ค้นหาบทความการศึกษา
ตัวเลขภาษาอังกฤษ: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น
ผู้เรียนภาษาอังกฤษกว่า 80% มักประสบปัญหาเดียวกัน คือความไม่มั่นใจเมื่อต้องใช้ตัวเลขในการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งในต่างประเทศ การประชุมทางธุรกิจ หรือแม้แต่การสนทนาธรรมดาเรื่องอายุและเวลา ความผิดพลาดเล็กๆ เช่น การสับสนระหว่าง "thirteen" กับ "thirty" อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความอึดอัดใจในการสื่อสาร
ตัวเลขภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะเปลี่ยนการสื่อสารของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเรียนรู้เลขภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบจะช่วยสร้างความมั่นใจในทุกสถานการณ์
ความสำคัญของตัวเลขในภาษาอังกฤษไม่ได้จำกัดเฉพาะการนับเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงการใช้งานในหลากหลายบริบท ตั้งแต่การนับเลขภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1-10 ภาษาอังกฤษ ไปจนถึงการเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษในเอกสารทางการ การเข้าใจลำดับ เลข ภาษา อังกฤษ (Ordinal Numbers) จะช่วยให้คุณบอกวันที่และจัดอันดับได้อย่างถูกต้อง ขณะที่การรู้จัก1 100 ภาษาอังกฤษ พร้อม คํา อ่านจะเป็นรากฐานมั่นคงสำหรับการใช้ตัวเลขที่ซับซ้อนมากขึ้น
การศึกษาเลขภาषาอังกฤษ1-100 อย่างเป็นระบบไม่เพียงช่วยในการสื่อสารประจำวัน แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการสอบมาตรฐานต่างๆ และการใช้งานในสภาพแวดล้อมทางวิชาการหรือธุรกิจ การเรียนรู้ที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป เช่น การใช้ 's' กับ hundred หรือ thousand ในบริบทที่ไม่เหมาะสม
คู่มือนี้จะนำคุณผ่านการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง พร้อมเทคนิคการจำที่มีประสิทธิภาพและตัวอย่างการใช้งานในสถานการณ์จริง
มาเริ่มต้นสร้างความมั่นใจในการใช้ตัวเลขภาษาอังกฤษของคุณไปด้วยกัน

- I. เริ่มต้นนับเลขภาษาอังกฤษ จาก 1 ถึง 100
- 1. ตัวเลข 1-10 ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและวิธีเขียน
- 2. ก้าวสู่ตัวเลข 11-20: กลุ่มตัวเลขพิเศษที่ต้องจำให้แม่น
- 3. เทคนิคการจำและการนับเลข 21-100: การผสม "หลักสิบ" และ "หลักหน่วย"
- 4. ตารางสรุปเลขภาษาอังกฤษ1-100 ฉบับสมบูรณ์: ตัวเลข, คำศัพท์, และคำอ่านแบบ IPA
- 5. ตารางหน่วยตัวเลขขนาดใหญ่: พื้นฐานสำคัญสำหรับตัวเลขระดับสูง
- II. ทะยานสู่ตัวเลขที่สูงกว่า 100: หลักร้อย, พัน, ล้าน และกฎการใช้ที่ต้องรู้
- III. เลขลำดับ เลข ภาษา อังกฤษ (Ordinal Numbers)
- IV. นำตัวเลขไปใช้ในชีวิตประจำวัน: พูดคล่องเหมือนเจ้าของภาษา
- V. เกร็ดความรู้ขั้นสูง: ยกระดับการใช้ตัวเลขของคุณ
- VI. สรุปหัวใจสำคัญ: จากตัวเลขสู่ความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
- VII. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) และข้อสงสัยที่เคลียร์ทุกประเด็น
- 1. "Cardinal Numbers" และ "Ordinal Numbers" คืออะไรและใช้ต่างกันอย่างไร?
- 2. ตัวเลขภาษาอังกฤษแบบ British และ American English มีส่วนไหนที่แตกต่างกันบ้าง?
