รู้คะแนน IELTS Reading Score พร้อมวิธีดัน Band ให้พุ่ง

หลายคนเข้าใจผิดว่าการได้คะแนน IELTS Reading สูงขึ้นอยู่กับการอ่านภาษาอังกฤษเยอะๆ แต่ความจริงแล้ว นักเรียนที่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้คล่องกลับได้คะแนนต่ำ ขณะที่คนที่เข้าใจระบบการคิดคะแนนและใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องกลับทำคะแนนได้สูงกว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

การทำความเข้าใจ IELTS Reading score และระบบ IELTS reading band เป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพการทำคะแนนของคุณให้สูงสุด

ระบบการประเมิน IELTS reading test ไม่ได้วัดแค่ความสามารถในการอ่านเท่านั้น แต่ยังประเมินทักษะการวิเคราะห์ การสังเคราะห์ข้อมูล และความเข้าใจเชิงลึกในบริบทต่างๆ IELTS reading band descriptors แต่ละระดับมีเกณฑ์การประเมินที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การจับใจความพื้นฐานในระดับ Band 5-6 ไปจนถึงการอ่านเชิงวิเคราะห์ในระดับ Band 8-9

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ IELTS reading band score ประกอบด้วย ความแม่นยำในการตีความหมาย ความเร็วในการประมวลผลข้อมูล การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และทักษะการใช้ภาษาในการสื่อสาร นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยทางจิตวิทยา เช่น ความมั่นใจและกลยุทธ์การทำข้อสอบที่เหมาะสม

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Academic และ General Training รวมถึงรูปแบบคำถามต่างๆ จะช่วยให้คุณเลือกเทคนิคการเตรียมตัวที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตัวเอง

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกมิติของการคิดคะแนน IELTS Reading ตั้งแต่การแปลงคะแนนดิบเป็น Band Score การเข้าใจ Band Descriptors แต่ละระดับ ไปจนถึงกลยุทธ์การพัฒนาทักษะเฉพาะสำหรับแต่ละระดับคะแนน คุณจะได้เรียนรู้เทคนิคการบริหารเวลา วิธีการรับมือกับคำถามแต่ละประเภท และความลับของการอ่านเชิงวิเคราะห์ที่จะยกระดับคะแนนของคุณ

มาเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงผลคะแนน IELTS Reading ของคุณด้วยความรู้ที่ถูกต้องและเทคนิคที่พิสูจน์ผลแล้ว

วิธีคำนวณคะแนน IELTS Reading แบบเข้าใจง่าย
วิธีคำนวณคะแนน IELTS Reading แบบเข้าใจง่าย
  1. I. รู้จักคะแนน IELTS Reading
  2. II. เจาะลึกความหมายของแต่ละ Band
    1. 1. Band 5-6: ระดับพื้นฐานที่ต้องก้าวข้าม (Basic User)
    2. 2. Band 7: เป้าหมายยอดฮิตของผู้สมัครเรียนต่อ (Competent User)
    3. 3. Band 8-9: ระดับผู้เชี่ยวชาญ (Very Good/Expert User)
  3. III. กลยุทธ์อัป Band Reading
    1. 1. เทคนิคจัดสรร 60 นาทีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
    2. 2. วิธีรับมือคำถามแต่ละประเภท (Matching, T/F/NG, etc.)
    3. 3. สร้างคลังศัพท์อย่างชาญฉลาด (Lexical Resource)
    4. 4. ไวยากรณ์ใน Reading ที่ต้องรู้
  4. IV. เทคนิคขั้นสูงสำหรับผู้ต้องการ Band 7.5+ 
    1. 1. การอ่านเชิงวิเคราะห์ (Critical Reading)
    2. 2. ถอดรหัส 'ทัศนคติผู้เขียน' (Author's Tone and Attitude)
    3. 3. การเชื่อมโยงข้อมูลข้ามย่อหน้า (Synthesizing Information)
  5. V. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติม (FAQs & More)
    1. 1. การคิดคะแนน Reading ของ Academic และ General Training เหมือนกันหรือไม่?
    2. 2. เทคนิค 'Skimming' และ 'Scanning' ที่แท้จริงคืออะไร และใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด?
    3. 3. คำถามใน IELTS Reading มีกี่กลุ่มหลักๆ และควรเน้นกลุ่มไหนเป็นพิเศษเพื่อดันคะแนน?
    4. 4. ข้อสอบ IELTS Reading แตกต่างจากข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอื่นๆ (เช่น TOEFL, TOEIC) ในด้านการวัดผลอย่างไร?

I. รู้จักคะแนน IELTS Reading

ระบบการให้คะแนน IELTS reading test มีความซับซ้อนที่หลายคนยังไม่เข้าใจ การรู้จักระบบนี้จะช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและวัดผลการเรียนรู้ได้แม่นยำขึ้น

1. จากคะแนนดิบ (Raw Score) สู่ Band Score

คะแนนดิบคือจำนวนข้อที่คุณตอบถูกจากทั้งหมด 40 ข้อ แต่การแปลงเป็น IELTS reading band score นั้นไม่ได้เป็นสัดส่วนตรงๆ เพราะแต่ละชุดข้อสอบมีระดับความยากที่แตกต่างกัน

กระบวนการแปลงคะแนนจะผ่านขั้นตอนการปรับค่า (calibration) เพื่อให้ความยุติธรรมกับผู้สอบทุกคน ตัวอย่างเช่น หากข้อสอบชุดหนึ่งยากกว่าปกติ ผู้สอบอาจได้ IELTS reading band สูงขึ้นแม้จะตอบถูกข้อเดียวกัน

2. ตารางคะแนน IELTS Reading (Academic vs. General Training)

คะแนนดิบ (Raw Score)

IELTS Reading Band (Academic)

IELTS Reading Band (General Training)

39-40

9.0

9.0

37-38

8.5

8.5-9.0

35-36

8.0

8.0-8.5

33-34

7.5

7.5-8.0

30-32

7.0

7.0-7.5

27-29

6.5

6.5-7.0

23-26

6.0

6.0-6.5

19-22

5.5

5.5-6.0

15-18

5.0

5.0-5.5

13-14

4.5

4.5-5.0

10-12

4.0

4.0-4.5

ข้อสังเกตสำคัญคือ General Training มักจะได้คะแนนสูงกว่า Academic เล็กน้อยเมื่อตอบถูกข้อเดียวกัน เนื่องจากเนื้อหา Academic มีความซับซ้อนมากกว่า

วิธีคำนวณคะแนน IELTS Reading แบบเข้าใจง่าย
ระบบคะแนน IELTS Reading Score Scale สำหรับทั้งข้อสอบ Academic และ General Training

II. เจาะลึกความหมายของแต่ละ Band

IELTS reading band descriptors เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดความสามารถในการอ่านของผู้สอบแต่ละระดับ การเข้าใจคำอธิบายเหล่านี้จะช่วยให้คุณประเมินระดับปัจจุบันและวางแผนพัฒนาได้อย่างมีทิศทาง

1. Band 5-6: ระดับพื้นฐานที่ต้องก้าวข้าม (Basic User)

ผู้ที่ได้ IELTS reading score ในระดับ 5-6 มีลักษณะการอ่านดังนี้:

Band 5 (Modest User):

  • เข้าใจใจความหลักของเนื้อหาที่คุ้นเคย

  • สามารถจับประเด็นสำคัญได้บางส่วน

  • มักเข้าใจผิดในรายละเอียดหรือความหมายที่ซับซ้อน

Band 6 (Competent User):

  • เข้าใจเนื้อหาส่วนใหญ่ได้อย่างถูกต้อง

  • สามารถระบุข้อมูลเฉพาะเจาะจงได้

  • อาจมีความเข้าใจผิดในส่วนที่มีภาษาที่ซับซ้อน

2. Band 7: เป้าหมายยอดฮิตของผู้สมัครเรียนต่อ (Competent User)

ระดับนี้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ต้องการ ผู้ที่ได้ IELTS reading band 7.0 จะมีความสามารถ:

  • เข้าใจเนื้อหาส่วนใหญ่ได้อย่างแม่นยำ

  • สามารถจับความหมายที่แฝงนัยได้บางส่วน

  • รับมือกับโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนได้ดี

ตัวอย่างประโยคที่ผู้ได้ Band 7 ควรเข้าใจ: 

The implications of climate change extend far beyond rising temperatures. (ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขยายไปไกลกว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้น)

3. Band 8-9: ระดับผู้เชี่ยวชาญ (Very Good/Expert User)

Band

ความสามารถ

ตัวอย่างทักษะ

Band 8

เข้าใจเนื้อหาได้เกือบทั้งหมด

สามารถแยกแยะความคิดเห็นจากข้อเท็จจริง

Band 9

เข้าใจได้อย่างสมบูรณ์

อ่านเนื้อหาซับซ้อนได้อย่างคล่องแคล่ว

III. กลยุทธ์อัป Band Reading

การพัฒนา IELTS reading score ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่หลากหลายและการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่การอ่านเยอะๆ แต่ต้องอ่านให้ถูกวิธี

