ค้นหาบทความการศึกษา

เรียนรู้การสร้างประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ: Yes/No, Wh-, และ Tag Questions

Interrogative Sentences ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมีรูปแบบและการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างยืดหยุ่นในสถานการณ์ต่าง ๆ คุณเข้าใจถึงประเภทต่าง ๆ ของประโยคคำถามในภาษาอังกฤษอย่างละเอียดแล้วหรือยัง? มาสำรวจไปด้วยกันในบทความนี้กันเถอะ!

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ - Yes/No, Wh- และ Tag Questions พร้อมตัวอย่าง
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ - Yes/No, Wh- และ Tag Questions พร้อมตัวอย่าง

I. ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ (Interrogative Sentences) คืออะไร

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษคือประโยคที่ใช้ในการตั้งคำถาม โดยทั่วไปจะลงท้ายด้วยเครื่องหมายคำถาม (?) ประโยคนี้มักใช้เพื่อยืนยันข้อมูล, รวบรวมรายละเอียด, หรือแม้กระทั่งแสดงอารมณ์

ด้านล่างนี้คือตัวอย่างของประโยคคำถาม:

  • Could you please tell me how to get to the Hyatt park?
    (คุณช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าจะไปสวนไฮแอทได้อย่างไรคะ)

  • Which is your bicycle?
    (จักรยานของคุณคันไหนคะ)

  • Can you sing in a lower tone, Hanna?
    (Hanna ช่วยร้องในโทนที่ต่ำกว่านี้ได้ไหมคะ)

คุณต้องเข้าใจนิยามของประโยคคำถามในภาษาอังกฤษแล้วใช่ไหมคะ

II. ประเภทของประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมีหลายรูปแบบ มาสำรวจโครงสร้างของประโยคคำถามไปด้วยกันกับ PREP กันเถอะ!

1. คำถามแบบ Yes – No (Yes – No Questions)

หนึ่งในประเภทของประโยคคำถามภาษาอังกฤษที่พบบ่อยที่สุดคือ "Yes-No question" ซึ่งใช้เมื่อคำตอบที่ต้องการคือ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่"

1.1. คำถามแบบยืนยัน (Affirmative Questions)

ในโครงสร้างของ "Yes-No question" กริยาช่วย (เช่น be, have, will, can, must, may ฯลฯ) มักจะถูกวางไว้หน้าประธาน

โครงสร้าง:

Auxiliary verb + S + V + O?

ตัวอย่าง:

  • Is Hanna a student?
    (คุณ Hanna เป็นนักเรียนใช่ไหมคะ)

  • Do you like Korea?
    (คุณชอบประเทศเกาหลีใช่ไหมคะ)

  • Will Martin be here tonight?
    (คืนนี้คุณ Martin จะมาไหมครับ)

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ - Yes/No, Wh- และ Tag Questions พร้อมตัวอย่าง
Yes – No Questions แบบยืนยัน

ในการตอบคำถาม "Yes-No" คำตอบจะขึ้นอยู่กับการยืนยันหรือปฏิเสธ:

  • ตอบ "Yes" หมายถึงคำถามนั้นถูกต้องหรือแม่นยำ

  • ตอบ "No" หมายถึงคำถามนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่แม่นยำ

ตัวอย่าง:

  • Are you a dentist?
    (คุณเป็นทันตแพทย์ใช่ไหมครับ)

    • Yes, I am. (ใช่ครับ)

    • No, I am not. I’m a teacher. (ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นครู)

1.2. คำถามแบบปฏิเสธ (Negative Questions)

สำหรับคำถามแบบ "Yes-No" ที่เป็นปฏิเสธ มักจะมีคำว่า "not" (หรือย่อเป็น "n't") วางหลังคำกริยาช่วย

โครงสร้าง:

Auxiliary verb + not + S + V + O?

คำถามแบบปฏิเสธนี้มักใช้ในกรณีต่อไปนี้:

กรณีการใช้งาน

ตัวอย่าง

แสดงความแปลกใจ (เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้น)

Didn’t you hear this sound? (คุณไม่ได้ยินเสียงนี้หรอครับ)

Isn’t Jenny a doctor? (คุณ Jenny ไม่ใช่หมอหรอครับ)

เมื่อต้องการให้ผู้ฟังเห็นด้วยกับความเห็นของผู้พูด (คล้ายกับ tag questions)

Aren’t you a friend of Hanna’s? (คุณเป็นเพื่อนของ Hanna ใช่ไหมครับ)

Haven’t we met somewhere? (เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่าครับ)

สำหรับคำถามแบบปฏิเสธในภาษาอังกฤษ การตอบขึ้นอยู่กับความถูกต้องของคำถาม:

  • ตอบ "No" หมายถึงคำถามปฏิเสธนั้นถูกต้อง

  • ตอบ "Yes" หมายถึงคำถามปฏิเสธนั้นไม่ถูกต้อง

ตัวอย่าง:

  • Hasn’t Peter repaired this bicycle yet?
    (คุณ Peter ยังซ่อมจักรยานคันนี้ไม่เสร็จใช่ไหมครับ)

    • No. He hasn’t had time. (ไม่ใช่ค่ะ เขายังไม่มีเวลา)

    • Yes, he did it yesterday. (ใช่ค่ะ เขาซ่อมเสร็จเมื่อวานแล้ว)

หมายเหตุ: บางครั้งคำถาม "Yes-No questions" โดยเฉพาะเมื่อใช้กับกริยาช่วย มักใช้เพื่อเสนอแนะ เสนอข้อเสนอ ขอร้อง เชิญชวน หรือขออนุญาต แทนที่จะใช้เพื่อต้องการคำตอบข้อเท็จจริงเท่านั้น

ตัวอย่าง:

  • Could you wait for 15 minutes, please? ➡ Request. (คุณช่วยรอประมาณ 15 นาทีได้ไหมครับ)

  • Can I carry your luggage? ➡ Offer. (ฉันช่วยถือกระเป๋าให้ได้ไหมครับ)

2. คำถาม Wh – Questions

คำถาม "Wh-" ในภาษาอังกฤษคือประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำสรรพนามหรือคำวิเศษณ์คำถาม เช่น who, whom, which, what, why, where, how และอื่น ๆ

โครงสร้าง:

Wh-question + auxiliary verb + S + V?

ตัวอย่าง:

  • Where does Hanna come from?
    (คุณ Hanna มาจากไหนครับ)

  • Who telephoned you last night?
    (ใครโทรหาคุณเมื่อคืนนี้ครับ)

  • What was that noise?
    (เสียงนั่นคืออะไรครับ)

เมื่อใช้คำถาม "Wh-" สามารถใช้วลีทั่วไปเช่น what time, what sort of, what kind of, how often, how much, how many เป็นต้น

ตัวอย่าง:

  • How much money did Martin spend?
    (คุณมาร์ตินใช้เงินไปเท่าไรครับ)

  • What time is Hanna arriving?
    (คุณฮันนาจะมาถึงเมื่อไรครับ)

หมายเหตุ: เมื่อถามข้อมูลข้อเท็จจริง มักใช้วลีเช่น "Do you know...?" และ "Could you tell me...?" หากเริ่มประโยคคำถามด้วยวลีเหล่านี้ โครงสร้างของประโยคจะเปลี่ยนไปจากคำถามแบบธรรมดา

ตัวอย่าง:

  • Where has Jenny gone? ➡ Do you know where Jenny has gone?
    (คุณรู้ไหมว่าคุณ Jenny ไปไหนครับ)

  • Who is that woman? ➡ Can you tell me who that woman is?
    (คุณบอกได้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครครับ)

3. คำถามแบบ Tag Questions

อีกประเภทหนึ่งของประโยคคำถามในภาษาอังกฤษคือ "Tag Question" ซึ่งเป็นคำถามสั้น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาท้ายประโยคเพื่อยืนยันความถูกต้องหรือต้องการการเห็นด้วย

โครงสร้าง:

S + V + O, auxiliary verb + not + pronoun?

หมายเหตุ: ถ้าประโยคหลักเป็นบวก/ยืนยัน แท็กจะเป็นลบ และหากประโยคหลักเป็นลบ แท็กจะเป็นบวก

ตัวอย่าง:

  • Hanna can swim, can’t she? (คุณ Hanna ว่ายน้ำได้ใช่ไหมครับ)

  • Jenny hasn’t got a car, has she? (คุณ Jenny ไม่มีรถใช่ไหมครับ)

  • Sara plays the piano, doesn’t she? (Sara เล่นเปียโนใช่ไหมครับ)

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ - Yes/No, Wh- และ Tag Questions พร้อมตัวอย่าง
คำถามแบบ Tag Questions

หมายเหตุในการใช้ Tag Questions ในภาษาอังกฤษ:

  • แท็กคำถามของ “I am” คือ “aren’t I?” ตัวอย่าง: I am late, aren’t I? (ฉันมาสายใช่ไหมคะ)

  • “There” สามารถใช้เป็นประธานในแท็กคำถามได้ ตัวอย่าง: There is something wrong, isn’t there? (มีอะไรบางอย่างผิดปกติใช่ไหมคะ)

  • แท็กของ “Let’s…” คือ “shall we?” ตัวอย่าง: Let’s go to the cinema, shall we? (ไปโรงหนังกันเถอะ ใช่ไหมคะ)

  • แท็กของคำสั่ง “Do…/ Don’t do…” คือ “will you?” เสมอ ตัวอย่าง: Do not make any noise, will you? (อย่าส่งเสียงดังใช่ไหมคะ)

  • ใช้แท็กคำถามยืนยันหลังประโยคที่มีคำปฏิเสธ "never, nothing, nobody, none, no, hardly, little" ตัวอย่าง: Hanna never says what she is thinking, does she? (คุณฮันนาไม่เคยบอกสิ่งที่เธอคิดใช่ไหมคะ)

  • ใช้สรรพนาม “it” ในแท็กคำถามแทน “nothing, everything, all” และใช้ “they” แทน “anyone, no one, nobody, someone, somebody, everybody, everyone”

ตัวอย่าง:

  • Nothing was said, was it? (ไม่มีใครพูดอะไรใช่ไหม)

  • Someone had recognized her, hadn’t they? (มีคนจำเขาได้ใช่ไหม)

4. คำถามแบบ Declarative Questions

ในการเขียน เราสามารถใช้ประโยคคำถามแบบ declarative ซึ่งมีลักษณะเหมือนประโยคบอกเล่า แต่จบด้วยน้ำเสียงสูงเพื่อบ่งบอกถึงความสงสัยหรือเพื่อยืนยันความเข้าใจ ซึ่งประโยคประเภทนี้มักใช้เมื่อผู้พูดคิดว่าตนเข้าใจสิ่งที่ได้ยินแล้ว แต่ต้องการถามซ้ำเพื่อความแน่ใจหรือแสดงความประหลาดใจ

วิธีตอบ:
ตอบ "Yes" เพื่อยืนยันว่าสถานการณ์ที่อธิบายนั้นถูกต้อง หรือ "No" เพื่อยืนยันว่าสถานการณ์นั้นไม่ถูกต้อง

โครงสร้าง:

S + V + O?

ตัวอย่าง:

  • That’s Martin? – Yes, he is. (นั่นคือ Martin ใช่ไหมครับ – ใช่ครับ)

  • Jenny is working late tonight? – Yes, she is. (คืนนี้ Jenny ทำงานจนดึกใช่ไหม – ใช่ค่ะ)

5. คำถามแบบ Reply Questions

อีกประเภทหนึ่งของประโยคคำถามภาษาอังกฤษคือ Reply Questions ซึ่งใช้เพื่อตอบสนองหรือสนใจในข้อมูลเพิ่มเติม

โครงสร้าง:

Auxiliary verb + pronoun? หรือ Question word?

ตัวอย่าง:

  • I’m going out. – Who with? (ฉันจะออกไปข้างนอก – ไปกับใครอ่ะ)

  • Martin is leaving her job. – When? (Martin จะลาออกจากงาน – เมื่อไหร่นะ)

  • Sara had a lovely holiday. – Did she? (Sara มีวันหยุดที่น่ารักใช่ไหมคะ – หรอคะ)

  • Jenny has got a headache. – Has she? I will get her an aspirin. (Jenny ปวดหัวใช่ไหมครับ – ใช่ครับ ผมจะไปเอายาแอสไพรินมาให้เธอครับ)

6. คำถามเชิงวาทศิลป์ (Rhetorical Questions)

ประเภทสุดท้ายของประโยคคำถามภาษาอังกฤษคือคำถามเชิงวาทศิลป์ ซึ่งเป็นการใช้คำถามเพื่อสื่อความหมายเชิงแนะนำหรือชักชวนโดยไม่คาดหวังคำตอบจริงจัง

โครงสร้าง:

Auxiliary verb + S + V + O?

ตัวอย่าง:

  • Do you know what time it is? (คุณรู้ไหมว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว)

  • Haven’t I done enough for you? (ฉันยังทำไม่พออีกหรอ)

สำนวนเหล่านี้มักใช้เพื่อเสริมความหมายและชี้นำโดยไม่ต้องการคำตอบ

III. แบบฝึกหัดเกี่ยวกับประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เราได้เรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับประเภทต่าง ๆ ของประโยคคำถามในภาษาอังกฤษแล้ว มาลองฝึกฝนและประยุกต์ใช้สิ่งที่เราได้เรียนกันเถอะ!

แบบฝึกหัด: สร้างประโยคคำถามโดยใช้คำที่ขีดเส้นใต้ในประโยคต่อไปนี้:

  • Hanna’s favorite subject is Biology. 

  • Yes, he is. (Martin is good at singing).

  • Peter goes to the market once a month. 

  • Jenny learned Music in primary school. 

  • Sara needs a day off to recharge her batteries. 

  • It took her 6 hours to travel by bus. 

  • Peter headed to the restaurant because he was hungry. 

  • The water bottle is 0.6 USD.

เฉลย:

  • What is Hanna’s favorite subject?

  • Is Martin good at singing?

  • How often does Peter go to the market?

  • What did Jenny do in primary school?

  • Why does Sara need a day off?

  • How long did it take her to travel by bus?

  • Why did Peter head to the restaurant?

  • How much is the water bottle?

คุณคงรู้จักประโยคคำถามในภาษาอังกฤษแล้วใช่ไหม บทความนี้ได้ช่วยคุณสรุปความรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ ทั้งความหมาย โครงสร้าง และตัวอย่างละเอิยด หวังว่าบทความนี้จะเป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์เพื่อช่วยคุณศึกษาและเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ!

ปริญญาโท Tu Pham
ปริญญาโท Tu Pham
ผู้ก่อตั้ง/ CEO ที่ Prep
ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มการเตรียมสอบอัจฉริยะ Prep ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในการสอนและเตรียมสอบ อาจารย์ Tu Pham ได้ช่วยให้นักเรียนหลายพันคนทำคะแนนสูงในการสอบ IELTS นอกจากนี้ อาจารย์ Tu Pham ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาในโครงการของ British Council และเป็นวิทยากรในงานและการประชุมชั้นนำทางการศึกษาหลายแห่ง
ดูเพิ่มเติม

ความคิดเห็น

0/300 อักขระ