

 

หลักการเติม ed และการออกเสียง ed ในภาษาอังกฤษ พร้อมเทคนิคจำง่าย
หลักการเติม ed และการออกเสียง ed ในภาษาอังกฤษ พร้อมเทคนิคจำง่าย
  1. I. รู้จักหน้าที่สำคัญของ -ed ในภาษาอังกฤษ
    1. 1. สร้างรูปอดีตกาล (Simple Past Tense)
    2. 2. สร้างรูป Past Participle (ใช้ใน Perfect Tenses และ Passive Voice)
  2. II. หลักการเติม ed ที่ต้องรู้ (สำหรับ Regular Verbs)
    1. 1. กฎพื้นฐานที่สุด: เติม ed ต่อท้ายคำกริยาได้เลย
    2. 2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e: เติมแค่ d ไม่ต้องซ้ำ e
    3. 3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y: มี 2 แบบ ต้องดูตัวหน้า y!
    4. 4. คำกริยาสั้น (1 พยางค์) เสียงสั้น (สระ 1 + ตัวสะกด 1): เบิ้ลตัวสะกดท้ายก่อนเติม ed
    5. 5. ข้อควรจำพิเศษ: คำกริยา 2 พยางค์ที่ลงท้ายด้วย CVC และเน้นเสียงพยางค์ท้าย
  3. III. Irregular Verbs (คำกริยาที่ไม่เติม ed)
  4. IV. เติม ed แล้วออกเสียงยังไง? เคล็ดลับง่ายๆ 3 เสียงหลัก (/t/, /d/, /ɪd/)
    1. 1. เสียง /t/
    2. 2. เสียง /d/
    3. 3. เสียง /ɪd/ หรือ /əd/
  5. V. เทคนิคจำหลักการเติม ed ให้แม่น ไม่สับสน
  6. VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
    1. 1. การเติม ed ใช้เฉพาะกับ Simple Past Tense เท่านั้นใช่ไหม?
    2. 2. คำว่า 'Regular Verb' กับ 'Irregular Verb' ที่พูดถึง คืออะไรกันแน่?
    3. 3. การเติม ed กับการเติม ing ต่างกันอย่างไร? ใช้เมื่อไหร่?
    4. 4. มีวิธีเช็คเร็วๆ ไหมว่าคำกริยาไหนต้องเติม ed หรือเป็น Irregular Verb?
  7. VII. สรุปหลักการเติม ed 

I. รู้จักหน้าที่สำคัญของ -ed ในภาษาอังกฤษ

การเติม ed ในภาษาอังกฤษมีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยบอกเวลาและสถานะของการกระทำ ทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจบริบทได้ถูกต้อง การ เติม ed คือ วิธีการเปลี่ยนรูปคำกริยาปกติ (Regular Verbs) ให้เป็นอดีตกาลหรือ Past Participle โดยมีหน้าที่หลัก 2 ประการดังนี้

1. สร้างรูปอดีตกาล (Simple Past Tense)

หลักการเติม ed ที่สำคัญที่สุดคือการสร้าง past simple หรืออดีตกาลธรรมดา ซึ่งใช้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต

ตัวอย่าง:

  • I walked to school yesterday. (ฉันเดินไปโรงเรียนเมื่อวานนี้)

  • She watched a movie last night. (เธอดูหนังเมื่อคืนนี้)

  • They played football last weekend. (พวกเขาเล่นฟุตบอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว)

หลักการเติม ed และการออกเสียง ed ในภาษาอังกฤษ พร้อมเทคนิคจำง่าย
สร้างรูปอดีตกาล (Simple Past Tense)

2. สร้างรูป Past Participle (ใช้ใน Perfect Tenses และ Passive Voice)

อีกหน้าที่สำคัญของ หลักการเติม ed คือการสร้าง Past Participle สำหรับคำกริยาปกติ ซึ่งนำไปใช้ใน Perfect Tenses (Present Perfect, Past Perfect, Future Perfect) และรูปประโยคแบบ Passive Voice

ตัวอย่าง:

  • I have finished my homework. (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว) - Present Perfect

  • The window was broken by the storm. (หน้าต่างถูกพายุทำให้แตก) - Passive Voice

  • She had already completed the report when her boss asked for it. (เธอทำรายงานเสร็จแล้วตอนที่หัวหน้าขอดู) - Past Perfect

หลักการเติม ed และการออกเสียง ed ในภาษาอังกฤษ พร้อมเทคนิคจำง่าย
สร้างรูป Past Participle (ใช้ใน Perfect Tenses และ Passive Voice)

II. หลักการเติม ed ที่ต้องรู้ (สำหรับ Regular Verbs)

เมื่อเข้าใจหน้าที่ของการเติม ed แล้ว มาดู หลักการ ใช้ ed ที่เป็นกฎเกณฑ์หลักสำหรับคำกริยาปกติ (Regular Verbs) กันดีกว่า

1. กฎพื้นฐานที่สุด: เติม ed ต่อท้ายคำกริยาได้เลย

วิธี เติม ed ที่ง่ายที่สุดคือการเติม ed ต่อท้ายคำกริยาได้เลยในกรณีทั่วไป

คำกริยา

อดีตกาล

ตัวอย่างประโยค

talk

talked

I talked to my friend yesterday. 

(ฉันคุยกับเพื่อนเมื่อวานนี้)

work

worked

He worked until 10 PM. 

(เขาทำงานจนถึง 22.00 น.)

start

started

The movie started late. 

(หนังเริ่มช้า)

wash

washed

I washed the dishes after dinner. 

(ฉันล้างจานหลังอาหารเย็น)

2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e: เติมแค่ d ไม่ต้องซ้ำ e

สำหรับ คํา กริยา ที่ เติม ed ที่ลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติมเพียง d ต่อท้ายเท่านั้น ไม่ต้องซ้ำตัว e

คำกริยา

อดีตกาล

ตัวอย่างประโยค

like

liked

She liked the present I gave her. 

(เธอชอบของขวัญที่ฉันให้)

move

moved

We moved to Bangkok last year.

 (เราย้ายมากรุงเทพฯเมื่อปีที่แล้ว)

close

closed

The shop closed at 9 PM.

 (ร้านปิดเวลา 21.00 น.)

smile

smiled

The baby smiled at her mother.

 (ทารกยิ้มให้แม่)

3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y: มี 2 แบบ ต้องดูตัวหน้า y!

ก ฏ การ เติม ed สำหรับคำกริยาที่ลงท้ายด้วย y มีกฎที่ต้องสังเกตตัวอักษรที่อยู่หน้า y

3.1. หน้า y เป็น "พยัญชนะ": เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed

คำกริยา

อดีตกาล

ตัวอย่างประโยค

try

tried

I tried to call you yesterday. 

(ฉันพยายามโทรหาคุณเมื่อวานนี้)

cry

cried

The baby cried all night.

 (เด็กทารกร้องไห้ทั้งคืน)

study

studied

She studied English for two hours.

 (เธอเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลาสองชั่วโมง)

carry

carried

He carried a heavy bag upstairs.

 (เขาแบกกระเป๋าหนักขึ้นบันได)

หลักการเติม ed และการออกเสียง ed ในภาษาอังกฤษ พร้อมเทคนิคจำง่าย
หน้า y เป็น "พยัญชนะ": เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed

3.2. หน้า y เป็น "สระ" (a, e, i, o, u): เติม ed ได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยน

คำกริยา

อดีตกาล

ตัวอย่างประโยค

play

played

We played games online.

 (เราเล่นเกมออนไลน์)

enjoy

enjoyed

They enjoyed the party. 

(พวกเขาสนุกกับงานปาร์ตี้)

stay

stayed

I stayed at home all weekend.

 (ฉันอยู่บ้านตลอดทั้งสุดสัปดาห์)

pray

prayed

She prayed for her father's health.

 (เธอสวดมนต์เพื่อสุขภาพของพ่อ)

4. คำกริยาสั้น (1 พยางค์) เสียงสั้น (สระ 1 + ตัวสะกด 1): เบิ้ลตัวสะกดท้ายก่อนเติม ed

หนึ่งใน หลักการเติม ed ที่สำคัญสำหรับคำกริยาสั้น 1 พยางค์ที่มีโครงสร้างแบบ Consonant-Vowel-Consonant (CVC) คือต้องเบิ้ลตัวสะกดท้ายก่อนเติม ed

คำกริยา

อดีตกาล

ตัวอย่างประโยค

stop

stopped

The rain stopped at noon. 

(ฝนหยุดตอนเที่ยง)

plan

planned

They planned a surprise party. 

(พวกเขาวางแผนงานเซอร์ไพรส์)

rob

robbed

The bank was robbed yesterday. 

(ธนาคารถูกปล้นเมื่อวานนี้)

hug

hugged

She hugged her grandmother tightly.