1. เทคนิคจัดสรร 60 นาทีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การจัดการเวลาเป็นปัจจัยที่ตัดสินผลสำเร็จในการสอบ แผนการจัดสรรเวลาที่แนะนำ:

Passage

เวลาที่ใช้

กิจกรรม

Passage 1

17 นาที

อ่านและตอบ 13-14 ข้อ

Passage 2

20 นาที

อ่านและตอบ 13-14 ข้อ

Passage 3

20 นาที

อ่านและตอบ 13-14 ข้อ

ตรวจทาน

3 นาที

ตรวจคำตอบที่ไม่แน่ใจ

เทคนิคสำคัญคือการ preview questions ก่อนอ่าน Passage เพื่อให้รู้ว่าต้องหาข้อมูลอะไรบ้าง

2. วิธีรับมือคำถามแต่ละประเภท (Matching, T/F/NG, etc.)

แต่ละประเภทคำถามต้องใช้เทคนิคที่แตกต่างกัน:

Multiple Choice:

  • อ่านคำถามให้เข้าใจก่อนหาคำตอบ

  • ใช้วิธี elimination ตัดตัวเลือกที่ผิดชัด

True/False/Not Given:

  • จำแนก False (ขัดแย้งกับข้อความ) กับ Not Given (ไม่มีข้อมูล)

  • หา keywords ในข้อความต้นฉบับ

Matching Headings:

  • อ่าน topic sentences ของแต่ละย่อหน้า

  • จับใจความหลักแล้วจับคู่กับ headings

3. สร้างคลังศัพท์อย่างชาญฉลาด (Lexical Resource)

การพัฒนาคำศัพท์สำหรับ IELTS reading test ต้องเน้นที่:

  • Academic vocabulary - คำศัพท์ที่ใช้ในบริบททางวิชาการ

  • Topic-specific terms - คำศัพท์เฉพาะสาขา

  • Synonyms และ paraphrasing - การเปลี่ยนคำพูดเหมือนเดิม

ตัวอย่าง paraphrasing: significant = considerable = substantial (มีนัยสำคัญ)

4. ไวยากรณ์ใน Reading ที่ต้องรู้

โครงสร้างไวยากรณ์ที่พบบ่อยและสำคัญ:

โครงสร้าง

ตัวอย่าง

ความหมาย

Relative Clauses

The research which was conducted last year...

การวิจัยที่ดำเนินการเมื่อปีที่แล้ว...

Passive Voice

The experiment was designed to test...

การทดลองได้รับการออกแบบเพื่อทดสอบ...

Conditional Sentences

If global temperatures continue to rise...

หากอุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้น...

IV. เทคนิคขั้นสูงสำหรับผู้ต้องการ Band 7.5+ 

เมื่อคุณมีพื้นฐานที่มั่นคงแล้ว การพัฒนาไปสู่ระดับสูงต้องใช้เทคนิคที่ลึกซึ้งกว่าการอ่านเพื่อหาข้อมูลเท่านั้น

1. การอ่านเชิงวิเคราะห์ (Critical Reading)

Critical reading หมายถึงการอ่านที่ไม่ยอมรับข้อมูลตามที่เขียนไว้ แต่จะวิเคราะห์และประเมินเนื้อหา:

  • ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล

  • แยกแยะระหว่างความคิดเห็นกับข้อเท็จจริง

  • ระบุ bias หรือความลำเอียงของผู้เขียน

2. ถอดรหัส 'ทัศนคติผู้เขียน' (Author's Tone and Attitude)

การจับ tone ของผู้เขียนเป็นทักษะสำคัญที่แยกระดับผู้เชี่ยวชาญออกจากผู้เริ่มต้น ตัวอย่างการใช้คำที่แสดง attitude:

  • Positive tone: commendable, remarkable, groundbreaking (น่าชื่นชม, น่าทึ่ง, เป็นการบุกเบิก)

  • Negative tone: regrettable, concerning, problematic (น่าเสียดาย, น่ากังวล, มีปัญหา)

  • Neutral tone: indicates, suggests, demonstrates (ชี้ให้เห็น, บ่งบอก, แสดงให้เห็น)

3. การเชื่อมโยงข้อมูลข้ามย่อหน้า (Synthesizing Information)

ทักษะขั้นสูงนี้ต้องการการรวบรวมข้อมูลจากหลายส่วนของเนื้อหามาใช้ตอบคำถาม ผู้ได้ IELTS reading band สูงจะสามารถ:

  • เชื่อมโยงข้อมูลจาก paragraph ต่างๆ

  • สรุปแนวคิดรวมจากทั้งเนื้อหา

  • เปรียบเทียบและตัดสินใจจากข้อมูลหลากหลาย

บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม:

เคล็ดลับพิชิต IELTS Reading ทำข้อสอบไว เข้าใจตรงจุด ได้คะแนนปัง

V. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติม (FAQs & More)

1. การคิดคะแนน Reading ของ Academic และ General Training เหมือนกันหรือไม่?

ระบบการคิด IELTS reading score ของทั้งสองประเภทใช้มาตรฐานเดียวกัน แต่ curve ของคะแนนจะแตกต่างกันเล็กน้อย เนื่องจาก Academic มีความยากมากกว่า General Training

2. เทคนิค 'Skimming' และ 'Scanning' ที่แท้จริงคืออะไร และใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด?

Skimming คือการอ่านเพื่อจับใจความรวม ใช้เมื่อต้องการเข้าใจภาพใหญ่ของเนื้อหา

Scanning คือการอ่านเพื่อหาข้อมูลเฉพาะเจาะจง เช่น ตัวเลข วันที่ หรือชื่อเฉพาะ

การใช้ทั้งสองเทคนิคอย่างเหมาะสมจะช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการหาคำตอบ

3. คำถามใน IELTS Reading มีกี่กลุ่มหลักๆ และควรเน้นกลุ่มไหนเป็นพิเศษเพื่อดันคะแนน?

คำถามแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก:

กลุ่ม

ประเภทคำถาม

ความสำคัญ

Detail Questions

Multiple Choice, Gap-filling

ความสำคัญสูง - ให้คะแนนง่าย

Global Questions

Matching Headings, Summary

ความสำคัญปานกลาง - ต้องเข้าใจภาพรวม

Inference Questions

T/F/NG, Author's purpose

ความสำคัญสูงสุด - แยกระดับความสามารถ

4. ข้อสอบ IELTS Reading แตกต่างจากข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอื่นๆ (เช่น TOEFL, TOEIC) ในด้านการวัดผลอย่างไร?

IELTS เน้นการอ่านเชิงวิเคราะห์และความเข้าใจเชิงลึก ขณะที่ TOEFL เน้นความเร็วและปริมาณข้อมูล TOEIC เน้นการอ่านเพื่อใช้ในสถานการณ์ทำงาน การเตรียมตัวจึงต้องแตกต่างกันตามลักษณะของแต่ละข้อสอบ

การเข้าใจระบบการคิด IELTS reading score อย่างถ่องแท้เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ เมื่อคุณรู้ว่าแต่ละ IELTS reading band descriptors ต้องการทักษะอะไร คุณจะสามารถวางแผนการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กุญแจสำคัญในการพัฒนา IELTS reading band score อยู่ที่การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการใช้เทคนิคที่เหมาะสม อย่าลืมว่าการอ่านเพื่อสอบ IELTS ไม่ใช่แค่การอ่านเพื่อความบันเทิง แต่เป็นการอ่านเชิงกลยุทธ์ที่ต้องมีเป้าหมายชัดเจน

ที่ PREP เราเข้าใจว่าการเตรียมตัวสอบ IELTS reading test ต้องการคำแนะนำที่ถูกต้องและเทคนิคที่พิสูจน์ผลแล้ว ด้วยหลักสูตรที่ออกแบบตาม IELTS reading band descriptors และประสบการณ์การสอนที่ยาวนาน เราพร้อมช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมาย Band Score ที่ต้องการ

จำไว้ว่า ความสำเร็จในการสอบ IELTS Reading ไม่ได้เกิดขึ้นในข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการเตรียมตัวที่ถูกต้องและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นวันนี้ด้วยการทำความเข้าใจระบบคะแนนให้ชัด แล้วคุณจะพบว่าเส้นทางสู่ Band 9 ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมอย่างที่คิด

เรียน IELTS ออนไลน์ที่บ้านได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ PREP English สบายๆ แต่ได้ผลจริง! คุณจะได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกคำถาม ไม่ว่าจะเป็นคำถามง่ายหรือยาก เรามีกลยุทธ์แบบเจาะลึกตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับสูง พิเศษไปอีก! ด้วยห้องฝึกสอบ IELTS 3D Prep AI คุณจะได้ฝึกกับชุดคำถามใหม่ล่าสุด และ AI จะอธิบายคำตอบให้แบบชัดเจนทุกข้อ การเรียนรู้แบบจัดเต็มนี้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกเบื่อหรือท้อและยังทำให้พัฒนาได้เร็วขึ้นด้วย 

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย