ค้นหาบทความการศึกษา
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันตามหัวข้อยอดนิยม!
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร - ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานสามารถช่วยให้คุณพูดคุยในสถานการณ์ประจำวันได้อย่างมั่นใจ วันนี้ PREP จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันที่ใช้บ่อยที่สุด ลองดูเลยนะ!
- I. การรวบรวมประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานตามหัวข้อ
- 1. การทักทาย
- 2. การบอกลา
- 3. การแนะนำตัว
- 4. การขอโทษ
- 5. การขอบคุณ
- 6. การชมเชย
- 7. การเชิญชวน
- 8. ครอบครัว
- 9. ที่ทำงาน
- 10. สภาพอากาศ
- 11. การให้คำแนะนำ
- 12. การให้คำแนะนำ/เสนอความคิดเห็น
- 13. การถามและบอกทาง
- 14. การช็อปปิ้ง
- 15. การสื่อสารในร้านอาหารหรือคาเฟ่
- 16. โรงเรียน
- 17. ธนาคาร
- 18. สถานการณ์ฉุกเฉิน
- 19. หัวข้อพื้นฐานอื่นๆ
- II. บทสนทนาที่ใช้ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
- III. วิธีพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ
I. การรวบรวมประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานตามหัวข้อ
ก่อนอื่นเรามาดูรายชื่อประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันพื้นฐานที่ครอบคลุมทุกหัวข้อยอดนิยมกันเถอะ:
1. การทักทาย
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
-
Hello! สวัสดีค่ะ!
-
Good morning! สวัสดีตอนเช้าค่ะ!
-
Good afternoon! สวัสดีตอนบ่ายค่ะ!
-
Good evening! สวัสดีตอนเย็นค่ะ!
-
Can you speak English? พูดภาษาอังกฤษได้ไหมคะ
-
How old are you? คุณอายุเท่าไหร่คะ
-
I am __ years old. เราอายุ __ ปีค่ะ
-
What is your name? ชื่ออะไรนะคะ
-
My name is ___. เราชื่อ __ค่ะ
-
Who is there? ใครอยู่ตรงนั้นคะ
-
Who are you? คุณเป็นใครคะ
-
Are you Canadian? คุณเป็นคนแคนาดาหรือเปล่าคะ
-
How are you? สบายดีไหมคะ
-
How do you do? เป็นยังไงบ้างคะ
-
Very well, thank you. And you? สบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ แล้วคุณล่ะคะ
-
I am not very well. ไม่ค่อยสบายเลยค่ะ
-
I am fine. Thank you! เราสบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ!
-
Please, sit down. นั่งเลยค่ะ
-
Sit here. นั่งตรงนี้ค่ะ
-
Wait for me. รอเราหน่อยค่ะ
-
Wait a minute. รอแป๊บนะ
-
Wait a moment. รอแป๊บนะ
-
Come with me. มากับเราหน่อยค่ะ
-
I am happy to make your acquaintance. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
-
I am very pleased to meet you. ดีใจมากๆ ที่ได้เจอคุณค่ะ
-
I’m glad to meet you. ดีใจที่ได้เจอคุณค่ะ
-
Please come in. กรุณาเข้ามาครับ
-
Come this way, if you please. มาทางนี้เลยค่ะ
-
Where are you coming from? มาจากไหนกันเหรอคะ
-
I don’t understand English well. เราไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษค่ะ
-
What does this word mean? คำนี้หมายความว่าอะไรคะ
-
You speak too fast. พูดเร็วไปหน่อยค่ะ
-
Please repeat. พูดอีกทีได้ไหมคะ
-
Please speak more slowly. ช่วยพูดช้าลงหน่อยค่ะ
2. การบอกลา
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
-
It was great/ nice/ glad/ pleased meeting you. ดีใจที่ได้เจอคุณนะคะ
-
It was great/ nice/ glad/ pleased talking to you. ดีใจที่ได้คุยกับคุณนะคะ
-
Have a good day/ nice day/ good night. ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี/ ฝันดีนะคะ
-
I look forward to our next meeting. รอเจอกันครั้งหน้านะคะ
-
Nice to meet you/ pleased to meet you. ยินดีที่ได้เจอคุณนะคะ
-
Hope everything goes well. หวังว่าทุกอย่างจะดีนะคะ
-
Have a good end of month! ขอให้สิ้นเดือนนี้ผ่านไปได้ดีนะคะ
-
Hey, I have to leave. Thanks for talking to me. เอ่อ ฉันต้องไปแล้ว ขอบคุณที่คุยกับฉันนะคะ
-
Okay, no problem Don't forget to text me! โอเค ไม่มีปัญหา อย่าลืมส่งข้อความมานะคะ!
