ค้นหาบทความการศึกษา

สรุป Relative Clauses เชื่อมประโยคให้โปร เหมือนเจ้าของภาษา

คุณเคยสังเกตไหมว่าทำไมเจ้าของภาษาอังกฤษพูดและเขียนได้ลื่นไหลน่าฟัง ในขณะที่ภาษาอังกฤษของคนไทยมักฟังดูเป็นประโยคสั้นๆ ต่อกัน? หนึ่งในเคล็ดลับสำคัญคือการใช้ relative clauses หรืออนุประโยคขยายความที่ทำหน้าที่เชื่อมประโยคให้ราบรื่น เป็นธรรมชาติ และดูเป็นมืออาชีพ หลายคนมองข้ามความสำคัญของโครงสร้างนี้ เพราะคิดว่ายากเกินไป

Relative clause คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือสรรพนาม โดยเริ่มต้นด้วย relative pronoun เช่น who, which, that เพื่อเชื่อมข้อความให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเรียนรู้ relative clauses ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มความซับซ้อนให้ประโยค แต่ยังช่วยยกระดับทักษะภาษาอังกฤษของคุณหลายด้าน ทั้งการพูดและการเขียน ในการสอบภาษาอังกฤษเช่น TOEIC หรือ IELTS relative clause ข้อสอบ มักออกมาทดสอบความเข้าใจโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน และความสามารถในการสื่อสารระดับสูง นอกจากนี้ ในชีวิตประจำวัน การใช้ ประโยค relative clause ช่วยลดความซ้ำซ้อน ทำให้การสื่อสารกระชับ ชัดเจน และสละสลวย เช่น แทนที่จะพูดว่า "ฉันพบผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นอาศัยอยู่ในบ้านข้างๆ" คุณสามารถพูดว่า "ฉันพบผู้ชายที่อาศัยอยู่ในบ้านข้างๆ" โดยใช้ relative clause examples แบบง่ายๆ

ในบทความนี้ เราจะเจาะลึก defining relative clause คือ อะไร ต่างจาก non defining relative clauses อย่างไร พร้อมทั้ง relative clause การใช้ ในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึง relative clauses whose examples และอื่นๆ อีกมากมาย

พร้อมแล้วหรือยังที่จะพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวไปอีกขั้น? มาเริ่มต้นเรียนรู้ relative clauses ไปด้วยกัน เพื่อให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา!

Relative Clauses คืออะไร? ใช้เชื่อมประโยคยังไงให้อังกฤษลื่นไหล
Relative Clauses คืออะไร? ใช้เชื่อมประโยคยังไงให้อังกฤษลื่นไหล

I. Relative Clause คืออะไร? 

Relative clause คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือสรรพนาม โดยเริ่มต้นด้วย relative pronoun เช่น who, which, that เพื่อเชื่อมประโยคให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่แค่ส่วนขยายธรรมดา แต่เป็นหัวใจสำคัญของการเชื่อมความหมายให้สมบูรณ์

ประโยชน์ของการใช้ relative clauses มีมากมาย:

  • ลดความซ้ำซ้อนของประโยค ทำให้การสื่อสารกระชับ

  • เพิ่มข้อมูลสำคัญได้โดยไม่ต้องขึ้นประโยคใหม่

  • ทำให้การเขียนและการพูดเป็นธรรมชาติ ราบรื่น เหมือนเจ้าของภาษา

II. สรุป Relative Pronouns และการใช้งาน

Relative clause การใช้ จำเป็นต้องเลือก relative pronoun ให้ถูกต้องตามบริบท มาดูกันว่าแต่ละตัวใช้อย่างไร:

กลุ่ม

Relative Pronoun

หน้าที่

ตัวอย่างประโยค

สำหรับคน

Who

ใช้เมื่อคนเป็นผู้กระทำ (ประธาน)

The woman who lives next door is a doctor.

(ผู้หญิงที่อาศัยอยู่บ้านถัดไปเป็นหมอ)

 

Whom

ใช้เมื่อคนเป็นผู้ถูกกระทำ (กรรม)

The man whom we met yesterday is from Thailand.

(ผู้ชายที่เราพบเมื่อวานมาจากประเทศไทย)

 

Whose

ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ

The girl whose father is a pianist won the competition.