(เธอกอดคุณยายแน่น)

5. ข้อควรจำพิเศษ: คำกริยา 2 พยางค์ที่ลงท้ายด้วย CVC และเน้นเสียงพยางค์ท้าย

หลักการเติม ed ยังมีข้อควรจำเพิ่มเติมสำหรับคำกริยา 2 พยางค์ที่ลงท้ายด้วย CVC และเน้นเสียงที่พยางค์ท้าย จะใช้หลักการเดียวกับข้อ 2.4 คือเบิ้ลตัวสะกดท้ายก่อนเติม ed

คำกริยา

อดีตกาล

ตัวอย่างประโยค

admit

admitted

He admitted his mistake.

 (เขายอมรับความผิดของตัวเอง)

occur

occurred

The accident occurred on Monday. 

(อุบัติเหตุเกิดขึ้นในวันจันทร์)

prefer

preferred

I preferred to study alone.

 (ฉันชอบที่จะเรียนคนเดียว)

permit

permitted

The teacher permitted us to leave early.

 (ครูอนุญาตให้เราออกจากห้องเรียนเร็ว)

แต่ถ้าเน้นเสียงที่พยางค์แรก ไม่ต้องเบิ้ลตัวสะกด:

  • offer → offered

  • happen → happened

III. Irregular Verbs (คำกริยาที่ไม่เติม ed)

เมื่อพูดถึง หลักการเติม ed ต้องไม่ลืมว่ามีคำกริยาจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช้กฎการเติม ed เรียกว่า Irregular Verbs หรือคำกริยาไม่ปกติ ต้องท่องจำรูปอดีตเป็นพิเศษ

ตัวอย่าง Irregular Verbs ที่พบบ่อย:

คำกริยาปัจจุบัน

รูปอดีต

ตัวอย่างประโยค

go

went

I went to the market yesterday. 

(ฉันไปตลาดเมื่อวานนี้)

eat

ate

She ate three apples. 

(เธอกินแอปเปิ้ลสามลูก)

see

saw

We saw a movie last night.

 (เราดูหนังเมื่อคืนนี้)

do

did

He did his homework before dinner. 

(เขาทำการบ้านก่อนอาหารเย็น)

make

made

They made a cake for the party. 

(พวกเขาทำเค้กสำหรับงานปาร์ตี้)

หลักการเติม ed และการออกเสียง ed ในภาษาอังกฤษ พร้อมเทคนิคจำง่าย
Irregular Verbs (คำกริยาที่ไม่เติม ed)

การเรียนรู้ Irregular Verbs เป็นเรื่องจำเป็นเพราะคำเหล่านี้ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ คุณต้องท่องจำรูปอดีตของคำเหล่านี้เพราะไม่สามารถใช้ หลักการเติม ed ได้

IV. เติม ed แล้วออกเสียงยังไง? เคล็ดลับง่ายๆ 3 เสียงหลัก (/t/, /d/, /ɪd/)

การออกเสียง ed เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนรู้ การเติม ed จะมีเสียงที่แตกต่างกัน 3 แบบขึ้นอยู่กับเสียงท้ายของคำกริยาเดิม

1. เสียง /t/

ออกเสียงเหมือน "ท์" เมื่อคำกริยาเดิมลงท้ายด้วยเสียงไม่ก้อง (voiceless sounds) เช่น /p/, /k/, /s/, /f/, /sh/, /ch/

คำกริยา

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค 

helped /helpt/

ช่วยเหลือ

I helped my sister with her homework. 

(ฉันช่วยน้องสาวทำการบ้าน)

stopped /stɒpt/

หยุด

The bus stopped at every station.

 (รถบัสหยุดทุกสถานี)

washed /wɒʃt/

ล้าง

He washed his car on Sunday. 

(เขาล้างรถในวันอาทิตย์)

fixed /fɪkst/

ซ่อม

The mechanic fixed my motorcycle. 

(ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ของฉัน)

2. เสียง /d/

ออกเสียงเหมือน "ด์" เมื่อคำกริยาเดิมลงท้ายด้วยเสียงก้อง (voiced sounds) เช่น /b/, /g/, /v/, /z/, /m/, /n/, /l/, /r/ และเสียงสระ

คำกริยา

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค 

called /kɔːld/

โทร, เรียก

She called her mother. 

(เธอโทรหาแม่ของเธอ)

cleaned /kliːnd/

ทำความสะอาด

I cleaned my room yesterday. 

(ฉันทำความสะอาดห้องเมื่อวานนี้)

played /pleɪd/

เล่น

The children played in the garden. 

(เด็กๆ เล่นในสวน)

used /juːzd/

ใช้

He used his credit card to pay. 