-
Sure! I’ll see you then! แน่นอน! เจอกันนะคะ!
-
I should be going. It's getting late. ฉันควรไปแล้ว มันดึกแล้วนะคะ
-
We’ll meet again some day. วันหนึ่งเราคงได้เจอกันอีกนะคะ
-
I will not go any further. ฉันจะไม่ไปไกลกว่านี้แล้วนะคะ
-
Do keep in touch. ติดต่อกันนะคะ
-
Please do this again soon. Let me give you my number. ทำแบบนี้อีกเร็วๆ นะ นี่เบอร์ฉันนะคะ
-
Do you have a business card so I know how to contact you? มีนามบัตรไหมคะ จะได้ติดต่อกัน
-
Be sure to drop us a line. อย่าลืมส่งข้อความมานะคะ
-
See you this evening. เจอกันเย็นนี้นะคะ
-
Drop me a line. ส่งข้อความมานะคะ
-
Keep in touch! ติดต่อกันนะคะ!
-
Don’t forget to give me a ring! อย่าลืมโทรหานะคะ!
-
Remember to drop me a line! จำไว้ว่าต้องส่งข้อความมานะคะ!
-
Talk to you later. คุยกันใหม่ทีหลังนะคะ
-
Catch up with you later. ไว้เจอกันทีหลังนะคะ
-
I hope to see you soon. หวังว่าจะได้เจอคุณเร็วๆ นี้นะคะ
-
If you’re ever in…, come and see me – You’ve got my address. ถ้าคุณมาที่... มาเจอกันนะคะ คุณมีที่อยู่ฉันแล้ว
-
See you on Monday. เจอกันวันจันทร์นะคะ
-
Have a nice weekend. ขอให้เป็นสุดสัปดาห์ที่ดีนะคะ
-
Give me a call sometime. โทรหาฉันบ้างนะคะ
-
Please give my best regards to your mother. ฝากความคิดถึงถึงคุณแม่ด้วยนะคะ
-
Please say hello to Sara for me. ฝากทักทาย Sara ให้ด้วยนะคะ
-
Good luck. โชคดีนะคะ
-
I have to leave here by noon. ฉันต้องออกจากที่นี่ก่อนเที่ยงนะคะ
-
I got to go now. ฉันต้องไปแล้วนะคะ
-
I’m afraid I have to head off now. ฉันคงต้องไปแล้วนะคะ
-
I got to go now. ฉันต้องไปแล้วนะคะ
-
Would you mind if I leave the dinner before it ends? จะว่าอะไรไหมถ้าฉันออกจากงานเลี้ยงก่อนที่จะจบคะ
-
Take care! ดูแลตัวเองด้วยนะคะ!
-
All the best, bye. ขอให้ดีที่สุดนะคะ สวัสดีค่ะ
-
I hope everything goes well. หวังว่าทุกอย่างจะไปได้ด้วยดีนะคะ
-
I wish you a nice day! ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะคะ!
-
Don’t forget to give me a ring! อย่าลืมโทรหาฉันนะคะ!
-
Stay in touch! ติดต่อกันนะคะ!
-
Talk to you later! คุยกันใหม่ทีหลังนะคะ!
-
I hope to see you soon. หวังว่าจะได้เจอคุณเร็วๆ นี้นะคะ
3. การแนะนำตัว
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
-
Please let me introduce myself. I’m Jenny. ขอแนะนำตัวเองนะคะ ฉันชื่อ Jenny ค่ะ
-
May I introduce myself, I’m Julia. ขอแนะนำตัวเองนะคะ ฉันชื่อ Julia ค่ะ
-
It’s a pleasure to make your acquaintance. My name is Hanna. ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อ Hanna ค่ะ
-
Hello, it’s very nice to meet you, too. สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้เจอคุณเหมือนกันนะคะ
-
I’m Joan. Nice to meet you, too. ฉันชื่อ Joan นะคะ ยินดีที่ได้เจอคุณเช่นกันค่ะ
-
Let me introduce my friend, mister Sara. ขอแนะนำเพื่อนของฉันนะคะ คุณ Sara ค่ะ
-
I’m pleased to meet you. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
-
It’s a pleasure to meet you, Mr. Martin. ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณ Martin
4. การขอโทษ
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
4.1. คำวลีขอโทษที่นิยม
-
I’m so sorry. ขอโทษจริงๆ นะคะ
-
Pardon (me). ขอโทษนะคะ
-
Sorry, it was all my fault. ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง
-
Please excuse my ignorance. ขอโทษที่ฉันไม่รู้นะคะ
-
Please accept our sincerest apologies. โปรดยอมรับคำขอโทษอย่างจริงใจจากพวกเราด้วยนะคะ
-
My mistake, I had that wrong. ฉันทำผิดไป ขอโทษจริงๆ ค่ะ
-
Sorry for your loss. เสียใจด้วยนะคะที่คุณต้องสูญเสีย
-
I apologise. ฉันขอโทษนะคะ
-
Please forgive me. โปรดให้อภัยฉันด้วยนะคะ
-
Sorry, I didn’t mean to do that. ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น
-
I’m terribly sorry. ขอโทษจริงๆ นะคะ
-
It’s my fault. เป็นความผิดของฉันเองค่ะ
-
I was wrong on that. ฉันผิดเองค่ะ
-
Please don’t be mad at me. อย่าโกรธฉันเลยนะคะ
-
My mistake I had that wrong. ฉันทำผิดไป ขอโทษจริงๆ ค่ะ
-
How stupid/ careless/ thoughtless of me. ฉันนี่โง่/ ประมาท/ ไม่รอบคอบจริงๆ ค่ะ
-
I have to say sorry to you. ฉันต้องขอโทษคุณจริงๆ ค่ะ
-
I don't mean to. ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ
-
How should I apologize to you? ฉันควรขอโทษคุณยังไงดีคะ
-
I don't mean to make you displeased. ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณไม่พอใจนะคะ
4.2. คำวลีขอโทษเมื่ออยู่กับเพื่อน
-
My bad. ฉันผิดเองนะ
-
Whoops! อุ๊ย ขอโทษนะ
-
Oops, sorry! อุ๊ย ขอโทษนะ
-
Oops, I did it again! อุ๊ย ฉันทำอีกแล้ว
-
Ever so sorry! ขอโทษจริงๆ นะ
4.3. คำวลีขอโทษในจดหมาย อีเมล และเอกสารต่างๆ
-
I beg your pardon. ขอโทษนะคะ
-
I must apologize. ฉันต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ
-
Please excuse my ignorance. ขอโทษที่ฉันไม่รู้นะคะ
-
I had that wrong. ฉันทำผิดไปค่ะ
-
How stupid/ careless/ thoughtless of me. ฉันนี่โง่/ ประมาท/ ไม่รอบคอบจริงๆ ค่ะ
-
I hope that you can forgive me. หวังว่าคุณจะให้อภัยฉันนะคะ
-
I would like to express my regret. ฉันอยากจะแสดงความเสียใจค่ะ
-
I apologize wholeheartedly/ unreservedly. ฉันขอโทษจากใจจริงค่ะ
-
Please accept my/ our sincere apologies. โปรดยอมรับคำขอโทษอย่างจริงใจของฉัน/ พวกเราด้วยนะคะ
4.4. คำวลีขอโทษในที่ทำงาน
-
I’m sorry for being late I promise this is the first time and also the last. ขอโทษนะคะที่มาสาย สัญญาว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายค่ะ
-
I apologize for not completing the assigned work. Please give me one more chanceขอโทษนะคะที่ไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งค่ะ
-
I feel extremely guilty for ______. I accept all responsibility before the company. ฉันรู้สึกผิดมากที่ ______ ฉันขอรับผิดชอบทั้งหมดต่อบริษัทค่ะ
5. การขอบคุณ
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
-
Thanks! ขอบคุณนะคะ!
-
Thanks a lot! ขอบคุณมากๆ ค่ะ!
-
Many thanks! ขอบคุณหลายๆ ทีค่ะ!
-
Thanks a bunch! ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ!
-
Thank you very/ so much! ขอบคุณมากๆ ค่ะ!
-
Thank you (so/ very much) for ____! ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับ ____!
-
I really appreciate it! ฉันซาบซึ้งมากจริงๆ ค่ะ!
-
I really appreciate your ! ฉันซาบซึ้งกับ ของคุณจริงๆ ค่ะ!
-
I’m grateful for having you as my friend/ co-worker/ boss/ teacher/…! ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่มีคุณเป็นเพื่อน/ เพื่อนร่วมงาน/ หัวหน้า/ ครู/… ค่ะ!
-
There are no words to express my appreciation! ไม่มีคำใดที่จะอธิบายความซาบซึ้งของฉันได้ค่ะ!
-
Thanks in advance! ขอบคุณล่วงหน้านะคะ!
