ค้นหาบทความการศึกษา
Punctuation คืออะไร? รวมเครื่องหมายวรรคตอนภาษาอังกฤษที่ต้องรู้!
คุณเคยพบกับประโยค "Let's eat grandma" แล้วสงสัยไหมว่าทำไมฟังดูน่ากลัว? หรือเคยอ่านอีเมลที่ไม่มีเครื่องหมายใดๆ แล้วรู้สึกสับสนว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไรกันแน่? ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการขาดความเข้าใจเรื่องเครื่องหมายวรรคตอนที่ถูกต้อง
punctuation คือ ระบบเครื่องหมายที่ช่วยให้การเขียนภาษาอังกฤษมีความชัดเจน สื่อความหมายตรงตามเจตนา และอ่านเข้าใจง่าย การเรียนรู้ punctuation marks in english จึงเป็นทักษะสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน อย่างถูกต้องไม่เพียงแค่ทำให้ข้อความอ่านง่าย แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจในรายละเอียด เมื่อ punctuation แปล ความหมายแล้ว หมายถึงการใช้เครื่องหมายต่างๆ เพื่อแบ่งส่วน สร้างจังหวะ และเน้นความสำคัญในงานเขียน
Punctuation มีบทบาทเหมือนสัญญาณไฟจราจรในการสื่อสาร บอกให้ผู้อ่านรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด หายใจ หรือเปลี่ยนน้ำเสียง การขาดเครื่องหมายวรรคตอนหรือใช้ผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด เสียโอกาสทางธุรกิจ หรือสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน การสื่อสารผ่านข้อความเป็นหลัก ทำให้ทักษะ punctuation marks คือ เครื่องมือสำคัญที่ช่วยแยกแยะระหว่างข้อความที่เป็นมืออาชีพกับข้อความที่ดูสับสนและไม่น่าเชื่อถือ
บทความนี้จะนำเสนอ และ อีก มากมาย ภาษา อังกฤษ เครื่องหมายวรรคตอนที่สำคัญ แบ่งเป็นกลุ่มเพื่อง่ายต่อการเรียนรู้ พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงและเทคนิคระดับโปรที่จะช่วยยกระดับทักษะการเขียนของคุณ
มาเริ่มต้นสำรวจโลกของเครื่องหมายวรรคตอนกันเถอะ เพื่อให้การเขียนภาษาอังกฤษของคุณดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือมากขึ้น

I. ทำความเข้าใจ Punctuation
Punctuation มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารภาษาเขียนมากกว่าที่หลายคนคิด เครื่องหมายเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสัญญาณบอกเล่าให้ผู้อ่านทราบว่าควรหยุดพัก หายใจ หรือเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างไร
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญ:
-
Let's eat grandma (มากินปู่ย่าตายายกัน)
-
Let's eat, grandma (มากินข้าวกันนะปู่ย่าตายาย)
เพียงแค่เพิ่มจุลภาคเข้าไป ความหมายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง การใช้ punctuation แปล ว่าเครื่องหมายวรรคตอนอย่างถูกต้องจะช่วยให้การเขียนของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้โดยไม่ต้องกลับไปอ่านซ้ำ
II. แบ่งกลุ่มเครื่องหมายวรรคตอน (Punctuation Marks)
เพื่อให้การเรียนรู้ เครื่องหมายวรรคตอน เป็นไปอย่างเป็นระบบและจำง่าย เราจึงแบ่งเครื่องหมายต่างๆ ออกเป็น 5 กลุ่มหลักตามหน้าที่การใช้งาน
กลุ่มเครื่องหมาย |
หน้าที่หลัก |
เครื่องหมายที่รวมอยู่ |
End-of-Sentence Marks |
จบประโยค |
Period (.), Question Mark (?), Exclamation Mark (!) |
Pausing and Connecting |
หยุดพักและเชื่อม |
Comma (,), Semicolon (;), Colon (:) |
Possessives and Contractions |
แสดงความเป็นเจ้าของ |
Apostrophe (') |
Quoting and Enclosing |
อ้างอิงและครอบคลุม |
Quotation Marks ("), Parentheses ( ) |
Dashes and Hyphen |
เชื่อมและเน้น |
Hyphen (-), En Dash (–), Em Dash (—) |

1. เครื่องหมายจบประโยค
เครื่องหมายในกลุ่มนี้ทำหน้าที่เหมือนไฟจราจรในงานเขียน บอกให้ผู้อ่านรู้ว่าควรหยุดที่จุดนี้และเตรียมพร้อมสำหรับประโยคถัดไป
1.1. จุด (Period / Full Stop) .
