วิธีใช้กริยา 3 ช่องของ Leave พร้อมตัวอย่าง

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษมักทำให้หลายคนเจอปัญหาเดียวกัน คือการใช้กริยาผิดรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อต้องจัดการกับ Irregular Verbs ที่มีรูปแบบพิเศษ หนึ่งในกริยาที่นักเรียนมักใช้ผิดและเข้าใจผิดคือ "Leave" ซึ่งมีความหมายและการใช้งานที่ซับซ้อนกว่าที่คิด

กริยา 3 ช่องของ Leave (Leave-Left-Left) เป็นหัวใจสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างแม่นยำ การเข้าใจโครงสร้าง leave v2, leave v3, และ v3 leave จะช่วยยกระดับทักษะภาษาของคุณอย่างเห็นได้ชัด

ความซับซ้อนของกริยาตัวนี้ไม่ได้อยู่แค่การเปลี่ยนรูปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความหมายที่หลากหลาย ตั้งแต่การ "ออกจาก" "ทิ้งไว้" "ฝากไว้" ไปจนถึงการ "สร้างผลลัพธ์" การใช้ leave ช่อง 2 ในแต่ละบริบทต้องพิจารณาโครงสร้างไวยากรณ์ที่แตกต่างกัน เช่น Present Simple สำหรับกิจวัตรประจำ Past Simple สำหรับเหตุการณ์ในอดีต และ Perfect Tenses สำหรับการเชื่อมโยงเวลา นอกจากนี้ยังมี Phrasal Verbs อย่าง "leave out" "leave behind" "leave off" ที่เพิ่มมิติใหม่ให้กับการใช้งาน การออกเสียง /liːv/ ที่ต้องแยกแยะจาก "live" /lɪv/ ก็เป็นอีกจุดที่ต้องระวัง รวมถึงการใช้ร่วมกับ Modal Verbs, Passive Voice และโครงสร้างพิเศษต่างๆ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจทุกมิติของ กริยา 3 ช่องของ Leave อย่างละเอียดและครอบคลุม ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงการใช้งานขั้นสูง พร้อมตัวอย่างประโยคและคำแปลที่เข้าใจง่าย คุณจะได้เรียนรู้ไม่เพียงแค่การใช้ leave v 2 leave v3 และ v3 leave ให้ถูกต้อง แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้อย่างมั่นใจ

มาเริ่มต้นการเดินทางสู่การเชี่ยวชาญกริยา Leave กันเลย!

I. ตารางสรุปกริยา 3 ช่องของ Leave (Leave - Left - Left)

กริยา 3 ช่องของ Leave เป็น Irregular Verb ที่มี V2 และ V3 รูปเหมือนกัน ทำให้จำง่าย

II. กริยาช่องที่ 1: Leave 

1. ใช้ใน Present Simple Tense

Leave v 2 ในรูป Present Simple แสดงการกระทำที่เป็นประจำหรือความจริงทั่วไป

• The train leaves at 6 PM daily. (รถไฟออกเวลา 6 โมงเย็นทุกวัน) 

• He leaves his keys on the table. (เขาวางกุญแจบนโต๊ะ) 

• Students leave school at 3:30 PM. (นักเรียนเลิกเรียนเวลา 3:30)

2. ใช้ในประโยคคำสั่ง (Imperative Sentences)

• Leave your bag here. (วางกระเป๋าไว้ที่นี่)

• Don't leave the door open. (อย่าเปิดประตูทิ้งไว้)

• Leave me alone, please. (ขอให้ปล่อยฉันไว้คนเดียว)

3. ใช้กับกริยาช่วย (Modal Verbs & Helping Verbs)

Leave ช่อง 2 ใช้กับ Modal Verbs โดยไม่มี 'to'

III. กริยาช่องที่ 2: Left

ใช้ใน Past Simple Tense: เล่าเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว

Leave v2 หรือ Left ใช้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบในอดีต

• They left Bangkok last week. (พวกเขาออกจากกรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) 

• I left my phone at home. (ฉันลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน) 

• The bus left without us. (รถบัสไปโดยไม่รอเรา)

IV. กริยาช่องที่ 3: Left 

V3 leave มีการใช้งานที่หลากหลายในโครงสร้างไวยากรณ์ต่างๆ

1. ใช้คู่กับ Verb to have ใน Perfect Tenses (have/has/had + left)

Present Perfect (have/has left): การกระทำที่เพิ่งจบและส่งผลถึงปัจจุบัน

• She has left for work. (เธอไปทำงานแล้ว - และยังไม่กลับ)

• They have left the country. (พวกเขาออกจากประเทศแล้ว)

Past Perfect (had left): การกระทำในอดีตที่เกิดก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง

Future Perfect (will have left): การกระทำที่จะเสร็จสมบูรณ์ในอนาคต

By 5 PM, I will have left the office. (ภายในเวลา 5 โมงเย็น ฉันจะออกจากออฟฟิศแล้ว)

2. ใช้คู่กับ Verb to be ใน Passive Voice (is/am/are/was/were + left)

• The message was left on the desk. (ข้อความถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ) 

• Some food is left in the fridge. (อาหารเหลือไว้ในตู้เย็น)

บทความแนะนำอ่านต่อ: 

กริยา 3 ช่องของ Take

กริยา 3 ช่องของ Teach

กริยา 3 ช่องของ Put

V. ความหมายที่หลากหลายของ Leave

ข้อควรระวังสำคัญ:

• ไม่ใช้ 'to' หลัง Modal Verbs: ✗ I must to leave → ✓ I must leave

• ระวัง Preposition: Leave for (ไปยัง) vs Leave from (ออกจาก)

• แยก Leave กับ Go: Leave เน้นการออกจากที่เดิม, Go เน้นไปที่ใหม่

• ใช้ Tense ให้ถูกต้อง: อย่าผสม Present กับ Past

VI. คำถามที่พบบ่อยและข้อสงสัยเคลียร์คัตเกี่ยวกับ Leave

1. 'Leave' กับ 'Live' ออกเสียงคล้ายกัน ใช้ต่างกันอย่างไร?

การแยกแยะ Leave /liːv/ และ Live /lɪv/ เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การฝึกออกเสียงให้ถูกต้องจะช่วยให้การสื่อสารชัดเจนและไม่เกิดความเข้าใจผิด

2. นอกจาก 'Leave' เดี่ยวๆ แล้ว มี Phrasal Verbs อะไรบ้างที่ควรรู้จัก?

Leave v 2 สามารถผสมกับ preposition หรือ adverb เพื่อสร้างความหมายใหม่ที่น่าสนใจ

• Leave out (ละเว้น, ไม่รวม): Don't leave out any important details. (อย่าละเว้นรายละเอียดสำคัญ)

• Leave behind (ทิ้งไว้ข้างหลัง): She left her worries behind. (เธอทิ้งความกังวลไว้เบื้องหลัง)

• Leave off (หยุด, เลิก): Let's leave off here for today. (มาหยุดแค่นี้สำหรับวันนี้)

• Leave on (เปิดทิ้งไว้): Please leave the lights on. (กรุณาเปิดไฟทิ้งไว้)

3. เราใช้ 'Leave to London' แทน 'Go to London' ได้หรือไม่?

คำตอบคือไม่ได้ เพราะ Leave และ Go มีการใช้ preposition ที่แตกต่างกัน

• Leave for (ออกเดินทางไป): I'm leaving for London tomorrow. (ฉันจะออกเดินทางไปลอนดอนพรุ่งนี้)

• Go to (ไปยัง): I'm going to London tomorrow. (ฉันจะไปลอนดอนพรุ่งนี้)

Leave เน้นการออกจากจุดปัจจุบัน ในขณะที่ Go เน้นการเดินทางไปยังจุดหมาย

4. สำนวน (Idiom) ที่ว่า 'Take it or leave it' หมายความว่าอะไร?

สำนวนนี้หมายถึง "เอาหรือไม่เอา" หรือ "ยอมรับตามที่เสนอหรือปฏิเสธเลย" ไม่มีทางเลือกอื่น

The price is 500 baht, take it or leave it. (ราคา 500 บาท เอาหรือไม่เอา)

การเข้าใจสำนวนนี้จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

การทำความเข้าใจกริยา 3 ช่องของ Leave และวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารเกี่ยวกับการออกจาก การทิ้งไว้ หรือการลาออกได้อย่างแม่นยำในทุกกาล กริยา Leave เป็น Irregular Verb ที่มีรูปแบบ 3 ช่อง คือ Leave (ปัจจุบัน), Left (อดีต), Left (อดีตสมบูรณ์) การเข้าใจการใช้งานในแต่ละกาลและบริบทที่แตกต่างกันจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมได้อย่างเป็นธรรมชาติ

การเรียนรู้โครงสร้างประโยคที่ใช้กับ Leave เช่น "leave something/someone" (ทิ้งสิ่งของ/ใครไว้), "leave for somewhere" (ออกเดินทางไปที่ใด), "leave someone alone" (ปล่อยให้ใครสักคนอยู่คนเดียว) และสำนวนต่างๆ เช่น "leave a message" (ฝากข้อความ), "leave no stone unturned" (พยายามทุกวิถีทาง) จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในการใช้คำกริยานี้ได้อย่างครอบคลุม การฝึกฝนการใช้ Leave ในประโยคที่หลากหลายทั้งในรูปแบบ Active และ Passive Voice จะทำให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารได้อย่างมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Leave กับคำที่มีความหมายใกล้เคียง เช่น Go, Depart หรือ Abandon ยังช่วยให้ผู้เรียนเลือกใช้คำศัพท์ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์

PREP Edu มอบ IELTS course ที่ครอบคลุมการพัฒนาทักษะไวยากรณ์และการใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบ ด้วยหลักสูตรที่แบ่งระดับตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง ผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนผ่านบทเรียนที่มีโครงสร้างชัดเจน เทคโนโลยี AI ช่วยประเมินและให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ขณะที่ Virtual Speaking Room และ Virtual Writing Room ช่วยฝึกฝนทักษะพร้อมรับคำติชมทันทีตามเกณฑ์มาตรฐาน IELTS ทีมผู้สอนมืออาชีพพร้อมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งใจไว้อย่างมีประสิทธิภาพ