(เด็กหญิงที่พ่อเป็นนักเปียโน ชนะการแข่งขัน)

สำหรับสิ่งของ/สัตว์

Which

ใช้เมื่อสิ่งของ/สัตว์เป็นประธานหรือกรรม

The book which I bought yesterday is very interesting.

(หนังสือที่ฉันซื้อเมื่อวานน่าสนใจมาก)

 

Whose

ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ (ใช้กับสิ่งของได้)

The house whose roof was damaged has been repaired.

(บ้านที่หลังคาพังถูกซ่อมแล้ว)

 

That

ใช้ได้กับทั้งคนและสิ่งของ

The car that I want to buy is too expensive.

(รถที่ฉันอยากซื้อแพงเกินไป)

สำหรับสถานที่/เวลา/เหตุผล

Where

ใช้กับสถานที่

This is the restaurant where we had dinner last night.

(นี่คือร้านอาหารที่เรากินอาหารเย็นเมื่อคืน)

 

When

ใช้กับเวลา

I'll never forget the day when we first met.

(ฉันจะไม่มีวันลืมวันที่เราเจอกันครั้งแรก)

 

Why

ใช้กับเหตุผล (มักใช้หลัง the reason)

The reason why he left early was never explained.

(เหตุผลที่เขากลับก่อนไม่เคยถูกอธิบาย)

Relative Clauses คืออะไร? ใช้เชื่อมประโยคยังไงให้อังกฤษลื่นไหล
สรุป Relative Pronouns และการใช้งานสำหรับคน

Relative clauses when ใช้อย่างถูกต้องจะช่วยให้การเขียนของคุณมีความเป็นมืออาชีพและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งตัวอย่าง relative clauses whose examples มีให้เห็นในตารางข้างต้น

บทความแนะนำอ่านต่อ: 

III. Defining and Non defining Relative Clauses​ ต่างกันอย่างไร?

การใช้ relative clauses มีสองประเภทหลักที่ต้องแยกให้ออก เพราะมีหลักการใช้ที่แตกต่างกัน:

1. Defining Relative Clauses: ข้อมูล "จำเป็น"

Defining relative clause คือ อนุประโยคที่ให้ข้อมูลสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะทำหน้าที่ระบุว่ากำลังพูดถึงคนหรือสิ่งของใดเป็นการเฉพาะ โดยไม่มีเครื่องหมายคอมม่า

หน้าที่หลัก:

  • ชี้เฉพาะเจาะจงว่ากำลังพูดถึงใครหรืออะไร

  • หากตัด defining clause ออก ความหมายของประโยคจะเปลี่ยนหรือไม่สมบูรณ์

ตัวอย่าง relative clause ตัวอย่าง ประโยค แบบ defining:

  • The teacher who teaches English is very friendly. (ระบุครูคนไหน: ครูที่สอนภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ครูคนอื่น)

2. Non-defining Relative Clauses: ข้อมูล "เสริม"

Non defining relative clauses คือ อนุประโยคที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ไม่จำเป็นต่อการระบุว่ากำลังพูดถึงใครหรืออะไร ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าคร่อม

หน้าที่หลัก:

  • ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว

  • หากตัด non-defining clause ออก ความหมายหลักของประโยคไม่เปลี่ยน

ข้อควรจำ:

  • ต้องมีคอมม่าคั่น

  • ห้ามใช้ 'That' ใน non-defining clause

ตัวอย่าง relative clause examples แบบ non-defining:

  • Bangkok, which is the capital of Thailand, is a busy city. (เรารู้อยู่แล้วว่ากำลังพูดถึงกรุงเทพฯ คำขยายเป็นเพียงข้อมูลเสริม)

Relative Clauses คืออะไร? ใช้เชื่อมประโยคยังไงให้อังกฤษลื่นไหล
Defining and Non defining Relative Clauses​ ต่างกันอย่างไร?