จุดเป็นเครื่องหมายพื้นฐานที่สุดใน punctuation และใช้บ่อยที่สุด ใช้จบประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำสั่งทั่วไป
วิธีใช้จุดอย่างถูกต้อง:
-
ใช้จบประโยคบอกเล่า: Today is Monday. (วันนี้เป็นวันจันทร์)
-
ใช้กับคำย่อ: Dr. Smith will arrive at 3 p.m. (ดร.สมิธจะมาถึงตอนบ่ายสามโมง)
-
ใช้กับตัวเลขทศนิยม: The temperature is 36.5 degrees Celsius. (อุณหภูมิ 36.5 องศาเซลเซียส)
การใช้จุดต้องระวังเรื่องการเว้นวรรค หลังจุดต้องเว้นวรรค 1 ช่องก่อนเริ่มประโยคใหม่
1.2. เครื่องหมายคำถาม (Question Mark) ?
เครื่องหมายคำถามใช้จบประโยคที่เป็นคำถามโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นคำถาม Wh-questions หรือ Yes/No questions
ตัวอย่างการใช้งาน:
-
How are you today? (คุณเป็นอย่างไรบ้างวันนี้)
-
Did you finish your homework? (คุณทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง)
-
What time does the meeting start? (ประชุมเริ่มกี่โมง)
สิ่งที่ต้องระวังคือประโยคที่เป็นคำถามทางอ้อม (indirect question) จะไม่ใช้เครื่องหมายคำถาม เช่น I wonder what time it is. (ฉันสงสัยว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว)
1.3. เครื่องหมายตกใจ (Exclamation Mark / Exclamation Point) !
เครื่องหมายตกใจใช้แสดงอารมณ์ที่รุนแรง ความตื่นเต้น ความประหลาดใจ หรือการเน้นย้ำ
ตัวอย่างที่เหมาะสม:
-
What a beautiful sunset! (พระอาทิตย์ตกงดงามจริงๆ)
-
Help! (ช่วยด้วย)
-
Congratulations on your graduation! (ยินดีด้วยกับการจบการศึกษา)
การใช้เครื่องหมายตกใจในการสื่อสารทางธุรกิจต้องระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ดูไม่เป็นทางการเกินไป
2. เครื่องหมายเพื่อหยุดพักหรือเชื่อมความ
เครื่องหมายในกลุ่มนี้ช่วยสร้างจังหวะและความเชื่อมโยงภายในประโยค ทำให้ข้อความมีการไหลที่เป็นธรรมชาติและผู้อ่านสามารถติดตามความคิดได้ง่าย
2.1. จุลภาค หรือ ลูกน้ำ (Comma) ,
จุลภาคเป็นเครื่องหมายที่ใช้บ่อยรองจากจุด มีหน้าที่หลากหลายในการแยกส่วนประกอบของประโยค
การใช้งาน |
ตัวอย่าง |
ความหมาย |
แยกรายการ |
I bought apples, oranges, and bananas. |
ฉันซื้อแอปเปิล ส้ม และกล้วย |
ก่อน conjunction |
I like coffee, but I prefer tea. |
ฉันชอบกาแฟ แต่ชอบชามากกว่า |
หลัง introductory phrase |
After the meeting, we had lunch. |
หลังจากประชุม เรากินข้าวกลางวัน |
ครอบ non-essential info |
My brother, who lives in Bangkok, is a teacher. |
พี่ชายฉันที่อยู่กรุงเทพเป็นครู |
การใช้จุลภาคก่อน and ในรายการ (Oxford comma) เป็นเรื่องที่ยังมีการถกเถียงกัน ควรเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งให้สม่ำเสมอตลอดบทความ
2.2. อัฒภาค (Semicolon) ;
อัฒภาคมีพลังมากกว่าจุลภาค แต่อ่อนกว่าจุด ใช้เชื่อมประโยคอิสระสองประโยคที่มีความสัมพันธ์กัน
ตัวอย่างการใช้งาน:
-
The conference starts at 9 AM; please arrive early. (การประชุมเริ่ม 9 โมงเช้า กรุณามาให้เร็ว)