-
You are so kind! คุณใจดีมากค่ะ!
-
I owe you. ฉันติดหนี้บุญคุณคุณจริงๆ ค่ะ
-
You did help me a lot. คุณช่วยฉันเยอะมากเลยค่ะ
-
I highly value your contribution to the company. ฉันเห็นคุณค่าในการช่วยเหลือของคุณต่อบริษัทอย่างมากค่ะ
6. การชมเชย
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
-
That’s a great idea! นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ!
-
Cool! เจ๋งไปเลยค่ะ!
-
That’s really nice! นี่ดีจริงๆ เลยค่ะ!
-
You did that very well! คุณทำได้ดีมากค่ะ!
-
That’s quite an improvement! นี่เป็นการพัฒนาที่ดีเลยนะคะ!
-
You’re doing fine! คุณทำได้ดีเลยค่ะ!
-
Couldn’t have done it better myself! ฉันเองก็คงทำได้ไม่ดีกว่านี้ค่ะ!
-
How lucky you are! คุณโชคดีจังเลยค่ะ!
-
I do envy you. You’re so beautiful! ฉันอิจฉาคุณจริงๆ คุณสวยมากค่ะ!
-
This is a wonderful meal! นี่เป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ!
-
I think that’s quite pretty, don’t you? ฉันว่ามันสวยมากเลย คุณว่าไหมคะ
7. การเชิญชวน
ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
-
Would you like to go out on a date with me? คุณอยากไปเดทกับฉันไหมคะ
-
Would you like to go out to have lunch/ dinner with me? คุณอยากไปทานข้าวกลางวัน/ เย็นกับฉันไหมคะ
-
How about lunch/ dinner? ไปทานข้าวกลางวัน/ เย็นกันดีไหมคะ
-
Do you want to go to the movies or something? คุณอยากไปดูหนังหรือทำอะไรไหมคะ
-
What about going bowling/ shopping/ swimming/…? ไปเล่นโบว์ลิ่ง/ ช็อปปิ้ง/ ว่ายน้ำกันดีไหมคะ
8. ครอบครัว
-
Have you got a big family? คุณมีครอบครัวใหญ่ไหมคะ
-
Have you got any brothers or sisters? คุณมีพี่น้องไหมคะ
-
How many people are there in your family? ครอบครัวคุณมีกี่คนคะ
-
There are ____ people in my family. ครอบครัวฉันมี ____ คนค่ะ
-
How's the family? How's everybody doing? ครอบครัวเป็นยังไงบ้างคะ ทุกคนสบายดีไหม
9. ที่ทำงาน
9.1. การแนะนำงาน
-
What do you do? คุณทำงานอะไรคะ
-
I'm a/an + job title ฉันเป็น + ตำแหน่งงานค่ะ
-
I work as + job position ฉันทำงานเป็น + ตำแหน่งค่ะ
-
I work in + department/field/industry ฉันทำงานใน + แผนก/สาขา/อุตสาหกรรมค่ะ
-
I work for + company name ฉันทำงานให้ + ชื่อบริษัทค่ะ
-
My current company is _____. บริษัทที่ฉันทำงานอยู่ตอนนี้คือ _____ ค่ะ
-
I have my business. ฉันมีธุรกิจของตัวเองค่ะ
-
I’m doing an internship in _____. = I’m an intern in _____. ฉันกำลังฝึกงานอยู่ที่ _____ ค่ะ
-
I’m a trainee at _____. ฉันเป็นผู้ฝึกงานที่ _____ ค่ะ
-
I’m doing a part-time/ full-time job at _____. ฉันทำงานพาร์ทไทม์/ เต็มเวลาอยู่ที่ _____ ค่ะ
9.2. การทักทายในวันเริ่มงาน
-
Are you new here? คุณเป็นคนใหม่ที่นี่หรือเปล่าคะ
-
How long have you worked here? คุณทำงานที่นี่มานานแค่ไหนแล้วคะ
-
Where are our team members? สมาชิกทีมของเราอยู่ที่ไหนบ้างคะ
-
This is your direct manager. นี่คือผู้จัดการตรงของคุณค่ะ
-
I’m very happy to be a part of ____. ฉันดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ _____ ค่ะ
-
I hope we will have a good time working together. ฉันหวังว่าเราจะมีเวลาทำงานที่ดีร่วมกันนะคะ
9.3. การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน
-
