ค้นหาบทความการศึกษา

กริยา 3 ช่องของ Wear (V1, V2, V3) พร้อมตัวอย่าง

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับที่แท้จริงต้องเริ่มจากการเข้าใจกริยาพื้นฐานที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หากคุณเคยสับสนว่าเมื่อไหร่ควรใช้ "wore" หรือ "worn" หรือไม่แน่ใจว่า "wear" ในประโยคต่างๆ ควรผันอย่างไร คุณไม่ได้เป็นคนเดียว เพราะข้อผิดพลาดเหล่านี้พบได้บ่อยแม้กระทั่งในผู้เรียนระดับกลาง

กริยา 3 ช่องของ Wear ประกอบด้วย Wear - Wore - Worn เป็นหนึ่งในกริยาอปกติที่สำคัญที่สุดในภาษาอังกฤษ การเข้าใจการใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยยกระดับทักษะการสื่อสารของคุณอย่างมีนัยสำคัญ

ความซับซ้อนของกริยา Wear ไม่ได้อยู่เพียงแค่การจำรูปผัน แต่รวมถึงการเข้าใจบริบทการใช้งานที่หลากหลาย wear แปล ได้หลายความหมาย ตั้งแต่ "สวมใส่" ในความหมายพื้นฐาน ไปจนถึง "สึกหรอ" ในระดับขั้นสูง การใช้ wear v2 (wore) ในประโยคอดีตต้องไม่มีกริยาช่วย ขณะที่ v3 ของ wear (worn) จำเป็นต้องใช้ร่วมกับกริยาช่วยเสมอ

ความแตกต่างระหว่าง wear v 2 และ verb 2 wear อาจฟังดูเหมือนกัน แต่การประยุกต์ใช้ในโครงสร้างไวยากรณ์ต่างๆ เช่น Present Perfect, Past Perfect, และ Passive Voice ต้องการความเข้าใจที่ละเอียดถี่ถ้วน นอกจากนี้ wear v3 ยังปรากฏในสำนวนสำคัญอย่าง "wear and tear" ที่เจ้าของภาษาใช้ในการสื่อสารประจำวัน

บทความนี้จะนำเสนอวิธีการเรียนรู้และการใช้งานกริยา 3 ช่องของ Wear อย่างเป็นระบบ พร้อมตัวอย่างประโยคที่ชัดเจนและเทคนิคการจำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถใช้กริยานี้ได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ

มาเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานและหลักการใช้งานกันเลย

กริยา 3 ช่องของ Take คืออะไร วิธีการผันกริยา Take ถูกต้องที่สุด
กริยา 3 ช่องของ Wear คืออะไร วิธีการผันกริยา Wear ถูกต้องที่สุด

I. กริยา 3 ช่องของ Wear

1. โครงสร้างพื้นฐานของ Wear

กริยา 3 ช่องของ Wear ประกอบด้วย Wear (V1) - Wore (V2) - Worn (V3) ซึ่งเป็นกริยาอปกติที่มีการผันรูปพิเศษ การเรียนรู้รูปแบบนี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับการใช้งานในทุกสถานการณ์

รูปแบบ

คำศัพท์

การออกเสียง

ความหมายหลัก

หน้าที่ไวยากรณ์

V1

wear

/weər/

สวมใส่, สึกหรอ

Present, Infinitive, Future

V2

wore

/wɔːr/

สวมใส่ (อดีต)

Past Simple

V3

worn

/wɔːrn/

ถูกสวมใส่, สึกหรอแล้ว

Perfect Tenses, Passive Voice

2. หลักการจำแนกการใช้งาน

การใช้กริยา 3 ช่องของ Wearขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและโครงสร้างไวยากรณ์ การเข้าใจหลักการนี้จะช่วยให้คุณเลือกใช้รูปที่ถูกต้องได้ทุกครั้ง

  • ปัจจุบัน/อนาคต: ใช้ wear (V1)