-
I visited Paris, France; Rome, Italy; and Madrid, Spain. (ฉันไปปารีส ฝรั่งเศส โรม อิตาลี และมาดริด สเปน)
การใช้อัฒภาคจะทำให้งานเขียนดูมีระดับมากขึ้น แต่ต้องระวังไม่ใช้มากเกินไป
2.3. ทวิภาค (Colon) :
ทวิภาคใช้แนะนำสิ่งที่จะตามมา เช่น รายการ คำอธิบาย หรือตัวอย่าง เป็นเครื่องหมายที่สร้างความคาดหวัง
You need three things for this recipe: flour, eggs, and milk. (คุณต้องใช้สิ่งของสามอย่างสำหรับสูตรนี้ แป้ง ไข่ และนม) Remember this: practice makes perfect. (จำไว้นะ การฝึกฝนทำให้เก่ง)
3. เครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของและคำย่อ
3.1. ฝนทอง หรือ อัญประกาศเดี่ยว (Apostrophe) '
อัญประกาศเดี่ยวมีการใช้งานหลัก 2 แบบ คือแสดงความเป็นเจ้าของ (possessive) และใช้ในคำย่อ (contraction)
การแสดงความเป็นเจ้าของ:
-
คำนามเอกพจน์: John's car (รถของจอห์น)
-
คำนามพหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย s: the students' books (หนังสือของนักเรียน)
-
คำนามพหูพจน์ที่ไม่ลงท้ายด้วย s: the children's toys (ของเล่นของเด็กๆ)
การใช้ในคำย่อ:
-
I'm = I am (ฉันเป็น)
-
don't = do not (ไม่)
-
it's = it is หรือ it has (มันเป็น หรือ มันมี)
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการใช้ it's กับ its โดยที่ it's เป็นคำย่อของ it is ส่วน its แสดงความเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องใช้อัญประกาศ
4. เครื่องหมายสำหรับอ้างอิงและเพิ่มเติมข้อมูล
4.1. อัญประกาศ หรือ เครื่องหมายคำพูด (Quotation Marks) "
อัญประกาศใช้ครอบคำพูดโดยตรง ชื่อเรื่อง บทความ หรือคำที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ
วิธีการใช้ที่ถูกต้อง:
-
She said, "I will arrive at 3 PM." (เธอพูดว่า "ฉันจะมาถึงตอนบ่ายสามโมง")
-
The article "Climate Change Effects" was published yesterday. (บทความ "ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ถูกตีพิมพ์เมื่อวาน)
ในอเมริกันอิงลิช เครื่องหมายวรรคตอนจะอยู่ภายในอัญประกาศ แต่ในบริติชอิงลิชจะอยู่ภายนอกถ้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำพูดเดิม
4.2. วงเล็บ (Parentheses) ( )
วงเล็บใช้ใส่ข้อมูลเสริมหรือข้อมูลที่ไม่จำเป็นต่อความเข้าใจหลัก แต่ช่วยให้เข้าใจมากขึ้น
การใช้งานทั่วไป:
-
The company (founded in 1995) has over 500 employees. (บริษัท (ก่อตั้งในปี 1995) มีพนักงานมากกว่า 500 คน)
-
Please submit your report by Friday (October 15th). (กรุณาส่งรายงานภายในวันศุกร์ (15 ตุลาคม))
5. กลุ่มขีดที่มักใช้สับสน
เครื่องหมาย dash เป็นกลุ่มที่หลายคนมักสับสนและใช้ผิด เพราะมีรูปร่างคล้ายกันแต่หน้าที่แตกต่างกัน
เครื่องหมาย |
ความยาว |
การใช้งานหลัก |
ตัวอย่าง |
Hyphen (-) |
สั้นที่สุด |
เชื่อมคำ, แบ่งคำ |
twenty-one, self-control |
En Dash (–) |
ปานกลาง |
ช่วงเวลา, ตัวเลข |
2020–2021, pages 10–20 |
Em Dash (–) |
ยาวที่สุด |
แทรกข้อมูล, เน้น |
The weather—surprisingly—was perfect |

5.1. ยัติภังค์ (Hyphen) -
ยัติภังค์เป็นเครื่องหมายที่สั้นที่สุดในกลุ่ม ใช้เชื่อมคำเข้าด้วยกันให้เป็นคำประสม
ตัวอย่างการใช้งาน:
-
twenty-three years old (อายุยี่สิบสามปี)
-
state-of-the-art technology (เทคโนโลยีล้ำสมัย)
-
The well-known author signed books yesterday. (นักเขียนที่มีชื่อเสียงเซ็นหนังสือเมื่อวาน)
5.2. เอนแดช (En Dash) –
เอนแดชยาวกว่ายัติภังค์ ใช้แสดงช่วง ระหว่าง หรือการเชื่อมต่อระหว่างสิ่งที่มีความเท่าเทียมกัน
วิธีการใช้ที่ถูกต้อง:
-
The meeting is scheduled for 2:00–3:30 PM. (ประชุมกำหนดเวลา 14:00–15:30)
-
Read pages 15–25 for homework. (อ่านหน้า 15–25 เป็นการบ้าน)
-
The London–Paris flight takes 2 hours. (เที่ยวบินลอนดอน–ปารีสใช้เวลา 2 ชั่วโมง)
5.3. เอ็มแดช (Em Dash) —
เอ็มแดชเป็นเครื่องหมายที่ยาวที่สุด ใช้แทรกข้อมูลเสริม สร้างการหยุดพักที่เด่นชัด หรือเน้นข้อมูลสำคัญ
-
The solution—if there is one—must be found quickly. (ทางแก้ไข ถ้ามี ต้องหาให้เจอเร็วๆ)
-
She opened the door and saw him—her long-lost brother. (เธอเปิดประตูและเห็นเขา พี่ชายที่หายไปนาน)
III. เทคนิคการใช้ Punctuation อย่างมีชั้นเชิง
เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของ punctuation แปล ต่างๆ แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพัฒนาทักษะให้เข้าถึงระดับมืออาชีพ
1. British vs. American English Punctuation
ความแตกต่างหลักระหว่างสองสไตล์:
ประเด็น |
American English |
British English |
Oxford comma |
ใช้เสมอ |
ไม่ใช้โดยทั่วไป |
เครื่องหมายกับ quotation |
ภายในอัญประกาศ |
ภายนอกอัญประกาศ |
Single vs. double quotes |
Double quotes เป็นหลัก |
Single quotes เป็นหลัก |
2. การเลือกใช้ Punctuation เพื่อสร้าง 'น้ำเสียง' (Tone) ในงานเขียน
การใช้ punctuation marks คือ เครื่องมือสร้างอารมณ์และน้ำเสียงที่แตกต่างกัน:
สำหรับงานเขียนเป็นทางการ:
-
ใช้จุดและจุลภาคเป็นหลัก
-
หลีกเลี่ยงเครื่องหมายตกใจ
-
ใช้อัฒภาคเพื่อแสดงความรู้
สำหรับงานเขียนไม่เป็นทางการ:
-
ใช้เครื่องหมายตกใจได้บ้าง
-
ใช้ Em dash เพื่อสร้างความน่าสนใจ
-
ใช้จุดไข่ปลา (...) เพื่อสร้างความลุ้น
IV. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับเครื่องหมายวรรคตอน
1. Interrobang (‽) คืออะไรและเราจะได้เห็นมันที่ไหน?
Interrobang เป็นเครื่องหมายที่รวม question mark และ exclamation mark เข้าด้วยกัน ใช้แสดงคำถามที่มีความประหลาดใจหรือตื่นเต้น
การใช้งาน:
-
You did what‽ (คุณทำอะไรนะ‽)
-
He said that‽ (เขาพูดอย่างนั้นเหรอ‽)
แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้ในการเขียนทั่วไป มักเห็นในงานศิลปะหรือการออกแบบเท่านั้น
2. การเว้นวรรค 2 ครั้งหลัง Full Stop ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ในยุคดิจิทัล?
ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การเว้นวรรค 1 ครั้งหลังจุดถือเป็นมาตรฐาน เพราะ:
ข้อดีของการเว้น 1 ครั้ง:
-
ประหยัดพื้นที่
-
ดูสะอาดตาในหน้าจอ
-
เป็นมาตรฐานใหม่ที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย
การเว้น 2 ครั้งยังคงใช้ในบางสถานการณ์ เช่น การเขียนเอกสารทางกฎหมายหรือการเขียนแบบ MLA
3. นอกจากกลุ่ม Dash แล้ว เครื่องหมายวรรคตอนภาษาอังกฤษกลุ่มไหนที่คนไทยมักใช้ผิดบ่อยที่สุด?
เครื่องหมายที่คนไทยใช้ผิดบ่อยที่สุด:
Apostrophe ('):
-
ใช้ผิดใน its vs. it's
-
ใช้กับคำนามพหูพจน์ผิด เช่น apple's แทน apples
Comma (,):
-
ลืมใช้ก่อน coordinating conjunction
-
ใช้มากเกินไปในประโยคสั้น
Quotation marks ("):
-
วางตำแหน่งเครื่องหมายวรรคตอนผิด
-
ใช้กับ indirect speech
4. ความแตกต่างเชิงลึกระหว่าง Semicolon (;) กับ Colon (:) คืออะไร?
ความแตกต่างหลักที่ต้องเข้าใจ:
Semicolon (;) |
Colon (:) |
เชื่อมประโยคที่เท่าเทียมกัน |
แนะนำสิ่งที่จะตามมา |
ใช้กับ independent clauses |
ใช้นำหน้ารายการหรือคำอธิบาย |
สร้างความสมดุล |
สร้างความคาดหวัง |
ตัวอย่างเปรียบเทียบ:
-
I love reading; books are my passion. (ฉันรักการอ่าน หนังสือคือความหลงใหล)
-
I love three things: reading, writing, and learning. (ฉันรักสามสิ่ง การอ่าน การเขียน และการเรียนรู้)
Punctuation คือ ทักษะสำคัญที่จะยกระดับการเขียนภาษาอังกฤษของคุณ การใช้ punctuation อย่างถูกต้องไม่เพียงทำให้ข้อความชัดเจน แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพ
หลักสำคัญที่ต้องจำ:
-
เริ่มจากเครื่องหมายพื้นฐานก่อน เช่น จุด จุลภาค และเครื่องหมายคำถาม
-
เข้าใจหน้าที่ของแต่ละเครื่องหมายในกลุ่มที่แบ่งไว้
-
ฝึกใช้ และ อีก มากมาย ภาษา อังกฤษ เครื่องหมายขั้นสูงเมื่อมีความมั่นใจแล้ว
-
อ่านงานเขียนที่ดีเพื่อดูตัวอย่างการใช้ punctuation marks in english ที่ถูกต้อง
การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการศึกษาตัวอย่างจากแหล่งที่เชื่อถือได้จะช่วยให้คุณใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้อย่างเชี่ยวชาญ เมื่อคุณเชี่ยวชาญ punctuation แล้ว การเขียนภาษาอังกฤษของคุณจะมีความชัดเจน น่าสนใจ และเป็นมืออาชีพมากขึ้นอย่างแน่นอน
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการใช้คำศัพท์เกี่ยวกับการพบปะในภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบ IELTS ขอแนะนำ IELTS ออนไลน์ ที่จะช่วยให้คุณพร้อมสำหรับการสอบนี้

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดค้นหาบทความการศึกษา
แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