3. เปรียบเทียบ Defining Non defining Relative Clauses

หัวข้อ

Defining Relative Clauses

Non-defining Relative Clauses

เครื่องหมายคอมม่า

ไม่มีคอมม่า

มีคอมม่าคั่น (ทั้งหน้าและหลัง)

ความสำคัญของข้อมูล

จำเป็น ขาดไม่ได้

เป็นเพียงข้อมูลเสริม ตัดออกได้

การใช้ 'That'

ใช้ได้ (แทน who/which)

ห้ามใช้

การละ Relative Pronoun

ละได้ (เมื่อเป็นกรรม)

ละไม่ได้

IV. เทคนิคการรวมประโยคด้วย Relative Clauses

การสร้าง ประโยค relative clause ไม่ใช่เรื่องยาก ลองทำตามขั้นตอนนี้:

  1. หาคำนามหรือสรรพนามที่ซ้ำกันใน 2 ประโยค

  2. เลือก Relative Pronoun ที่เหมาะสมแทนคำที่ซ้ำในประโยคที่สอง

  3. นำ Relative Clause ไปวางต่อท้ายคำนามที่มันขยายในประโยคแรก

  4. ใส่หรือไม่ใส่คอมม่า ตามประเภท Defining หรือ Non-defining

ตัวอย่างการรวมประโยค:

  • ประโยค 1: The woman lives next door. 

  • ประโยค 2: The woman won the lottery.

ขั้นตอนการรวม:

  • คำที่ซ้ำ: "The woman"

  • เลือก relative pronoun: "who" (เพราะเป็นคน และเป็นประธานในประโยคที่ 2)

  • ผลลัพธ์: The woman who won the lottery lives next door.

V. Reduced Relative Clauses

Reduced relative clauses คือการลดรูปอนุประโยคให้สั้นลง โดยตัด relative pronoun และ verb to be ออก ทำให้ประโยคกระชับและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

1. กรณี Active Voice:

  • เต็มรูป: The girl who is playing the piano is my sister.

  • ลดรูป: The girl playing the piano is my sister. (ตัด who is ออก เหลือ playing)

Relative Clauses คืออะไร? ใช้เชื่อมประโยคยังไงให้อังกฤษลื่นไหล
Reduced Relative Clauses กรณี Active Voice

2. กรณี Passive Voice:

  • เต็มรูป: The book that was written by Mark Twain is a classic.

  • ลดรูป: The book written by Mark Twain is a classic. (ตัด that was ออก เหลือ written)

ข้อควรระวัง: การลดรูปทำได้เฉพาะในกรณีที่ verb ในอนุประโยคอยู่ในรูป continuous (is -ing) หรือ passive (is/was + V3)

VI. จุดที่มักพลาด & ข้อควรระวังในการใช้ Relative Clauses

การเตรียมตัวสอบ relative clause ข้อสอบ ควรระวังจุดผิดพลาดที่พบบ่อยเหล่านี้:

1. สับสนระหว่าง Who/Whom - Who ใช้เมื่อเป็นประธาน ส่วน Whom ใช้เมื่อเป็นกรรม

✓ The man who called me is my uncle. (who เป็นประธานของ called)

✓ The man whom I called is my uncle. (whom เป็นกรรมของ I called)

Relative Clauses คืออะไร? ใช้เชื่อมประโยคยังไงให้อังกฤษลื่นไหล
สับสนระหว่าง Who/Whom 

2. ลืมใส่คอมม่าใน Non-defining Clause - ต้องมีคอมม่าทั้งหน้าและหลัง clause

✓ Mr. Johnson, who is our manager, will retire next month.

✗ Mr. Johnson who is our manager will retire next month.

3. ใช้ That ใน Non-defining Clause - That ห้ามใช้ใน non-defining clause

✓ My car, which was bought last year, needs repairing.

✗ My car, that was bought last year, needs repairing.

4. ละ Relative Pronoun ผิดที่ผิดทาง - ละได้เฉพาะเมื่อเป็นกรรมใน defining clause

✓ The movie (that/which) I watched yesterday was exciting.

✗ The movie was made in 2020 is exciting. (ต้องเป็น: The movie that was made in 2020 is exciting.)

ถึงตอนนี้ เราได้เรียนรู้เทคนิคหลักๆ ในการใช้ relative clauses ไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการตอบคำถามที่พบบ่อยเพื่อเสริมความมั่นใจในการใช้งาน

VII. คำถามพบบ่อย เสริมความเข้าใจ Relative Clauses

1. ใช้ 'That' แทน 'Who' หรือ 'Which' ได้เสมอไปจริงหรือไม่?

ไม่เสมอไป That ใช้แทน who หรือ which ได้เฉพาะใน defining relative clause เท่านั้น และมีข้อยกเว้นดังนี้:

  • ห้ามใช้ That ใน non-defining clause

  • ไม่ควรใช้ That หลังคำบุพบท (preposition) เช่น to, with, from

  • นิยมใช้ Which มากกว่า That ในภาษาเขียนทางการ

2. อะไรคือสัญญาณชัดเจนที่สุดที่บอกว่า Clause นี้เป็น Defining หรือ Non-defining?

สัญญาณชัดเจนที่สุดคือ:

  1. การมีหรือไม่มีคอมม่า (มีคอมม่า = non-defining, ไม่มีคอมม่า = defining)

  2. ความจำเป็นของข้อมูล (ตัดออกแล้วความหมายเปลี่ยน = defining, ตัดออกแล้วความหมายหลักไม่เปลี่ยน = non-defining)

3. กรณีไหนบ้างที่เรา "ละ" Relative Pronoun ได้อย่างแน่นอน?

เราสามารถละ relative pronoun ได้เมื่อ:

  • เป็น defining relative clause และ

  • relative pronoun ทำหน้าที่เป็นกรรมในอนุประโยค

ตัวอย่าง:

  • The book (that/which) I read yesterday was interesting.

  • The person (whom/that) I met at the party is my new colleague.

4. Relative Clauses กับ Participle Phrases ให้ความหมายต่างกันมากน้อยแค่ไหน?

Relative clauses และ Participle Phrases (V.ing/V.3 ขยายคำนาม) ให้ความหมายคล้ายกันมาก แต่ต่างกันตรงที่:

  • Relative clauses มีโครงสร้างที่ชัดเจนกว่า บอกผู้กระทำและกรรมได้ชัดเจน

    • The man who is wearing a blue shirt is my brother.

  • Participle Phrases กระชับกว่า แต่อาจกำกวมว่าใครเป็นผู้กระทำในบางกรณี

    • The man wearing a blue shirt is my brother.

ทั้งสองแบบใช้ขยายคำนามเหมือนกัน แต่ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับบริบทและความชัดเจนที่ต้องการ

VIII. บทสรุป

Relative clauses เป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยให้ภาษาอังกฤษของคุณลื่นไหล เป็นธรรมชาติ และน่าประทับใจยิ่งขึ้น การรู้จักเลือกใช้ who, which, that, whom, whose และการแยกแยะ defining และ non-defining clauses จะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนเจ้าของภาษา

เริ่มฝึกใช้ relative clauses ในชีวิตประจำวัน ทั้งการพูดและการเขียน คุณจะพบว่าทักษะภาษาอังกฤษของคุณพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด และการสื่อสารของคุณจะราบรื่น กระชับ เต็มไปด้วยข้อมูลที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

PREP – แพลตฟอร์มการเรียนและฝึกสอบอัจฉริยะที่ใช้ AI ช่วยให้คุณเรียนรู้ไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น ด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่าง Context-based Learning, Task-based Learning และ Guided Discovery ที่ทำให้การเรียนรู้สนุกและเข้าใจได้เร็วขึ้น

ระบบ Mindmap ของ PREP ช่วยให้คุณทบทวนและค้นหาความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี Prep AI จะช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดในการออกเสียง และพัฒนาทักษะการออกเสียงของคุณ ตั้งแต่คำเดี่ยวไปจนถึงประโยคที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ วิธีการฟังและจดตามคำบอกจะช่วยเสริมคำศัพท์ใหม่ ๆ และทำให้คุณคุ้นเคยกับสำเนียงและจังหวะการพูดของเจ้าของภาษา

ดาวน์โหลดแอป PREP แล้วเริ่มเรียนภาษาอังกฤษที่บ้าน พร้อมโปรแกรมฝึกสอบออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ

ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัครเรียนเลย!

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 อักขระ
Loading...
เข้าสู่ระบบ
เพื่อสัมผัสเนื้อหาพรีเมียมที่ปรับให้เหมาะกับคุณ

เนื้อหาแบบพรีเมียมเนื้อหาแบบพรีเมียม

ดูทั้งหมด

แผนที่เฉพาะบุคคล

TH30

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

เชื่อมต่อกับ Prep

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
คุณสมบัติเด่น
ห้องฝึกการเขียน IELTS AI
ห้องฝึกพูด IELTS AI
Teacher Bee AI
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย
global sign trurst seal