- 3. จำเป็นต้องใส่ "and" ในการอ่านตัวเลข (เช่น two hundred and fifty) เสมอไปหรือไม่?
- 4. การออกเสียง thirteen (13) กับ thirty (30) ต่างกันอย่างไรให้คนฟังไม่สับสน?
I. เริ่มต้นนับเลขภาษาอังกฤษ จาก 1 ถึง 100
การเริ่มต้นนับเลขภาษาอังกฤษให้ถูกต้องเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก เมื่อคุณเข้าใจหลักการและจังหวะการออกเสียงแล้ว คุณจะสามารถใช้ตัวเลขในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ
1. ตัวเลข 1-10 ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและวิธีเขียน
ตัวเลข 1-10 คือพื้นฐานที่คุณต้องท่องจำให้แม่นยำ เพราะเป็นส่วนประกอบของตัวเลขที่ซับซ้อนทั้งหมด การออกเสียงให้ถูกต้องจะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องใช้ในชีวิตจริง
ตัวเลข |
คำศัพท์ |
การออกเสียง (IPA) |
1 |
One |
/wʌn/ |
2 |
Two |
/tuː/ |
3 |
Three |
/θriː/ |
4 |
Four |
/fɔːr/ |
5 |
Five |
/faɪv/ |
6 |
Six |
/sɪks/ |
7 |
Seven |
/ˈsevən/ |
8 |
Eight |
/eɪt/ |
9 |
Nine |
/naɪn/ |
10 |
Ten |
/ten/ |
2. ก้าวสู่ตัวเลข 11-20: กลุ่มตัวเลขพิเศษที่ต้องจำให้แม่น
ตัวเลข 11-20 มีรูปแบบที่ไม่ตรงกับกฎเกณฑ์ทั่วไป ดังนั้นคุณต้องจำเป็นคำต่อคำ โดยเฉพาะ thirteen และ thirty ที่หลายคนมักสับสนกัน
ตัวเลข |
คำศัพท์ |
การออกเสียง (IPA) |
11 |
Eleven |
/ɪˈlevən/ |
12 |
Twelve |
/twelv/ |
13 |
Thirteen |
/ˌθɜːrˈtiːn/ |
14 |
Fourteen |
/ˌfɔːrˈtiːn/ |
15 |
Fifteen |
/ˌfɪfˈtiːn/ |
16 |
Sixteen |
/ˌsɪksˈtiːn/ |
17 |
Seventeen |
/ˌsevənˈtiːn/ |
18 |
Eighteen |
/ˌeɪˈtiːn/ |
19 |
Nineteen |
/ˌnaɪnˈtiːn/ |
20 |
Twenty |
/ˈtwenti/ |
3. เทคนิคการจำและการนับเลข 21-100: การผสม "หลักสิบ" และ "หลักหน่วย"
จาก 21 เป็นต้นไป คุณจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนมากขึ้น โดยใช้หลักสิบ (twenty, thirty, forty) ตามด้วย hyphen (-) และหลักหน่วย (one, two, three) การเข้าใจหลักการนี้จะทำให้คุณสามารถเขียนตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษได้ทุกจำนวนในช่วง 21-99
หลักสิบ |
คำศัพท์ |
การออกเสียง (IPA) |
ตัวอย่าง |
20 |
Twenty |
/ˈtwenti/ |
Twenty-one (21), Twenty-five (25) |
30 |
Thirty |
/ˈθɜːrti/ |
Thirty-two (32), Thirty-eight (38) |
40 |
Forty |
/ˈfɔːrti/ |
Forty-three (43), Forty-nine (49) |
50 |
Fifty |
/ˈfɪfti/ |
Fifty-four (54), Fifty-seven (57) |
60 |
Sixty |
/ˈsɪksti/ |
Sixty-five (65), Sixty-six (66) |
70 |
Seventy |
/ˈsevənti/ |
Seventy-seven (77), Seventy-nine (79) |
80 |
Eighty |
/ˈeɪti/ |
Eighty-one (81), Eighty-four (84) |
90 |
Ninety |
/ˈnaɪnti/ |
Ninety-two (92), Ninety-eight (98) |
4. ตารางสรุปเลขภาษาอังกฤษ1-100 ฉบับสมบูรณ์: ตัวเลข, คำศัพท์, และคำอ่านแบบ IPA
การมีตารางอ้างอิงที่ครบถ้วนจะช่วยให้คุณเรียนรู้และทบทวนได้อย่างมีระบบ ตารางนี้รวบรวมเลขภาษาอังกฤษจาก 1-100 พร้อมสัทศาสตร์ IPA ที่ถูกต้อง ทำให้คุณสามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเอง
5. ตารางหน่วยตัวเลขขนาดใหญ่
การเรียนรู้หน่วยตัวเลขขนาดใหญ่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการใช้งานในธุรกิจและการเงิน ตารางนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยต่างๆ และการใช้งานที่ถูกต้อง
ตัวเลข |
หน่วย (ภาษาอังกฤษ) |
การออกเสียง (IPA) |
ตัวอย่างการใช้ |
1,000 |
Thousand |
/ˈθaʊzənd/ |
Five thousand (5,000) |
10,000 |
Ten thousand |
/ten ˈθaʊzənd/ |
Twenty thousand (20,000) |
100,000 |
One hundred thousand |
/wʌn ˈhʌndrəd ˈθaʊzənd/ |
Five hundred thousand (500,000) |
1,000,000 |
Million |
/ˈmɪljən/ |
Two million (2,000,000) |
10,000,000 |
Ten million |
/ten ˈmɪljən/ |
Fifty million (50,000,000) |
100,000,000 |
One hundred million |
/wʌn ˈhʌndrəd ˈmɪljən/ |
Three hundred million (300,000,000) |
1,000,000,000 |
Billion |
/ˈbɪljən/ |
One billion (1,000,000,000) |
1,000,000,000,000 |
Trillion |
/ˈtrɪljən/ |
One trillion (1,000,000,000,000) |

หมายเหตุสำคัญ: ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน "Billion" หมายถึง 1,000 ล้าน (1,000,000,000) ส่วนในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ "Billion" เดิมหมายถึง 1 ล้านล้าน แต่ปัจจุบันมักใช้ตามแบบอเมริกันแล้ว
สำหรับตัวเลขที่สำคัญอื่นๆ เช่น 100 (One hundred), 1,000 (One thousand), 1,000,000 (One million) คุณจะต้องเรียนรู้การใช้งานเฉพาะที่มีกฎเกณฑ์แตกต่างจากตัวเลขพื้นฐาน
II. ทะยานสู่ตัวเลขที่สูงกว่า 100: หลักร้อย, พัน, ล้าน และกฎการใช้ที่ต้องรู้
การเรียนรู้ตัวเลขที่สูงกว่า 100 ต้องใช้ความเข้าใจเรื่องหลักการจัดกลุ่มและการใช้คำเชื่อม การรู้กฎเกณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่ผิดพลาดเมื่อต้องใช้ในงานหรือการสื่อสารอย่างเป็นทางการ
1. หลักการใช้ Hundred, Thousand, Million (เมื่อไหร่ต้องมี 's' เมื่อไหร่ห้ามมี)
กฎสำคัญที่หลายคนพลาดคือการใช้ 's' กับคำเหล่านี้ เมื่อมีตัวเลขนำหน้า (เช่น two hundred, three thousand) จะไม่ใส่ 's' แต่เมื่อใช้เป็นคำนามเดี่ยว (hundreds of people) จึงใส่ 's' ได้
สถานการณ์ |
ตัวอย่าง |
คำอธิบาย |
มีตัวเลขนำหน้า |
Two hundred |
ห้ามใส่ 's' |
ไม่มีตัวเลขนำหน้า |
Hundreds of books |
ใส่ 's' ได้ |
ใช้ and |
Two hundred and fifty |
ใช้ 'and' คั่นหลักร้อยกับหลักสิบ |

2. ตัวอย่างการอ่านตัวเลขจำนวนมากแบบจับมือทำ
การฝึกกับตัวเลขจริงจะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น ลองดูตัวอย่างเหล่านี้ 1,234 อ่านว่า "One thousand two hundred and thirty-four" ส่วน 50,678 อ่านว่า "Fifty thousand six hundred and seventy-eight" การฝึกฝนแบบนี้จะทำให้คุณคล่องแคล่วมากขึ้น
III. เลขลำดับ เลข ภาษา อังกฤษ (Ordinal Numbers)
Ordinal Numbers ใช้เพื่อบอกลำดับ ไม่ใช่จำนวน ความแตกต่างนี้สำคัญมากในการสื่อสารประจำวัน เช่น การบอกวันที่หรือการจัดอันดับ
1. กฎพื้นฐาน: แค่เติม -th ก็ใช้ได้จริงหรือ?
โดยทั่วไปแล้วการเติม -th จะใช้ได้กับตัวเลขส่วนใหญ่ แต่มีข้อยกเว้นสำคัญที่คุณต้องจำ การรู้กฎนี้จะช่วยให้คุณไม่ผิดพลาดเมื่อต้องใช้ในเอกสารหรือการสนทนา
2. ข้อยกเว้นที่พบบ่อยและต้องจำ: 1st, 2nd, 3rd และตัวเลขที่ลงท้ายด้วย 1, 2, 3
ข้อยกเว้นหลักที่ต้องจำคือ 1st (first), 2nd (second), 3rd (third) ส่วนตัวเลขที่ลงท้ายด้วย 1, 2, 3 (เช่น 21st, 22nd, 23rd) ก็ใช้กฎเดียวกัน ยกเว้น 11th, 12th, 13th ที่ใช้ -th ธรรมดา
3. ตารางเปรียบเทียบ Cardinal vs. Ordinal Numbers ที่ใช้บ่อย
Cardinal |
Ordinal |
การใช้งาน |
One |
First (1st) |
วันที่ 1 |
Two |
Second (2nd) |
อันดับ 2 |
Three |
Third (3rd) |
ชั้น 3 |
Four |
Fourth (4th) |
รอบ 4 |
Five |
Fifth (5th) |
ครั้งที่ 5 |

บทความแนะนำอ่านต่อ:
IV. นำตัวเลขไปใช้ในชีวิตประจำวัน: พูดคล่องเหมือนเจ้าของภาษา
การใช้ตัวเลขภาษาอังกฤษในชีวิตจริงต้องรู้บริบทและสำนวนที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่ท่องจำตัวเลขเท่านั้น แต่ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ใช้รูปแบบไหน
1. การบอกเวลา (Telling the Time)
การบอกเวลาใช้ทั้ง Cardinal และ Ordinal Numbers ขึ้นอยู่กับบริบท เวลา 3:15 สามารถพูดได้หลายแบบ "Three fifteen" หรือ "Quarter past three" การเรียนรู้สำนวนเหล่านี้จะทำให้คุณฟังดูเป็นธรรมชาติ
2. การบอกวันที่ (Saying the Date)
วันที่ใช้ Ordinal Numbers เสมอ เช่น "January 1st" อ่านว่า "January first" ไม่ใช่ "January one" ส่วนปีจะอ่านเป็นคู่ เช่น 2024 อ่านว่า "Twenty twenty-four"
3. การบอกเบอร์โทรศัพท์ (Giving a Phone Number)
เบอร์โทรศัพท์อ่านทีละหลัก เช่น 081-234-5678 อ่านว่า "Zero eight one, two three four, five six seven eight" การใช้ "Zero" หรือ "Oh" สำหรับเลข 0 ขึ้นอยู่กับบริบท
4. การบอกราคาและจำนวนเงิน (Talking about Prices and Money)
ราคาเงินมีวิธีอ่านเฉพาะ เช่น $15.50 อ่านว่า "Fifteen dollars and fifty cents" หรือ "Fifteen fifty" ในสถานการณ์ไม่เป็นทางการ
V. เกร็ดความรู้ขั้นสูง: ยกระดับการใช้ตัวเลขของคุณ
การเรียนรู้เกร็ดความรู้เหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวัฒนธรรมการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น และสามารถใช้ได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
1. เลข 0 ไม่ได้มีแค่ Zero: วิธีใช้ Oh, Nil, และ Love
เลข 0 มีหลายวิธีการอ่าน "Zero" ใช้ในคณิตศาสตร์ "Oh" ใช้ในเบอร์โทรศัพท์ "Nil" ใช้ในกีฬา และ "Love" ใช้ในเทนนิส การรู้จักแต่ละแบบจะทำให้คุณใช้ได้ถูกต้อง
2. การอ่านเศษส่วน (Fractions) และทศนิยม (Decimals) แบบสั้นกระชับ
เศษส่วน 1/4 อ่านว่า "One quarter" ส่วน 1/2 อ่านว่า "One half" ทศนิยม 3.14 อ่านว่า "Three point one four" การเรียนรู้เหล่านี้จะช่วยในงานเทคนิคและการเงิน
VI. สรุปหัวใจสำคัญ: จากตัวเลขสู่ความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
การเรียนรู้ตัวเลขภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่เป็นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการสื่อสาร เมื่อคุณเข้าใจหลักการและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถใช้ตัวเลขได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์
การฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพคือการนำไปใช้ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกบอกเวลา นับเงิน หรือบอกอายุ ยิ่งใช้บ่อยเท่าไหร่ ก็จะยิ่งคล่องแคล่วมากขึ้น
VII. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) และข้อสงสัยที่เคลียร์ทุกประเด็น
1. "Cardinal Numbers" และ "Ordinal Numbers" คืออะไรและใช้ต่างกันอย่างไร?
Cardinal Numbers คือตัวเลขที่ใช้นับจำนวน (one, two, three) ส่วน Ordinal Numbers คือตัวเลขที่ใช้บอกลำดับ (first, second, third) การแยกแยะนี้สำคัญมาก เพราะใช้ในบริบทที่แตกต่างกัน
2. ตัวเลขภาษาอังกฤษแบบ British และ American English มีส่วนไหนที่แตกต่างกันบ้าง?
ความแตกต่างหลักอยู่ที่การใช้ "and" ใน British English จะพูด "One hundred and twenty" ส่วน American English มักพูด "One hundred twenty" โดยไม่ใส่ "and"
3. จำเป็นต้องใส่ "and" ในการอ่านตัวเลข (เช่น two hundred and fifty) เสมอไปหรือไม่?
ไม่จำเป็นเสมอไป ขึ้นอยู่กับสำเนียงและบริบท ใน American English มักจะไม่ใส่ "and" ส่วน British English มักจะใส่ ทั้งสองแบบถือว่าถูกต้อง
4. การออกเสียง thirteen (13) กับ thirty (30) ต่างกันอย่างไรให้คนฟังไม่สับสน?
ความแตกต่างอยู่ที่การเน้นเสียง "Thirteen" เน้นที่พยางค์หลัง (thir-TEEN) ส่วน "Thirty" เน้นที่พยางค์แรก (THIR-ty) การฝึกฝนเน้นเสียงให้ถูกต้องจะช่วยลดความสับสนได้มาก
การเรียนรู้ตัวเลขภาษาอังกฤษเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปิดประตูสู่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เมื่อคุณเชี่ยวชาญเรื่องนี้แล้ว คุณจะพบว่าการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากขึ้น ความมั่นใจที่เกิดขึ้นจะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในด้านอื่นๆ ต่อไป

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
บทความที่เกี่ยวข้อง
ค้นหาบทความการศึกษา
แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