Can/ Could you help me with this report/ contract/ quotation/…? คุณช่วยฉันกับรายงาน/ สัญญา/ ใบเสนอราคานี้ได้ไหมคะ
-
Are you available for a meeting/ discussion/… this afternoon/ tomorrow morning/…? คุณว่างสำหรับการประชุม/ การสนทนา/… ตอนบ่ายนี้/ พรุ่งนี้เช้า/… ไหมคะ
-
Have you completed your task? คุณทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จหรือยังคะ
-
I completely/ absolutely agree with you. ฉันเห็นด้วยกับคุณอย่างเต็มที่ค่ะ
-
That’s a good/ bold/ creative/… idea. นี่เป็นความคิดที่ดี/ กล้าหาญ/ สร้างสรรค์/… ค่ะ
-
Let’s get down to the business, shall we? เรามาเริ่มงานกันเถอะค่ะ ว่าไหม
-
I need to discuss some problems with you. ฉันต้องการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาบางอย่างกับคุณค่ะ
-
We need more figures and information. เราต้องการข้อมูลและตัวเลขเพิ่มเติมค่ะ
9.4. การสื่อสารกับผู้จัดการ
-
May I take this Monday/ next Friday/… off? ฉันขอลาหยุดวันจันทร์นี้/ วันศุกร์หน้า/… ได้ไหมคะ
-
I’m afraid I’m not well and won’t be able to come in today. ฉันเกรงว่าฉันไม่ค่อยสบายและจะไม่สามารถมาทำงานวันนี้ได้ค่ะ
-
Here is the report/ data/… you need, sir/ ma'am. นี่คือรายงาน/ ข้อมูล/… ที่คุณต้องการค่ะ
-
I’ve left the file on your desk, sir/ ma'am. ฉันทิ้งไฟล์ไว้บนโต๊ะของคุณแล้วค่ะ
-
Could I have some feedback on my report/… ? ฉันขอความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของฉันได้ไหมคะ
-
May I ask you some questions? ฉันขอถามคำถามบางข้อได้ไหมคะ
-
I have some questions to ask. May I take some of your time? ฉันมีคำถามบางข้อที่อยากถาม ขอใช้เวลาคุณหน่อยได้ไหมคะ
9.5. การสื่อสารในที่ประชุม
-
When does our meeting start? การประชุมของเราเริ่มเมื่อไหร่คะ
-
What do I need to prepare before the meeting? ฉันต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนการประชุมคะ
-
How many people are there in the meeting? มีคนเข้าร่วมประชุมกี่คนคะ
-
No one is absent today. วันนี้ไม่มีใครขาดนะคะ
-
Let’s take a minute to brainstorm some new ideas. มาลองระดมความคิดกันสักนาทีเพื่อหาไอเดียใหม่ๆ กันเถอะค่ะ
-
Before we continue, are there any further questions? ก่อนที่เราจะไปต่อ มีคำถามเพิ่มเติมไหมคะ
-
Would you mind explaining that problem one more time? คุณช่วยอธิบายปัญหานั้นอีกครั้งได้ไหมคะ
-
Is there anything else anyone would like to share? มีอะไรเพิ่มเติมที่ใครอยากจะแบ่งปันไหมคะ
-
Let’s wrap up the important points before we get back to work. มาสรุปจุดสำคัญก่อนที่เราจะกลับไปทำงานกันค่ะ
10. สภาพอากาศ
-
It's sunny. อากาศแดดจ้าค่ะ
-
It's raining. ฝนตกค่ะ
-
What a nice day! วันนี้อากาศดีจังเลยค่ะ
-
What a beautiful day! วันนี้เป็นวันที่สวยงามมากค่ะ
-
It's not a very nice day! วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเลยค่ะ
-
What a terrible day! วันนี้เป็นวันที่แย่มากค่ะ
-
What miserable weather! อากาศวันนี้แย่มากเลยค่ะ
-
It's starting to rain. ฝนกำลังจะตกแล้วค่ะ
-
It's stopped raining. ฝนหยุดตกแล้วค่ะ
11. การให้คำแนะนำ
-
I reckon you should stop now. ฉันว่า คุณควรหยุดตอนนี้นะคะ
-
In my experience ____. จากประสบการณ์ของฉัน ____
-