(เขาใช้บัตรเครดิตในการจ่ายเงิน)

3. เสียง /ɪd/ หรือ /əd/

ออกเสียงเหมือน "เอด" เมื่อคำกริยาเดิมลงท้ายด้วยเสียง /t/ หรือ /d/

คำกริยา

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

wanted /ˈwɒntɪd/

ต้องการ

She wanted a new phone. 

(เธอต้องการโทรศัพท์เครื่องใหม่)

needed /ˈniːdɪd/

จำเป็นต้อง

I needed some time alone. 

(ฉันต้องการเวลาอยู่คนเดียวบ้าง)

decided /dɪˈsaɪdɪd/

ตัดสินใจ

They decided to stay at home.

 (พวกเขาตัดสินใจอยู่บ้าน)

ended /ˈendɪd/

จบลง

The meeting ended at 5 PM. 

(การประชุมจบลงเวลา 17.00 น.)

หลักการเติม ed และการออกเสียง ed ในภาษาอังกฤษ พร้อมเทคนิคจำง่าย
เคล็ดลับง่ายๆ 3 เสียงหลัก (/t/, /d/, /ɪd/)

V. เทคนิคจำหลักการเติม ed ให้แม่น ไม่สับสน

การจดจำ หลักการเติม ed ให้แม่นยำอาจเป็นเรื่องยาก แต่มีเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณจำได้ดีขึ้น

  1. คำคล้องจอง "e + d = ed" - สำหรับคำที่ลงท้ายด้วย e "ถ้าลงท้ายด้วย e เพิ่ม d ได้เลย ไม่ต้องยุ่งยาก" like + d = liked, smile + d = smiled

  2. สูตรจำ "พยัญชนะ + Y → I + ED" - สำหรับคำที่ลงท้ายด้วย y หลังพยัญชนะ "พยัญชนะก่อน Y เปลี่ยนเป็น I เติม ED ทันที" try → tried, study → studied

  3. ใช้ภาพจำ "CVC → Double C + ED" - สำหรับคำ CVC คิดภาพคำว่า "STOP" เป็นรถที่มี 2 ล้อหลัง (ตัว P 2 ตัว) แล้วเติม ED เป็นผู้โดยสาร: STOPPED

  4. แบ่งกลุ่มเสียง ed เป็น 3 กลุ่ม

    • กลุ่ม "t" (เช่น walked, helped) ใช้ภาพนักเดินที่สวมหมวก t

    • กลุ่ม "d" (เช่น played, cleaned) ใช้ภาพเด็กเล่นกลองตัว d

    • กลุ่ม "id" (เช่น wanted, needed) ใช้ภาพคนพูด "อิด" ออกมาจากปาก

VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. การเติม ed ใช้เฉพาะกับ Simple Past Tense เท่านั้นใช่ไหม?

ไม่ใช่ เติม ed เมื่อ ต้องการสร้างรูปอดีต แต่ยังใช้ในโครงสร้างอื่นๆ ด้วย เช่น:

  • Present Perfect: I have worked here for five years. (ฉันทำงานที่นี่มาห้าปีแล้ว)

  • Past Perfect: She had already arrived when I called. (เธอมาถึงแล้วตอนที่ฉันโทรไป)

  • Passive Voice: The house was painted last week. (บ้านถูกทาสีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)

  • Adjective forms: She was tired after the long journey. (เธอเหนื่อยหลังจากการเดินทางไกล)

2. คำว่า 'Regular Verb' กับ 'Irregular Verb' ที่พูดถึง คืออะไรกันแน่?

  • Regular Verbs: คือคำกริยาที่เปลี่ยนรูปเป็นอดีตโดยการเติม ed ตามกฎที่แน่นอน เช่น work → worked, play → played

  • Irregular Verbs: คือคำกริยาที่เปลี่ยนรูปเป็นอดีตโดยไม่ใช้การเติม ed แต่เปลี่ยนรูปคำหรือคงรูปเดิม เช่น go → went, eat → ate, put → put

คำกริยาภาษาอังกฤษส่วนใหญ่เป็น Regular Verbs แต่ Irregular Verbs ที่ใช้บ่อยมีประมาณ 200 คำและมักเป็นคำพื้นฐานที่ใช้บ่อย จึงต้องท่องจำเป็นพิเศษ

3. การเติม ed กับการเติม ing ต่างกันอย่างไร? ใช้เมื่อไหร่?