  • อดีตธรรมดา: ใช้ wore (V2) โดยไม่ต้องมีกริยาช่วย

  • Perfect Tenses/Passive: ใช้ worn (V3) ต้องมีกริยาช่วยเสมอ

กริยา 3 ช่องของ Wear วิธีใช้และตัวอย่างการใช้
กริยา 3 ช่องของ Wear

II. การใช้งาน V1: Wear 

1. Present Simple Tense

  • Wear แปลว่า "สวมใส่" ในประโยค Present Simple ใช้แสดงนิสัย ความจริง หรือกิจกรรมประจำ รูปแบบนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการสื่อสาร

  • Students wear uniforms every day. (นักเรียนใส่ชุดนักเรียนทุกวัน) 

  • My grandmother wears reading glasses. (ยายของฉันใส่แว่นสำหรับอ่านหนังสือ)

  • Do you wear contact lenses? (คุณใส่คอนแทคเลนส์หรือไม่?)

2. Modal Verbs และ Future Tense

เมื่อใช้กับ Modal Verbs หรือ will wear v 2 จะคงรูป wear เหมือนเดิม การใช้รูปแบบนี้แสดงความสามารถ ความจำเป็น หรือแผนการในอนาคต

โครงสร้าง

ตัวอย่างประโยค

การแปล

can + wear

You can wear casual clothes tomorrow

คุณใส่เสื้อผ้าลำลองพรุ่งนี้ได้

must + wear

All visitors must wear ID badges

ผู้มาเยือนทุกคนต้องใส่บัตรประจำตัว

will + wear

She will wear her wedding dress

เธอจะใส่ชุดแต่งงาน

3. Present Continuous Tense

การใช้ wearing (wear + ing) แสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะพูด หรือการกระทำชั่วคราว รูปแบบนี้ช่วยให้การบรรยายสถานการณ์มีความชัดเจนมากขึ้น

  • He is wearing a black suit today (เขาใส่สูทสีดำวันนี้)

  • Why are you wearing sunglasses indoors? (ทำไมคุณถึงใส่แว่นกันแดดในร่ม?) 

  • The children are wearing their costumes for the play (เด็กๆ กำลังใส่ชุดแต่งกายสำหรับการแสดง)

III. การใช้งาน V2: Wore

1. Past Simple: การใช้งานมาตรฐาน

Verb 2 wear คือ wore ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นและจบสิ้นในอดีต การใช้ wore ไม่ต้องการกริยาช่วย และมักจะมีคำบอกเวลาในอดีตประกอบ

  • Yesterday, Maria wore her favorite dress to work. (เมื่อวาน มาเรียใส่ชุดที่ชอบที่สุดไปทำงาน)

  • Last summer, we wore shorts and T-shirts every day. (ฤดูร้อนที่แล้ว เราใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดทุกวัน)

  • When I was a student, I wore the same jacket for three years. (ตอนฉันเป็นนักเรียน ฉันใส่เสื้อแจ็คเก็ตตัวเดียวกันเป็นเวลาสามปี)

2. ข้อควรระวังเกี่ยวกับ Wore

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการใช้กริยาช่วยกับ wore wear v2 เป็นกริยาหลักที่สมบูรณ์แล้ว ไม่ต้องการ have, has, had หรือ be นำหน้า

การใช้ที่ถูกต้อง

การใช้ที่ผิด

เหตุผล

She wore a red hat.

She was wore a red hat.

wore เป็นกริยาหลักแล้ว

They wore uniforms.

They had wore uniforms.

ต้องใช้ worn กับ had

I wore glasses.

I have wore glasses.

ต้องใช้ worn กับ have

3. Past Continuous กับ Wearing

เมื่อต้องการแสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ใช้ was/were + wearing แทน wore รูปแบบนี้ช่วยให้การบรรยายเหตุการณ์ในอดีตมีความละเอียดมากขึ้น

  • She was wearing a blue coat when I met her (เธอกำลังใส่เสื้อโค้ตสีน้ำเงินตอนที่ฉันเจอเธอ)

  • The children were wearing their pajamas at bedtime (เด็กๆ กำลังใส่ชุดนอนในเวลาเข้านอน)

IV. การใช้งาน V3: Worn 

1. Perfect Tenses: ประสบการณ์และผลลัพธ์

V3 ของ wear คือ worn ใช้ใน Perfect Tenses เพื่อแสดงประสบการณ์ การกระทำที่เสร็จสิ้น หรือผลลัพธ์ที่ยังคงอยู่ การเข้าใจการใช้งานนี้จะช่วยยกระดับการสื่อสารของคุณ

Tense

โครงสร้าง

ตัวอย่าง

การใช้งาน

Present Perfect

have/has + worn

I have worn this shirt many times.

ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

Past Perfect

had + worn

She had worn that dress before.

การกระทำที่เกิดก่อนอดีตอื่น

Future Perfect

will have + worn

By 2025, I will have worn this coat for 5 years.

การคาดการณ์ในอนาคต

2. Passive Voice: ประโยคถูกกระทำ

การใช้ worn ในรูป Passive Voice จะเน้นไปที่สิ่งของหรือเสื้อผ้ามากกว่าผู้ใส่ รูปแบบนี้มักใช้ในการเขียนเชิงวิชาการหรือการอธิบายลักษณะของสิ่งของ

  • This traditional costume is worn during special festivals (ชุดประจำชาตินี้ถูกใส่ในช่วงเทศกาลพิเศษ) 

  • The crown jewels have been worn by many kings (เครื่องราชอิสริยาภรณ์ถูกสวมใส่โดยกษัตริย์หลายพระองค์). 

  • These shoes were worn only once for the wedding (รองเท้าคู่นี้ถูกใส่เพียงครั้งเดียวสำหรับงานแต่งงาน).

3. การใช้ Worn เป็น Adjective

Worn สามารถใช้เป็นคำคุณศัพท์แสดงสภาพของสิ่งของที่สึกหรอหรือเก่า การใช้ในรูปแบบนี้จะช่วยให้การบรรยายมีความแม่นยำมากขึ้น

  • The worn leather jacket looked vintage and stylish (เสื้อแจ็คเก็ตหนังที่สึกดูมีสไตล์วินเทจ) 

  • His worn-out sneakers needed replacing (รองเท้าผ้าใบที่สึกหรอของเขาต้องเปลี่ยนใหม่)

V. ความหมายขั้นสูงและสำนวนที่สำคัญ

1. Wear ในความหมาย "สึกหรอ"

กริยา 3 ช่องของ Wear มีความหมายเกี่ยวกับการสึกหรอหรือการทำให้เสื่อมสภาพ ความหมายนี้มีความสำคัญในการสื่อสารประจำวันและการเขียนเชิงวิชาการ

The constant friction wore away the paint (แรงเสียดทานที่ต่อเนื่องทำให้สีลอกออก). Years of walking had worn holes in his shoes (การเดินเป็นปีๆ ทำให้รองเท้าของเขาเป็นรู). The river slowly wears down the rocks (แม่น้ำค่อยๆ กัดกร่อนหิน).

2. สำนวนที่สำคัญกับ Wear

การเรียนรู้สำนวนที่มี wear จะช่วยให้การสื่อสารฟังดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สำนวนเหล่านี้ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันของเจ้าของภาษา

กริยา 3 ช่องของ Wear วิธีใช้และตัวอย่างการใช้
สำนวนที่สำคัญกับ Wear

สำนวน

ความหมาย

ตัวอย่างการใช้

wear and tear

การสึกหรอตามธรรมชาติ

Normal wear and tear is expected.

 (การสึกหรอตามปกติเป็นเรื่องปกติ)

wear thin

เริ่มหมดความอดทน

My patience is wearing thin.

 (ความอดทนของฉันกำลังหมด)

wear out

ทำให้เหนื่อย/สึกหรอ

The long meeting wore me out.

 (การประชุมยาวทำให้ฉันเหนื่อย)

wear one's heart on one's sleeve

แสดงอารมณ์อย่างเปิดเผย

John wears his heart on his sleeve.