As far as I’m concerned ____. เท่าที่ฉันทราบ ____
-
If you don’t mind me saying ____. ถ้าคุณไม่ว่าอะไรที่ฉันจะพูด ____
-
I would strongly advise you to stop. ฉันแนะนำอย่างจริงจังว่าคุณควรหยุดค่ะ
-
If I were you, I’d stop now. ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะหยุดตอนนี้ค่ะ
12. การให้คำแนะนำ/เสนอความคิดเห็น
-
Can you give me a hand with this? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ
-
I wonder if you could help me with this. ฉันสงสัยว่าคุณจะช่วยฉันได้ไหมคะ
-
I can’t manage, can you help? ฉันจัดการไม่ไหว คุณช่วยได้ไหมคะ
-
Could you spare a moment? คุณพอจะมีเวลาสักนิดไหมคะ
-
Could you help me out? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ
-
I would like to make a suggestion ____. ฉันอยากจะเสนอ ____
-
What do you suggest? คุณมีคำแนะนำไหมคะ
-
Shall we go together? เราไปด้วยกันดีไหมคะ
-
I’ll give you a hand. ฉันจะช่วยคุณค่ะ
-
Let me help you. ให้ฉันช่วยนะคะ
13. การถามและบอกทาง
13.1. การถามทาง
-
Excuse me, could you tell me how to get to ____? ขอโทษนะคะ คุณช่วยบอกทางไป ____ ได้ไหมคะ
-
Excuse me, could you show me the way to ____? ขอโทษนะคะ คุณช่วยบอกทางไป ____ ได้ไหมคะ
-
Excuse me, do you know where the ____ is? ขอโทษนะคะ คุณรู้ไหมว่า ____ อยู่ที่ไหนคะ
-
Excuse me, do you know how to get to ____? ขอโทษนะคะ คุณรู้ทางไป ____ ไหมค
-
Excuse me, I’m looking for ____. ขอโทษนะคะ ฉันกำลังหา ____
-
Is this the right way to ____? นี่เป็นทางไป ____ ใช่ไหมคะ
-
Is this the bus/ train/… for ? นี่เป็นรถบัส/ รถไฟ/… ไปที่ ใช่ไหมคะ
-
I think I’m lost. ฉันคิดว่าฉันหลงทางค่ะ
13.2. การบอกทาง
-
It’s right there. มันอยู่ตรงนั้นค่ะ
-
It’s over there. มันอยู่ตรงโน้นค่ะ
-
It’s this way. มาทางนี้ค่ะ
-
It’s that way. ไปทางโน้นค่ะ
-
Oh, you’re going the wrong way. โอ้ คุณไปผิดทางแล้วค่ะ
-
You’re going in the wrong direction. คุณกำลังไปผิดทางค่ะ
-
First, go straight ahead. ก่อนอื่น เดินตรงไปค่ะ
-
First, take this road. ก่อนอื่น ไปตามถนนเส้นนี้ค่ะ
-
Then, take the first on the left/ right. จากนั้น เลี้ยวซ้าย/ ขวาตรงแรกค่ะ
-
After that, take the second on the left/ right. จากนั้น เลี้ยวซ้าย/ ขวาตรงที่สองค่ะ
-
Keep going straight until you see… เดินตรงไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะเห็น…
-
Go past the… on the left/ right. เดินผ่าน… ด้านซ้าย/ ขวาไปค่ะ
-
Turn left/ right into… เลี้ยวซ้าย/ ขวาเข้าไปที่…
-
At the first/ second/… intersection, ที่สี่แยกแรก/ ที่สอง/…
-
At the first/ second/… roundabout, ที่วงเวียนแรก/ ที่สอง/…
14. การช็อปปิ้ง
-
How much? ราคาเท่าไหร่คะ
-
Too expensive. แพงไปค่ะ
-
Can you reduce the price? ลดราคาให้หน่อยได้ไหมคะ
-
Can I have a discount for this? ขอส่วนลดสำหรับอันนี้ได้ไหมคะ
-
Do you want to sell? คุณอยากขายไหมคะ
-
I want to buy. ฉันอยากซื้อค่ะ
-
One size larger. ขนาดใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งค่ะ
-
One size smaller. ขนาดเล็กลงอีกหนึ่งค่ะ
-
What size is it? ขนาดเท่าไหร่คะ
-
Do you have this in a size L? มีอันนี้ขนาด L ไหมคะ
15. การสื่อสารในร้านอาหารหรือคาเฟ่
-
Excuse me! ขอโทษนะคะ!
-
I am hungry. ฉันหิวแล้วค่ะ
-
What is it? นี่คืออะไรคะ
-
The bill please. ขอใบเสร็จด้วยค่ะ
-
May I have the menu. ขอเมนูได้ไหมคะ
-
I am allergic to peanuts. ฉันแพ้ถั่วลิสงค่ะ
-
I can not eat/drink _____. ฉันกิน/ดื่ม ____ ไม่ได้ค่ะ
-
I am vegetarian. ฉันเป็นมังสวิรัติค่ะ
-
I would like to have this. ฉันอยากได้อันนี้ค่ะ
-
One more. ขออีกหนึ่งค่ะ
16. โรงเรียน
-
Do you take tutoring outside of school? คุณเรียนพิเศษนอกโรงเรียนไหมคะ
-
Do you get a lot of homework? คุณมีการบ้านเยอะไหมคะ
-
Are you allowed to eat during class? คุณสามารถกินในห้องเรียนได้ไหมคะ
-
Have you ever been late for class? คุณเคยมาสายเข้าห้องเรียนไหมคะ
-
Can you help me with the Physics homework? คุณช่วยฉันทำการบ้านฟิสิกส์ได้ไหมคะ
-
May I have a pen, please? ขอปากกาหน่อยได้ไหมคะ
-
Can you give me a hand? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ
-
Can you do me a favour? คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ
-
Can I go to the restroom? ฉันขอไปห้องน้ำได้ไหมคะ
-
Can I change seats? ฉันขอเปลี่ยนที่นั่งได้ไหมคะ
-
Would you mind speaking louder? คุณช่วยพูดดังขึ้นหน่อยได้ไหมคะ
-
Could you explain it once more, please? คุณช่วยอธิบายอีกครั้งได้ไหมคะ
-
When is the homework due? การบ้านต้องส่งเมื่อไหร่คะ
-
Excuse me, can I talk to you for a minute? ขอโทษนะคะ ฉันขอคุยด้วยสักนิดได้ไหมคะ
-
Can you help me, please? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ
17. ธนาคาร
-
I’d like to open an account/ a fixed account. ฉันอยากเปิดบัญชี/ บัญชีเงินฝากประจำค่ะ
-
I’d like to close out my account. ฉันอยากปิดบัญชีค่ะ
-
I want to open a current account. Could you give me some information? ฉันอยากเปิดบัญชีเงินฝากประจำ คุณช่วยให้ข้อมูลหน่อยได้ไหมคะ
-
I need to make a withdrawal. ฉันต้องการถอนเงินค่ะ
-
What if I overdraw? ถ้าฉันถอนเกินบัญชีล่ะคะ
-
I’d like to withdraw 22 million VND against this letter of credit. ฉันอยากถอนเงิน 22 ล้านดองตามจดหมายเครดิตนี้ค่ะ
-
I want to deposit 15 million into my account. ฉันอยากฝากเงิน 15 ล้านเข้าบัญชีค่ะ
-
I want to know my balance. ฉันอยากรู้ยอดเงินในบัญชีค่ะ
-
Please tell me what the annual interest rate is? ช่วยบอกอัตราดอกเบี้ยประจำปีให้หน่อยได้ไหมคะ
-
Is there any minimum for the first deposit? มีเงินฝากขั้นต่ำสำหรับการฝากครั้งแรกไหมคะ
18. สถานการณ์ฉุกเฉิน
-
I need to see a doctor. ฉันต้องหาหมอค่ะ
-
I need to go to the hospital. ฉันต้องไปโรงพยาบาลค่ะ
-
I am sick. ฉันไม่สบายค่ะ
-
I had food poisoning. ฉันเป็นอาหารเป็นพิษค่ะ
-
I was robbed. ฉันโดนปล้นค่ะ
-
Call the police! โทรหาตำรวจด้วยค่ะ!
-
Help me! ช่วยฉันด้วยค่ะ!
19. หัวข้อพื้นฐานอื่นๆ
-
Look! ดูสิคะ
-
Great! เยี่ยมเลยค่ะ
-
Come on! เอาน่า
-
Me too. ฉันก็เหมือนกันค่ะ
-
Not bad. ไม่เลวเลยค่ะ
-
Just kidding! แค่ล้อเล่นนะคะ
-
That's funny! ตลกดีค่ะ!
-
That's life! ชีวิตก็แบบนี้แหละ
-
Let's go! ไปกันเถอะค่ะ
-
Hurry up! เร็วหน่อยค่ะ
-
Stop it! หยุดเถอะ
-
Don't worry! ไม่ต้องกังวลนะคะ
-
Really? จริงเหรอคะ
-
All the best! ขอให้ดีที่สุดนะคะ
-
Go ahead! เอาเลยค่ะ
-
You're so dead! คุณตายแน่ค่ะ
-
Just to be on the safe side. เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ
-
It's worth seeing. คุ้มที่จะดูค่ะ
-
Let me know. บอกฉันด้วยนะคะ
-
Let me guess. ให้ฉันเดานะคะ
-
It's hard to say. พูดยากนะคะ
-
I'm working on it. ฉันกำลังทำอยู่ค่ะ
-
What do you recommend? คุณแนะนำอะไรคะ
-
What's on your mind? คุณคิดอะไรอยู่คะ
-
Can I help you? ฉันช่วยอะไรคุณได้บ้างคะ
-
May I ask you a question? ขอถามคำถามหน่อยได้ไหมคะ
-
I know. ฉันรู้ค่ะ
-
I don’t know. ฉันไม่รู้ค่ะ
-
I think so. ฉันคิดว่าใช่ค่ะ
-
I don’t think so. ฉันไม่คิดอย่างนั้นค่ะ
II. บทสนทนาที่ใช้ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
หลังจากที่เราได้เรียนรู้ประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันแล้ว มาลองดูบทสนทนาภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันง่ายๆ ที่ใช้ในสถานการณ์ชีวิตประจำวันกันเถอะ:
1. บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ 1
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน |
|
|
|
2. บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ 2
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน |
|
|
|
III. วิธีพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ
แล้วเราจะฝึกทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร? ให้ PREP แนะนำคุณเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษกันเถอะ!
1. ฝึกฟังการสนทนาภาษาอังกฤษเป็นประจำ
การฝึกฟังการสนทนาภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณคุ้นเคยและจดจำภาษาได้อย่างรวดเร็ว คุณควรลองดูหนัง ฟังเพลง หรือพอดแคสต์ในภาษาอังกฤษ โดยในช่วงแรกอาจใช้ซับไตเติ้ลเพื่อเข้าใจบริบทและคำศัพท์ในเสียงพูด หลังจากที่คุ้นเคยกับการฟังภาษาอังกฤษแล้ว คุณสามารถลบซับไตเติ้ลออกและฝึกฟังตรงๆ ได้เลย
ช่องทางการฝึกฟังภาษาอังกฤษที่เชื่อถือได้ที่คุณสามารถอ้างอิงได้ เช่น TED Talks Daily, The English We Speak, FluentU English เป็นต้น
2. ฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
เพื่อให้คุณมีโอกาสฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ คุณสามารถเข้าร่วมคลับภาษาอังกฤษที่โรงเรียนหรือในชุมชนเพื่อพบปะและฝึกพูดภาษาอังกฤษกับคนที่มีความสนใจเหมือนกัน นอกจากนี้ ค้นหาเพื่อนที่มีเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกันและฝึกพูดกับพวกเขา
สำหรับผู้ที่ขี้อายหรือลังเลที่จะสนทนาในชีวิตจริง คุณสามารถฝึกการสนทนาภาษาอังกฤษผ่านแพลตฟอร์ม AI อย่าง Virtual Speaking Room ซึ่งคุณสามารถฝึกและรับคำติชมเกี่ยวกับข้อผิดพลาดของคุณได้
3. ขยายคำศัพท์ของคุณ
สุดท้าย อย่าลืมสร้างคลังคำศัพท์สำหรับการสนทนาภาษาอังกฤษทุกวัน! คุณควรเน้นการเรียนรู้คำศัพท์ตามหัวข้อเพื่อไม่ให้กระจัดกระจาย และนำคำศัพท์ที่เรียนรู้มาใช้ในประโยค เพื่อช่วยเสริมสร้างความจำระยะยาว คุณควรใช้พจนานุกรมที่เชื่อถือได้เช่น Cambridge และ Oxford เพื่อค้นหาความหมายและการใช้คำศัพท์แต่ละคำอย่างแม่นยำขณะที่คุณเรียนรู้
ด้านบนนี้ PREP ได้สรุปประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันตามหัวข้อ รวมทั้งได้จัดทำบทสนทนาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพไว้ให้ด้วยแล้ว ขอให้คุณนำไปใช้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบ ขอให้โชคดี!
ความคิดเห็น
ค้นหาบทความการศึกษา
อ่านมากที่สุด
2 เคล็ดลับในการเพิ่มคะแนนและเลี่ยงการหลุดประเด็น IELTS Writing
เจาะลึก IELTS Writing Task 1 ประเภท Process พร้อมเทคนิคเขียนให้ได้คะแนนสูง
Dictation: วิธีฝึกเขียนตามคำบอกเพื่อเพิ่มคะแนน IELTS Listening
ทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS ทั้ง Listening, Reading, Writing และ Speaking
[UPDATE] โครงสร้างข้อสอบ IELTS Listening - ทำความเข้าใจเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!