  • เติม ed เมื่อ ต้องการบอกเวลาในอดีต หรือสร้าง Past Participle (simple past tense) เช่น: She watched TV last night. (เธอดูทีวีเมื่อคืนนี้)

  • เติม ing เมื่อต้องการบอกถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ (Present Continuous) หรือการสร้าง Gerund (คำกริยาที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม) เช่น: She is watching TV now. (เธอกำลังดูทีวีตอนนี้) เช่น: Watching TV is her favorite hobby. (การดูทีวีเป็นงานอดิเรกที่เธอชื่นชอบ)

4. มีวิธีเช็คเร็วๆ ไหมว่าคำกริยาไหนต้องเติม ed หรือเป็น Irregular Verb?

วิธีเช็คที่รวดเร็วคือการใช้พจนานุกรม หรือแอปพลิเคชันเกี่ยวกับคำกริยา นอกจากนี้ยังมีเทคนิคดังนี้:

  1. จดจำคำกริยาที่ใช้บ่อย: คำกริยาพื้นฐานเช่น go, do, make, see มักเป็น Irregular Verbs

  2. ดูความซับซ้อนของคำ: คำกริยาที่ซับซ้อนหรือมีหลายพยางค์มักเป็น Regular Verbs ที่ใช้ หลักการเติม ed

  3. ใช้ Collocation Dictionary: หาคู่คำที่มักใช้ร่วมกันในอดีตกาล จะช่วยให้เห็นรูปแบบการใช้ verb เติม ed ที่ถูกต้อง

VII. สรุปหลักการเติม ed 

หลักการเติม ed เป็นทักษะพื้นฐานสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อคุณเข้าใจกฎหลักทั้ง 5 ข้อนี้ คุณจะสามารถใช้ คํา ศัพท์ ที่ เติม ed ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

สรุปหลักการสำคัญเพื่อให้จำได้ง่าย:

  1. กฎพื้นฐาน: เติม ed ต่อท้ายคำกริยาได้เลย (talk → talked)

  2. คำลงท้ายด้วย e: เติมแค่ d (like → liked)

  3. คำลงท้ายด้วย y:

    • หน้า y เป็นพยัญชนะ: เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed (try → tried)

    • หน้า y เป็นสระ: เติม ed ได้เลย (play → played)

  4. คำสั้น CVC: เบิ้ลตัวสะกดท้ายก่อนเติม ed (stop → stopped)

  5. คำ 2 พยางค์ลงท้าย CVC เน้นเสียงท้าย: เบิ้ลตัวสะกด (admit → admitted)

นอกจากนี้ อย่าลืมเรื่องการออกเสียง ed 3 แบบ (/t/, /d/, /ɪd/) และข้อยกเว้นสำหรับ Irregular Verbs ที่ไม่เติม ed

การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับ หลักการเติม ed มากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องธรรมชาติในการใช้ past tense ได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการพูด การเขียน หรือการทำข้อสอบ เมื่อ เติม ed ตอน ไหน ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เริ่มฝึกฝนวันนี้ และคุณจะเห็นการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณอย่างชัดเจน!

PREP – แพลตฟอร์มเรียน & ฝึกสอบที่ชาญฉลาดด้วย AI ช่วยให้คุณเรียนรู้แกรมม่าและคำศัพท์ภาษาอังกฤษผ่านวิธีการเรียนรู้ทันสมัยอย่าง Context-based Learning, Task-based Learning, และ Guided discovery ที่ช่วยให้คุณเข้าใจและจำได้ง่ายขึ้น ระบบ mindmap ของ PREP จะช่วยให้คุณทบทวนและค้นหาความรู้ได้อย่างง่ายดาย AI ของ PREP จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดในการออกเสียงและช่วยพัฒนาจากการออกเสียงคำเดี่ยวไปจนถึงประโยคครบประโยค การฝึกฟังและจดคำจะช่วยให้คุณเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ พัฒนาทักษะการฟัง และทำความคุ้นเคยกับสำเนียงเจ้าของภาษา

ดาวน์โหลดแอป PREP เลย! เรียนเตรียมสอบ IELTS และภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้าน ง่ายและได้ผลจริง

ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัคร!

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 อักขระ
Loading...
เข้าสู่ระบบ
เพื่อสัมผัสเนื้อหาพรีเมียมที่ปรับให้เหมาะกับคุณ

เนื้อหาแบบพรีเมียมเนื้อหาแบบพรีเมียม

ดูทั้งหมด

แผนที่เฉพาะบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

เชื่อมต่อกับ Prep

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
คุณสมบัติเด่น
ห้องฝึกการเขียน IELTS AI
ห้องฝึกพูด IELTS AI
Teacher Bee AI
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย
global sign trurst seal