 (จอห์นแสดงอารมณ์อย่างเปิดเผย)

VI. ตารางสรุปและข้อควรระวัง

1. เปรียบเทียบ Wore และ Worn

เกณฑ์เปรียบเทียบ

Wore (V2)

Worn (V3)

หน้าที่ไวยากรณ์

กริยาหลักในอดีต

Past Participle ต้องมีกริยาช่วย

โครงสร้างประโยค

Subject + wore + object

have/has/had + worn / be + worn

การใช้เวลา

อดีตที่จบไปแล้ว

ประสบการณ์, ผลลัพธ์, ถูกกระทำ

ตัวอย่าง

She wore a dress yesterday

She has worn that dress before

2. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

การใช้กริยา 3 ช่องของ Wear ผิดพลาดมักเกิดจากการสับสนระหว่าง wore และ worn การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยป้องกันข้อผิดพลาดเหล่านี้

  • ผิด: I have wore this shirt

  • ถูก: I have worn this shirt

  • ผิด: She was wore a hat

  • ถูก: She wore a hat / She was wearing a hat

บทความแนะนำอ่านต่อ:

VII. คำถามที่พบบ่อยและคำตอบ

1. เมื่อไหร่ใช้ Wore และเมื่อไหร่ใช้ Worn?

Wear v 2 (wore) ใช้เป็นกริยาหลักในประโยคอดีตธรรมดา ส่วน worn ใช้กับกริยาช่วยใน Perfect Tenses หรือ Passive Voice การจำแนกนี้เป็นหลักสำคัญที่ต้องเข้าใจ

  • Wore: Yesterday I wore my new jacket (เมื่อวานฉันใส่เสื้อแจ็คเก็ตใหม่). 

  • Worn: I have worn this jacket three times (ฉันใส่เสื้อแจ็คเก็ตนี้สามครั้งแล้ว).

2. Wear and Tear ใช้ในสถานการณ์ไหน?

สำนวน "wear and tear" หมายถึงการสึกหรอตามธรรมชาติจากการใช้งาน มักใช้ในเรื่องการประกัน การบำรุงรักษา หรือการอธิบายสภาพของสิ่งของ

  • The furniture shows signs of normal wear and tear (เฟอร์นิเจอร์แสดงสัญญาณการสึกหรอตามปกติ) 

  • The warranty doesn't cover wear and tear damage (การรับประกันไม่คุ้มครองความเสียหายจากการสึกหรอ)

3. สามารถใช้ Wearing ได้ทุกกรณีหรือไม่?

Wearing ใช้ได้ในหลายกรณี แต่ต้องเหมาะสมกับโครงสร้างไวยากรณ์ รูป -ing ใช้ใน Continuous Tenses, Gerund, และ Participle

  • She is wearing a beautiful necklace (เธอกำลังใส่สร้อยคอสวย) 

  • I enjoy wearing comfortable clothes (ฉันชอบใส่เสื้อผ้าสบายๆ)

  • The woman wearing glasses is my teacher (ผู้หญิงที่ใส่แว่นคือครูของฉัน)

การเรียนรู้กริยา 3 ช่องของ Wear อย่างเป็นระบบจะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนและการใช้งานในสถานการณ์จริงจะทำให้คุณใช้กริยานี้ได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ

PREP – แพลตฟอร์มเรียน & ฝึกสอบอัจฉริยะที่ใช้ AI ช่วยให้คุณเรียนรู้ไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดาย ด้วยวิธีการ Context-based Learning, Task-based Learning และ Guided Discovery ที่ทำให้การเรียนรู้เข้าใจง่ายและน่าสนใจยิ่งขึ้น

การเตรียมตัวสอบ IELTS ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยแผนการเรียนรู้ที่เป็นระบบและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องการยกระดับทักษะภาษาอังกฤษและบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งไว้ การเรียน IELTS กับ PREP จะช่วยให้คุณเข้าถึงหลักสูตรที่ออกแบบมาเป็นพิเศษตามระดับความสามารถ ด้วยระบบการเรียนการสอนที่ผสมผสานเทคโนโลยี AI

ดาวน์โหลดแอป PREP วันนี้ เพื่อเริ่มเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์จากที่บ้าน

ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัครเรียนทันที!

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย