ค้นหาบทความการศึกษา

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันตามหัวข้อยอดนิยม!

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร - ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานสามารถช่วยให้คุณพูดคุยในสถานการณ์ประจำวันได้อย่างมั่นใจ วันนี้ PREP จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันที่ใช้บ่อยที่สุด ลองดูเลยนะ!

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันโดยหัวข้อยอดนิยม
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันโดยหัวข้อยอดนิยม
  1. I. การรวบรวมประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานตามหัวข้อ
    1. 1. การทักทาย
    2. 2. การบอกลา
    3. 3. การแนะนำตัว
    4. 4. การขอโทษ
    5. 5. การขอบคุณ
    6. 6. การชมเชย
    7. 7. การเชิญชวน
    8. 8. ครอบครัว
    9. 9. ที่ทำงาน
    10. 10. สภาพอากาศ
    11. 11. การให้คำแนะนำ
    12. 12. การให้คำแนะนำ/เสนอความคิดเห็น     
    13. 13. การถามและบอกทาง
    14. 14. การช็อปปิ้ง
    15. 15. การสื่อสารในร้านอาหารหรือคาเฟ่
    16. 16. โรงเรียน
    17. 17. ธนาคาร
    18. 18. สถานการณ์ฉุกเฉิน
    19. 19. หัวข้อพื้นฐานอื่นๆ
  2. II. บทสนทนาที่ใช้ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
    1. 1. บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ 1
    2. 2. บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ 2
  3. III. วิธีพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ
    1. 1. ฝึกฟังการสนทนาภาษาอังกฤษเป็นประจำ
    2. 2. ฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
    3. 3. ขยายคำศัพท์ของคุณ

I. การรวบรวมประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานตามหัวข้อ

ก่อนอื่นเรามาดูรายชื่อประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานที่ครอบคลุมทุกหัวข้อยอดนิยมกันเถอะ:

1. การทักทาย

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • Hello! สวัสดีค่ะ!

  • Good morning! สวัสดีตอนเช้าค่ะ!

  • Good afternoon! สวัสดีตอนบ่ายค่ะ!

  • Good evening! สวัสดีตอนเย็นค่ะ!

  • Can you speak English? พูดภาษาอังกฤษได้ไหมคะ

  • How old are you? คุณอายุเท่าไหร่คะ

  • I am __ years old. เราอายุ __ ปีค่ะ

  • What is your name? ชื่ออะไรนะคะ

  • My name is ___. เราชื่อ __ค่ะ

  • Who is there? ใครอยู่ตรงนั้นคะ

  • Who are you? คุณเป็นใครคะ

  • Are you Canadian? คุณเป็นคนแคนาดาหรือเปล่าคะ

  • How are you? สบายดีไหมคะ

  • How do you do? เป็นยังไงบ้างคะ

  • Very well, thank you. And you? สบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ แล้วคุณล่ะคะ

  • I am not very well. ไม่ค่อยสบายเลยค่ะ

  • I am fine. Thank you! เราสบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ!

  • Please, sit down. นั่งเลยค่ะ

  • Sit here. นั่งตรงนี้ค่ะ

  • Wait for me. รอเราหน่อยค่ะ

  • Wait a minute. รอแป๊บนะ

  • Wait a moment. รอแป๊บนะ

  • Come with me. มากับเราหน่อยค่ะ

  • I am happy to make your acquaintance. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

  • I am very pleased to meet you. ดีใจมากๆ ที่ได้เจอคุณค่ะ

  • I’m glad to meet you. ดีใจที่ได้เจอคุณค่ะ

  • Please come in. กรุณาเข้ามาครับ

  • Come this way, if you please. มาทางนี้เลยค่ะ

  • Where are you coming from? มาจากไหนกันเหรอคะ

  • I don’t understand English well. เราไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษค่ะ

  • What does this word mean? คำนี้หมายความว่าอะไรคะ

  • You speak too fast. พูดเร็วไปหน่อยค่ะ

  • Please repeat. พูดอีกทีได้ไหมคะ

  • Please speak more slowly. ช่วยพูดช้าลงหน่อยค่ะ

2. การบอกลา

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • It was great/ nice/ glad/ pleased meeting you. ดีใจที่ได้เจอคุณนะคะ

  • It was great/ nice/ glad/ pleased talking to you. ดีใจที่ได้คุยกับคุณนะคะ

  • Have a good day/ nice day/ good night. ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี/ ฝันดีนะคะ

  • I look forward to our next meeting. รอเจอกันครั้งหน้านะคะ

  • Nice to meet you/ pleased to meet you. ยินดีที่ได้เจอคุณนะคะ

  • Hope everything goes well. หวังว่าทุกอย่างจะดีนะคะ

  • Have a good end of month! ขอให้สิ้นเดือนนี้ผ่านไปได้ดีนะคะ

  • Hey, I have to leave. Thanks for talking to me. เอ่อ ฉันต้องไปแล้ว ขอบคุณที่คุยกับฉันนะคะ

  • Okay, no problem Don't forget to text me! โอเค ไม่มีปัญหา อย่าลืมส่งข้อความมานะคะ!

  • Sure! I’ll see you then! แน่นอน! เจอกันนะคะ!

  • I should be going. It's getting late. ฉันควรไปแล้ว มันดึกแล้วนะคะ

  • We’ll meet again some day. วันหนึ่งเราคงได้เจอกันอีกนะคะ

  • I will not go any further. ฉันจะไม่ไปไกลกว่านี้แล้วนะคะ

  • Do keep in touch. ติดต่อกันนะคะ

  • Please do this again soon. Let me give you my number. ทำแบบนี้อีกเร็วๆ นะ นี่เบอร์ฉันนะคะ

  • Do you have a business card so I know how to contact you? มีนามบัตรไหมคะ จะได้ติดต่อกัน

  • Be sure to drop us a line. อย่าลืมส่งข้อความมานะคะ

  • See you this evening. เจอกันเย็นนี้นะคะ

  • Drop me a line. ส่งข้อความมานะคะ

  • Keep in touch! ติดต่อกันนะคะ!

  • Don’t forget to give me a ring! อย่าลืมโทรหานะคะ!

  • Remember to drop me a line! จำไว้ว่าต้องส่งข้อความมานะคะ!

  • Talk to you later. คุยกันใหม่ทีหลังนะคะ

  • Catch up with you later. ไว้เจอกันทีหลังนะคะ

  • I hope to see you soon. หวังว่าจะได้เจอคุณเร็วๆ นี้นะคะ

  • If you’re ever in…, come and see me – You’ve got my address. ถ้าคุณมาที่... มาเจอกันนะคะ คุณมีที่อยู่ฉันแล้ว

  • See you on Monday. เจอกันวันจันทร์นะคะ

  • Have a nice weekend. ขอให้เป็นสุดสัปดาห์ที่ดีนะคะ

  • Give me a call sometime. โทรหาฉันบ้างนะคะ

  • Please give my best regards to your mother. ฝากความคิดถึงถึงคุณแม่ด้วยนะคะ

  • Please say hello to Sara for me. ฝากทักทาย Sara ให้ด้วยนะคะ

  • Good luck. โชคดีนะคะ

  • I have to leave here by noon. ฉันต้องออกจากที่นี่ก่อนเที่ยงนะคะ

  • I got to go now. ฉันต้องไปแล้วนะคะ

  • I’m afraid I have to head off now. ฉันคงต้องไปแล้วนะคะ

  • I got to go now. ฉันต้องไปแล้วนะคะ

  • Would you mind if I leave the dinner before it ends? จะว่าอะไรไหมถ้าฉันออกจากงานเลี้ยงก่อนที่จะจบคะ

  • Take care! ดูแลตัวเองด้วยนะคะ!

  • All the best, bye. ขอให้ดีที่สุดนะคะ สวัสดีค่ะ

  • I hope everything goes well. หวังว่าทุกอย่างจะไปได้ด้วยดีนะคะ

  • I wish you a nice day! ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะคะ!

  • Don’t forget to give me a ring! อย่าลืมโทรหาฉันนะคะ!

  • Stay in touch! ติดต่อกันนะคะ!

  • Talk to you later! คุยกันใหม่ทีหลังนะคะ!

  • I hope to see you soon. หวังว่าจะได้เจอคุณเร็วๆ นี้นะคะ

3. การแนะนำตัว

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • Please let me introduce myself. I’m Jenny. ขอแนะนำตัวเองนะคะ ฉันชื่อ Jenny ค่ะ

  • May I introduce myself, I’m Julia. ขอแนะนำตัวเองนะคะ ฉันชื่อ Julia ค่ะ

  • It’s a pleasure to make your acquaintance. My name is Hanna. ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อ Hanna ค่ะ

  • Hello, it’s very nice to meet you, too. สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้เจอคุณเหมือนกันนะคะ

  • I’m Joan. Nice to meet you, too. ฉันชื่อ Joan นะคะ ยินดีที่ได้เจอคุณเช่นกันค่ะ

  • Let me introduce my friend, mister Sara. ขอแนะนำเพื่อนของฉันนะคะ คุณ Sara ค่ะ

  • I’m pleased to meet you. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

  • It’s a pleasure to meet you, Mr. Martin. ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณ Martin

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันโดยหัวข้อยอดนิยม
การแนะนำตัว

4. การขอโทษ

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

4.1. คำวลีขอโทษที่นิยม

  • I’m so sorry. ขอโทษจริงๆ นะคะ

  • Pardon (me). ขอโทษนะคะ

  • Sorry, it was all my fault. ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง

  • Please excuse my ignorance. ขอโทษที่ฉันไม่รู้นะคะ

  • Please accept our sincerest apologies. โปรดยอมรับคำขอโทษอย่างจริงใจจากพวกเราด้วยนะคะ

  • My mistake, I had that wrong. ฉันทำผิดไป ขอโทษจริงๆ ค่ะ

  • Sorry for your loss. เสียใจด้วยนะคะที่คุณต้องสูญเสีย

  • I apologise. ฉันขอโทษนะคะ

  • Please forgive me. โปรดให้อภัยฉันด้วยนะคะ

  • Sorry, I didn’t mean to do that. ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น

  • I’m terribly sorry. ขอโทษจริงๆ นะคะ

  • It’s my fault. เป็นความผิดของฉันเองค่ะ

  • I was wrong on that. ฉันผิดเองค่ะ

  • Please don’t be mad at me. อย่าโกรธฉันเลยนะคะ

  • My mistake I had that wrong. ฉันทำผิดไป ขอโทษจริงๆ ค่ะ

  • How stupid/ careless/ thoughtless of me. ฉันนี่โง่/ ประมาท/ ไม่รอบคอบจริงๆ ค่ะ

  • I have to say sorry to you. ฉันต้องขอโทษคุณจริงๆ ค่ะ

  • I don't mean to. ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ

  • How should I apologize to you? ฉันควรขอโทษคุณยังไงดีคะ

  • I don't mean to make you displeased. ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณไม่พอใจนะคะ

4.2. คำวลีขอโทษเมื่ออยู่กับเพื่อน

  • My bad. ฉันผิดเองนะ

  • Whoops! อุ๊ย ขอโทษนะ

  • Oops, sorry! อุ๊ย ขอโทษนะ

  • Oops, I did it again! อุ๊ย ฉันทำอีกแล้ว

  • Ever so sorry! ขอโทษจริงๆ นะ

4.3. คำวลีขอโทษในจดหมาย อีเมล และเอกสารต่างๆ

  • I beg your pardon. ขอโทษนะคะ

  • I must apologize. ฉันต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ

  • Please excuse my ignorance. ขอโทษที่ฉันไม่รู้นะคะ

  • I had that wrong. ฉันทำผิดไปค่ะ

  • How stupid/ careless/ thoughtless of me. ฉันนี่โง่/ ประมาท/ ไม่รอบคอบจริงๆ ค่ะ

  • I hope that you can forgive me. หวังว่าคุณจะให้อภัยฉันนะคะ

  • I would like to express my regret. ฉันอยากจะแสดงความเสียใจค่ะ

  • I apologize wholeheartedly/ unreservedly. ฉันขอโทษจากใจจริงค่ะ

  • Please accept my/ our sincere apologies. โปรดยอมรับคำขอโทษอย่างจริงใจของฉัน/ พวกเราด้วยนะคะ

4.4. คำวลีขอโทษในที่ทำงาน

  • I’m sorry for being late I promise this is the first time and also the last. ขอโทษนะคะที่มาสาย สัญญาว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายค่ะ

  • I apologize for not completing the assigned work. Please give me one more chanceขอโทษนะคะที่ไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งค่ะ

  • I feel extremely guilty for ______. I accept all responsibility before the company. ฉันรู้สึกผิดมากที่ ______ ฉันขอรับผิดชอบทั้งหมดต่อบริษัทค่ะ

5. การขอบคุณ

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • Thanks! ขอบคุณนะคะ!

  • Thanks a lot! ขอบคุณมากๆ ค่ะ!

  • Many thanks! ขอบคุณหลายๆ ทีค่ะ!

  • Thanks a bunch! ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ!

  • Thank you very/ so much! ขอบคุณมากๆ ค่ะ!

  • Thank you (so/ very much) for ____! ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับ ____!

  • I really appreciate it! ฉันซาบซึ้งมากจริงๆ ค่ะ!

  • I really appreciate your ! ฉันซาบซึ้งกับ ของคุณจริงๆ ค่ะ!

  • I’m grateful for having you as my friend/ co-worker/ boss/ teacher/…! ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่มีคุณเป็นเพื่อน/ เพื่อนร่วมงาน/ หัวหน้า/ ครู/… ค่ะ!

  • There are no words to express my appreciation! ไม่มีคำใดที่จะอธิบายความซาบซึ้งของฉันได้ค่ะ!

  • Thanks in advance! ขอบคุณล่วงหน้านะคะ!

  • You are so kind! คุณใจดีมากค่ะ!

  • I owe you. ฉันติดหนี้บุญคุณคุณจริงๆ ค่ะ

  • You did help me a lot. คุณช่วยฉันเยอะมากเลยค่ะ

  • I highly value your contribution to the company. ฉันเห็นคุณค่าในการช่วยเหลือของคุณต่อบริษัทอย่างมากค่ะ

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันโดยหัวข้อยอดนิยม
ประโยคการขอบคุณ

6. การชมเชย

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • That’s a great idea! นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ!

  • Cool! เจ๋งไปเลยค่ะ!

  • That’s really nice! นี่ดีจริงๆ เลยค่ะ!

  • You did that very well! คุณทำได้ดีมากค่ะ!

  • That’s quite an improvement! นี่เป็นการพัฒนาที่ดีเลยนะคะ!

  • You’re doing fine! คุณทำได้ดีเลยค่ะ!

  • Couldn’t have done it better myself! ฉันเองก็คงทำได้ไม่ดีกว่านี้ค่ะ!

  • How lucky you are! คุณโชคดีจังเลยค่ะ!

  • I do envy you. You’re so beautiful! ฉันอิจฉาคุณจริงๆ คุณสวยมากค่ะ!

  • This is a wonderful meal! นี่เป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ!

  • I think that’s quite pretty, don’t you? ฉันว่ามันสวยมากเลย คุณว่าไหมคะ

7. การเชิญชวน

ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • Would you like to go out on a date with me? คุณอยากไปเดทกับฉันไหมคะ

  • Would you like to go out to have lunch/ dinner with me? คุณอยากไปทานข้าวกลางวัน/ เย็นกับฉันไหมคะ

  • How about lunch/ dinner? ไปทานข้าวกลางวัน/ เย็นกันดีไหมคะ

  • Do you want to go to the movies or something? คุณอยากไปดูหนังหรือทำอะไรไหมคะ

  • What about going bowling/ shopping/ swimming/…? ไปเล่นโบว์ลิ่ง/ ช็อปปิ้ง/ ว่ายน้ำกันดีไหมคะ

8. ครอบครัว

  • Have you got a big family? คุณมีครอบครัวใหญ่ไหมคะ

  • Have you got any brothers or sisters? คุณมีพี่น้องไหมคะ

  • How many people are there in your family? ครอบครัวคุณมีกี่คนคะ

  • There are ____ people in my family. ครอบครัวฉันมี ____ คนค่ะ

  • How's the family? How's everybody doing? ครอบครัวเป็นยังไงบ้างคะ ทุกคนสบายดีไหม

9. ที่ทำงาน

9.1. การแนะนำงาน

  • What do you do? คุณทำงานอะไรคะ

  • I'm a/an + job title ฉันเป็น + ตำแหน่งงานค่ะ

  • I work as + job position ฉันทำงานเป็น + ตำแหน่งค่ะ

  • I work in + department/field/industry ฉันทำงานใน + แผนก/สาขา/อุตสาหกรรมค่ะ

  • I work for + company name ฉันทำงานให้ + ชื่อบริษัทค่ะ

  • My current company is _____. บริษัทที่ฉันทำงานอยู่ตอนนี้คือ _____ ค่ะ

  • I have my business. ฉันมีธุรกิจของตัวเองค่ะ

  • I’m doing an internship in _____. = I’m an intern in _____. ฉันกำลังฝึกงานอยู่ที่ _____ ค่ะ

  • I’m a trainee at _____. ฉันเป็นผู้ฝึกงานที่ _____ ค่ะ

  • I’m doing a part-time/ full-time job at _____. ฉันทำงานพาร์ทไทม์/ เต็มเวลาอยู่ที่ _____ ค่ะ

9.2. การทักทายในวันเริ่มงาน

  • Are you new here? คุณเป็นคนใหม่ที่นี่หรือเปล่าคะ

  • How long have you worked here? คุณทำงานที่นี่มานานแค่ไหนแล้วคะ

  • Where are our team members? สมาชิกทีมของเราอยู่ที่ไหนบ้างคะ

  • This is your direct manager. นี่คือผู้จัดการตรงของคุณค่ะ

  • I’m very happy to be a part of ____. ฉันดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ _____ ค่ะ

  • I hope we will have a good time working together. ฉันหวังว่าเราจะมีเวลาทำงานที่ดีร่วมกันนะคะ

9.3. การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน

  • Can/ Could you help me with this report/ contract/ quotation/…? คุณช่วยฉันกับรายงาน/ สัญญา/ ใบเสนอราคานี้ได้ไหมคะ

  • Are you available for a meeting/ discussion/… this afternoon/ tomorrow morning/…? คุณว่างสำหรับการประชุม/ การสนทนา/… ตอนบ่ายนี้/ พรุ่งนี้เช้า/… ไหมคะ

  • Have you completed your task? คุณทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จหรือยังคะ

  • I completely/ absolutely agree with you. ฉันเห็นด้วยกับคุณอย่างเต็มที่ค่ะ

  • That’s a good/ bold/ creative/… idea. นี่เป็นความคิดที่ดี/ กล้าหาญ/ สร้างสรรค์/… ค่ะ

  • Let’s get down to the business, shall we? เรามาเริ่มงานกันเถอะค่ะ ว่าไหม

  • I need to discuss some problems with you. ฉันต้องการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาบางอย่างกับคุณค่ะ

  • We need more figures and information. เราต้องการข้อมูลและตัวเลขเพิ่มเติมค่ะ

9.4. การสื่อสารกับผู้จัดการ

  • May I take this Monday/ next Friday/… off? ฉันขอลาหยุดวันจันทร์นี้/ วันศุกร์หน้า/… ได้ไหมคะ

  • I’m afraid I’m not well and won’t be able to come in today. ฉันเกรงว่าฉันไม่ค่อยสบายและจะไม่สามารถมาทำงานวันนี้ได้ค่ะ

  • Here is the report/ data/… you need, sir/ ma'am. นี่คือรายงาน/ ข้อมูล/… ที่คุณต้องการค่ะ

  • I’ve left the file on your desk, sir/ ma'am. ฉันทิ้งไฟล์ไว้บนโต๊ะของคุณแล้วค่ะ

  • Could I have some feedback on my report/… ? ฉันขอความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของฉันได้ไหมคะ

  • May I ask you some questions? ฉันขอถามคำถามบางข้อได้ไหมคะ

  • I have some questions to ask. May I take some of your time? ฉันมีคำถามบางข้อที่อยากถาม ขอใช้เวลาคุณหน่อยได้ไหมคะ

9.5. การสื่อสารในที่ประชุม

  • When does our meeting start? การประชุมของเราเริ่มเมื่อไหร่คะ

  • What do I need to prepare before the meeting? ฉันต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนการประชุมคะ

  • How many people are there in the meeting? มีคนเข้าร่วมประชุมกี่คนคะ

  • No one is absent today. วันนี้ไม่มีใครขาดนะคะ

  • Let’s take a minute to brainstorm some new ideas. มาลองระดมความคิดกันสักนาทีเพื่อหาไอเดียใหม่ๆ กันเถอะค่ะ

  • Before we continue, are there any further questions? ก่อนที่เราจะไปต่อ มีคำถามเพิ่มเติมไหมคะ

  • Would you mind explaining that problem one more time? คุณช่วยอธิบายปัญหานั้นอีกครั้งได้ไหมคะ

  • Is there anything else anyone would like to share? มีอะไรเพิ่มเติมที่ใครอยากจะแบ่งปันไหมคะ

  • Let’s wrap up the important points before we get back to work. มาสรุปจุดสำคัญก่อนที่เราจะกลับไปทำงานกันค่ะ

10. สภาพอากาศ

  • It's sunny. อากาศแดดจ้าค่ะ

  • It's raining. ฝนตกค่ะ

  • What a nice day! วันนี้อากาศดีจังเลยค่ะ

  • What a beautiful day! วันนี้เป็นวันที่สวยงามมากค่ะ

  • It's not a very nice day! วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเลยค่ะ

  • What a terrible day! วันนี้เป็นวันที่แย่มากค่ะ

  • What miserable weather! อากาศวันนี้แย่มากเลยค่ะ

  • It's starting to rain. ฝนกำลังจะตกแล้วค่ะ

  • It's stopped raining. ฝนหยุดตกแล้วค่ะ

11. การให้คำแนะนำ

  • I reckon you should stop now. ฉันว่า คุณควรหยุดตอนนี้นะคะ

  • In my experience ____. จากประสบการณ์ของฉัน ____

  • As far as I’m concerned ____. เท่าที่ฉันทราบ ____

  • If you don’t mind me saying ____. ถ้าคุณไม่ว่าอะไรที่ฉันจะพูด ____

  • I would strongly advise you to stop. ฉันแนะนำอย่างจริงจังว่าคุณควรหยุดค่ะ

  • If I were you, I’d stop now. ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะหยุดตอนนี้ค่ะ

12. การให้คำแนะนำ/เสนอความคิดเห็น     

  • Can you give me a hand with this? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ

  • I wonder if you could help me with this. ฉันสงสัยว่าคุณจะช่วยฉันได้ไหมคะ

  • I can’t manage, can you help? ฉันจัดการไม่ไหว คุณช่วยได้ไหมคะ

  • Could you spare a moment? คุณพอจะมีเวลาสักนิดไหมคะ

  • Could you help me out? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ

  • I would like to make a suggestion ____. ฉันอยากจะเสนอ ____

  • What do you suggest? คุณมีคำแนะนำไหมคะ

  • Shall we go together? เราไปด้วยกันดีไหมคะ

  • I’ll give you a hand.  ฉันจะช่วยคุณค่ะ

  • Let me help you. ให้ฉันช่วยนะคะ

13. การถามและบอกทาง

13.1. การถามทาง

  • Excuse me, could you tell me how to get to ____? ขอโทษนะคะ คุณช่วยบอกทางไป ____ ได้ไหมคะ

  • Excuse me, could you show me the way to ____? ขอโทษนะคะ คุณช่วยบอกทางไป ____ ได้ไหมคะ

  • Excuse me, do you know where the ____ is? ขอโทษนะคะ คุณรู้ไหมว่า ____ อยู่ที่ไหนคะ

  • Excuse me, do you know how to get to ____? ขอโทษนะคะ คุณรู้ทางไป ____ ไหมค

  • Excuse me, I’m looking for ____. ขอโทษนะคะ ฉันกำลังหา ____

  • Is this the right way to ____? นี่เป็นทางไป ____ ใช่ไหมคะ

  • Is this the bus/ train/… for ? นี่เป็นรถบัส/ รถไฟ/… ไปที่ ใช่ไหมคะ

  • I think I’m lost. ฉันคิดว่าฉันหลงทางค่ะ

13.2. การบอกทาง

  • It’s right there. มันอยู่ตรงนั้นค่ะ

  • It’s over there. มันอยู่ตรงโน้นค่ะ

  • It’s this way. มาทางนี้ค่ะ

  • It’s that way. ไปทางโน้นค่ะ

  • Oh, you’re going the wrong way. โอ้ คุณไปผิดทางแล้วค่ะ

  • You’re going in the wrong direction. คุณกำลังไปผิดทางค่ะ

  • First, go straight ahead. ก่อนอื่น เดินตรงไปค่ะ

  • First, take this road. ก่อนอื่น ไปตามถนนเส้นนี้ค่ะ

  • Then, take the first on the left/ right. จากนั้น เลี้ยวซ้าย/ ขวาตรงแรกค่ะ

  • After that, take the second on the left/ right. จากนั้น เลี้ยวซ้าย/ ขวาตรงที่สองค่ะ

  • Keep going straight until you see… เดินตรงไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะเห็น…

  • Go past the… on the left/ right. เดินผ่าน… ด้านซ้าย/ ขวาไปค่ะ

  • Turn left/ right into… เลี้ยวซ้าย/ ขวาเข้าไปที่…

  • At the first/ second/… intersection, ที่สี่แยกแรก/ ที่สอง/…

  • At the first/ second/… roundabout, ที่วงเวียนแรก/ ที่สอง/…

14. การช็อปปิ้ง

  • How much? ราคาเท่าไหร่คะ

  • Too expensive. แพงไปค่ะ

  • Can you reduce the price? ลดราคาให้หน่อยได้ไหมคะ

  • Can I have a discount for this? ขอส่วนลดสำหรับอันนี้ได้ไหมคะ

  • Do you want to sell? คุณอยากขายไหมคะ

  • I want to buy. ฉันอยากซื้อค่ะ

  • One size larger. ขนาดใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งค่ะ

  • One size smaller. ขนาดเล็กลงอีกหนึ่งค่ะ

  • What size is it? ขนาดเท่าไหร่คะ

  • Do you have this in a size L? มีอันนี้ขนาด L ไหมคะ

15. การสื่อสารในร้านอาหารหรือคาเฟ่

  • Excuse me! ขอโทษนะคะ!

  • I am hungry. ฉันหิวแล้วค่ะ

  • What is it? นี่คืออะไรคะ

  • The bill please. ขอใบเสร็จด้วยค่ะ

  • May I have the menu. ขอเมนูได้ไหมคะ

  • I am allergic to peanuts. ฉันแพ้ถั่วลิสงค่ะ

  • I can not eat/drink _____. ฉันกิน/ดื่ม ____ ไม่ได้ค่ะ

  • I am vegetarian. ฉันเป็นมังสวิรัติค่ะ

  • I would like to have this. ฉันอยากได้อันนี้ค่ะ

  • One more. ขออีกหนึ่งค่ะ

16. โรงเรียน

  • Do you take tutoring outside of school? คุณเรียนพิเศษนอกโรงเรียนไหมคะ

  • Do you get a lot of homework? คุณมีการบ้านเยอะไหมคะ

  • Are you allowed to eat during class? คุณสามารถกินในห้องเรียนได้ไหมคะ

  • Have you ever been late for class? คุณเคยมาสายเข้าห้องเรียนไหมคะ

  • Can you help me with the Physics homework? คุณช่วยฉันทำการบ้านฟิสิกส์ได้ไหมคะ

  • May I have a pen, please? ขอปากกาหน่อยได้ไหมคะ

  • Can you give me a hand? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ

  • Can you do me a favour? คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ

  • Can I go to the restroom? ฉันขอไปห้องน้ำได้ไหมคะ

  • Can I change seats? ฉันขอเปลี่ยนที่นั่งได้ไหมคะ

  • Would you mind speaking louder? คุณช่วยพูดดังขึ้นหน่อยได้ไหมคะ

  • Could you explain it once more, please? คุณช่วยอธิบายอีกครั้งได้ไหมคะ

  • When is the homework due? การบ้านต้องส่งเมื่อไหร่คะ

  • Excuse me, can I talk to you for a minute? ขอโทษนะคะ ฉันขอคุยด้วยสักนิดได้ไหมคะ

  • Can you help me, please? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ

17. ธนาคาร

  • I’d like to open an account/ a fixed account. ฉันอยากเปิดบัญชี/ บัญชีเงินฝากประจำค่ะ

  • I’d like to close out my account. ฉันอยากปิดบัญชีค่ะ

  • I want to open a current account. Could you give me some information? ฉันอยากเปิดบัญชีเงินฝากประจำ คุณช่วยให้ข้อมูลหน่อยได้ไหมคะ

  • I need to make a withdrawal. ฉันต้องการถอนเงินค่ะ

  • What if I overdraw? ถ้าฉันถอนเกินบัญชีล่ะคะ

  • I’d like to withdraw 22 million VND against this letter of credit. ฉันอยากถอนเงิน 22 ล้านดองตามจดหมายเครดิตนี้ค่ะ

  • I want to deposit 15 million into my account. ฉันอยากฝากเงิน 15 ล้านเข้าบัญชีค่ะ

  • I want to know my balance. ฉันอยากรู้ยอดเงินในบัญชีค่ะ

  • Please tell me what the annual interest rate is? ช่วยบอกอัตราดอกเบี้ยประจำปีให้หน่อยได้ไหมคะ

  • Is there any minimum for the first deposit? มีเงินฝากขั้นต่ำสำหรับการฝากครั้งแรกไหมคะ

18. สถานการณ์ฉุกเฉิน

  • I need to see a doctor. ฉันต้องหาหมอค่ะ

  • I need to go to the hospital. ฉันต้องไปโรงพยาบาลค่ะ

  • I am sick. ฉันไม่สบายค่ะ

  • I had food poisoning. ฉันเป็นอาหารเป็นพิษค่ะ

  • I was robbed. ฉันโดนปล้นค่ะ

  • Call the police! โทรหาตำรวจด้วยค่ะ!

  • Help me! ช่วยฉันด้วยค่ะ!

19. หัวข้อพื้นฐานอื่นๆ

  • Look! ดูสิคะ

  • Great! เยี่ยมเลยค่ะ

  • Come on! เอาน่า

  • Me too. ฉันก็เหมือนกันค่ะ

  • Not bad. ไม่เลวเลยค่ะ

  • Just kidding! แค่ล้อเล่นนะคะ

  • That's funny! ตลกดีค่ะ!

  • That's life! ชีวิตก็แบบนี้แหละ

  • Let's go! ไปกันเถอะค่ะ

  • Hurry up! เร็วหน่อยค่ะ

  • Stop it! หยุดเถอะ

  • Don't worry! ไม่ต้องกังวลนะคะ

  • Really? จริงเหรอคะ

  • All the best! ขอให้ดีที่สุดนะคะ

  • Go ahead! เอาเลยค่ะ

  • You're so dead! คุณตายแน่ค่ะ

  • Just to be on the safe side. เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ

  • It's worth seeing. คุ้มที่จะดูค่ะ

  • Let me know. บอกฉันด้วยนะคะ

  • Let me guess. ให้ฉันเดานะคะ

  • It's hard to say. พูดยากนะคะ

  • I'm working on it. ฉันกำลังทำอยู่ค่ะ

  • What do you recommend? คุณแนะนำอะไรคะ

  • What's on your mind? คุณคิดอะไรอยู่คะ

  • Can I help you? ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้างคะ

  • May I ask you a question? ขอถามคำถามหน่อยได้ไหมคะ

  • I know. ฉันรู้ค่ะ

  • I don’t know. ฉันไม่รู้ค่ะ

  • I think so. ฉันคิดว่าใช่ค่ะ

  • I don’t think so. ฉันไม่คิดอย่างนั้นค่ะ

II. บทสนทนาที่ใช้ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

หลังจากที่เราได้เรียนรู้ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันแล้ว มาลองดูบทสนทนาภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันง่ายๆ ที่ใช้ในสถานการณ์ชีวิตประจำวันกันเถอะ:

1. บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ 1

บทสนทนาภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • A: Hi! How are you?

  • B: I'm good, thanks! How about you?

  • A: I'm well too. I’m glad to meet you.

  • B: So, what have you been up to lately?

  • A: I had my business. How about you?

  • B: I am a lecturer. I worked for a university. By the way, I have to go now. It was nice catching up with you.

  • A: No problem. Take care and talk to you soon.

  • B: You too. Bye!

  • A: Goodbye!

  • A: สวัสดีค่ะ! สบายดีไหม?

  • B: ฉันสบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ?

  • A: ฉันก็สบายดีค่ะ ดีใจที่ได้เจอคุณ

  • B: แล้วช่วงนี้คุณทำอะไรบ้าง?

  • A: ฉันทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ แล้วคุณล่ะ?

  • B: ฉันเป็นอาจารย์ค่ะ ฉันทำงานที่มหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว ดีใจที่ได้คุยกันนะ

  • A: ไม่มีปัญหาค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วคุยกันใหม่

  • B: เช่นกันนะ สวัสดีค่ะ!

  • A: ไว้เจอกันค่ะ!

2. บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ 2

บทสนทนาภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน

  • A: Hi! Would you like to go out on a date with me? How about dinner?

  • B: Sure, that sounds nice! Where do you have in mind?

  • A: How about trying that new sushi place downtown?

  • B: Oh, I love sushi! 

  • A: Awesome! How about Friday night? Around 7 p.m.?

  • B: Perfect! Looking forward to it!

  • A: Me too. See you on Friday!

  • B: Goodbye!

  • A: สวัสดีค่ะ! คุณอยากออกไปเดทกับฉันไหม? ทานข้าวเย็นด้วยกันดีไหม?

  • B: แน่นอนค่ะ ฟังดูดีมากเลย คุณมีร้านไหนในใจไหม?

  • A: ไปลองร้านซูชิใหม่ที่ตัวเมืองกันดีไหม?

  • B: โอ้ ฉันชอบซูชิมากเลย!

  • A: เยี่ยมเลยค่ะ แล้วไปวันศุกร์นี้ตอน 1 ทุ่มดีไหม?

  • B: ตกลงค่ะ รอคอยที่จะได้เจอกันนะ!

  • A: ฉันก็เช่นกันค่ะ เจอกันวันศุกร์นะ!

  • B: ไว้เจอกันค่ะ!

III. วิธีพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ

แล้วเราจะฝึกทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร? ให้ PREP แนะนำคุณเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษกันเถอะ!

1. ฝึกฟังการสนทนาภาษาอังกฤษเป็นประจำ

การฝึกฟังการสนทนาภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณคุ้นเคยและจดจำภาษาได้อย่างรวดเร็ว คุณควรลองดูหนัง ฟังเพลง หรือพอดแคสต์ในภาษาอังกฤษ โดยในช่วงแรกอาจใช้ซับไตเติ้ลเพื่อเข้าใจบริบทและคำศัพท์ในเสียงพูด หลังจากที่คุ้นเคยกับการฟังภาษาอังกฤษแล้ว คุณสามารถลบซับไตเติ้ลออกและฝึกฟังตรงๆ ได้เลย
ช่องทางการฝึกฟังภาษาอังกฤษที่เชื่อถือได้ที่คุณสามารถอ้างอิงได้ เช่น TED Talks Daily, The English We Speak, FluentU English เป็นต้น

2. ฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

เพื่อให้คุณมีโอกาสฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ คุณสามารถเข้าร่วมคลับภาษาอังกฤษที่โรงเรียนหรือในชุมชนเพื่อพบปะและฝึกพูดภาษาอังกฤษกับคนที่มีความสนใจเหมือนกัน นอกจากนี้ ค้นหาเพื่อนที่มีเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกันและฝึกพูดกับพวกเขา
สำหรับผู้ที่ขี้อายหรือลังเลที่จะสนทนาในชีวิตจริง คุณสามารถฝึกการสนทนาภาษาอังกฤษผ่านแพลตฟอร์ม AI อย่าง Virtual Speaking Room ซึ่งคุณสามารถฝึกและรับคำติชมเกี่ยวกับข้อผิดพลาดของคุณได้

3. ขยายคำศัพท์ของคุณ

สุดท้าย อย่าลืมสร้างคลังคำศัพท์สำหรับการสนทนาภาษาอังกฤษทุกวัน! คุณควรเน้นการเรียนรู้คำศัพท์ตามหัวข้อเพื่อไม่ให้กระจัดกระจาย และนำคำศัพท์ที่เรียนรู้มาใช้ในประโยค เพื่อช่วยเสริมสร้างความจำระยะยาว คุณควรใช้พจนานุกรมที่เชื่อถือได้เช่น Cambridge และ Oxford เพื่อค้นหาความหมายและการใช้คำศัพท์แต่ละคำอย่างแม่นยำขณะที่คุณเรียนรู้

ด้านบนนี้ PREP ได้สรุปประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันตามหัวข้อ รวมทั้งได้จัดทำบทสนทนาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพไว้ให้ด้วยแล้ว ขอให้คุณนำไปใช้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบ ขอให้โชคดี!

ปริญญาโท Tu Pham
ปริญญาโท Tu Pham
ผู้ก่อตั้ง/ CEO ที่ Prep
ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มการเตรียมสอบอัจฉริยะ Prep ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในการสอนและเตรียมสอบ อาจารย์ Tu Pham ได้ช่วยให้นักเรียนหลายพันคนทำคะแนนสูงในการสอบ IELTS นอกจากนี้ อาจารย์ Tu Pham ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาในโครงการของ British Council และเป็นวิทยากรในงานและการประชุมชั้นนำทางการศึกษาหลายแห่ง
ดูเพิ่มเติม

ความคิดเห็น

0/300 อักขระ