เข้าใจ Past Participle ในภาษาอังกฤษ ใช้ยังไงให้ถูกต้อง
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนพูดภาษาอังกฤษได้ราบรื่น ในขณะที่คุณยังสะดุดกับประโยคที่ซับซ้อน? หนึ่งในปัญหาที่ทำให้คนไทยจำนวนมากพูดและเขียนภาษาอังกฤษไม่มั่นใจคือการใช้กริยาไม่ถูกรูปแบบ โดยเฉพาะ past participle หรือกริยาช่อง 3 ที่มักสร้างความสับสนแม้แต่กับผู้เรียนระดับกลาง
Past participle คือรูปแบบกริยาที่มีบทบาทสำคัญในภาษาอังกฤษ เป็นพื้นฐานของโครงสร้างประโยคหลายประเภท ทั้ง Perfect Tenses, Passive Voice และการใช้เป็นคำคุณศัพท์ การเข้าใจ past participle v3 จึงเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับภาษาอังกฤษของคุณ
เมื่อพูดถึง past participle เราไม่ได้หมายถึงแค่การเติม -ed ที่ท้ายคำกริยาเท่านั้น Participle verbs มีความซับซ้อนมากกว่านั้น โดยเฉพาะในกรณีของกริยาไม่ปกติ เช่น past participle of fly คือ flown ไม่ใช่ flied หรือ past participle of ride คือ ridden ไม่ใช่ rided ในขณะที่บางคำเช่น past participle of put กลับมีรูปแบบเหมือนกับกริยาพื้นฐาน
คุณอาจเคยพบ ประโยค v3 ในชีวิตประจำวัน เช่น "ฉันได้ทำการบ้านเสร็จแล้ว" (I have finished my homework) หรือ "หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักเขียนชื่อดัง" (This book was written by a famous author) ซึ่งทั้งสองประโยคใช้โครงสร้าง have has past participle และ be past participle ตามลำดับ
การเรียนรู้ past participle ไม่ใช่เพียงการท่องจำรูปแบบกริยา แต่ต้องเข้าใจวิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ผ่านการฝึกฝนจาก past participle worksheet และแบบฝึกหัดที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจและถูกต้อง
ในบทความนี้ PREP จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของ past participle ตั้งแต่คำนิยาม รูปแบบ การนำไปใช้ในโครงสร้างต่างๆ ไปจนถึงข้อควรระวังและแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้คุณเชี่ยวชาญการใช้กริยาช่อง 3 ได้อย่างแม่นยำ
พร้อมแล้วหรือยังที่จะทำความเข้าใจ past participle อย่างถ่องแท้? เรามาเริ่มกันเลย!
I. Past Participle (กริยาช่อง 3) คืออะไร?
หากคุณกำลังเรียนภาษาอังกฤษ คุณคงเคยได้ยินคำว่า past participle หรือที่เรียกกันว่า "กริยาช่อง 3" อยู่บ่อยครั้ง แต่หลายคนยังคงสับสนว่า past participle คืออะไร และใช้อย่างไรให้ถูกต้อง ความจริงแล้ว past participle เป็นรูปแบบหนึ่งของคำกริยาที่มีความสำคัญอย่างมากในโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษหลายประเภท
Past participle ไม่ใช่แค่คำที่ต้องท่องจำเพื่อสอบ แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้คุณสื่อสารได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งในการพูดและการเขียน
Past participle (V3) คือรูปแบบของคำกริยาที่ใช้แสดงการกระทำที่เสร็จสิ้นไปแล้ว หรือสภาพที่เป็นผลมาจากการกระทำนั้น โดยทั่วไป past participle v3 มักจะลงท้ายด้วย -ed, -en, -t หรือมีรูปแบบเฉพาะในกรณีของกริยาไม่ปกติ
ตัวอย่างเช่น:
-
walk → walked
-
break → broken
-
sleep → slept
-
go → gone
II. รูปแบบของ Past Participle
Past participle verbs แบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก:
1. กริยาปกติ (Regular Verbs): หลักการง่ายๆ แค่เติม "-ed"
กริยาปกติจะเปลี่ยนเป็น past participle โดยการเติม -ed ที่ท้ายคำ ซึ่งมีกฎการเติมเล็กน้อยที่ควรรู้:
|
หลักการ |
ตัวอย่าง |
|
กริยาทั่วไป เติม -ed |
work → worked, talk → talked |
|
กริยาลงท้ายด้วย e เติม -d |
live → lived, hope → hoped |
|
กริยาลงท้ายด้วยพยัญชนะ+y เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -ed |
study → studied, cry → cried |
|
กริยาที่มีพยางค์เดียว ลงท้ายด้วยพยัญชนะและนำหน้าด้วยสระตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะท้ายแล้วเติม -ed |
stop → stopped, plan → planned |
บทความแนะนำอ่านต่อ:
2. กริยาไม่ปกติ (Irregular Verbs): ความท้าทายที่ต้องพิชิต
กริยาไม่ปกติไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามกฎทั่วไป แต่มีรูปแบบเฉพาะที่ต้องจำ ต่อไปนี้คือกริยาไม่ปกติที่พบบ่อยและรูปแบบ past participle ของมัน:
|
Base Form (V1) |
Past Simple (V2) |
Past Participle (V3) |
ความหมาย |
|
go |
went |
gone |
ไป |
|
eat |
ate |
eaten |
กิน |
|
drink |
drank |
drunk |
ดื่ม |
|
fly |
flew |
flown |
บิน |
|
ride |
rode |
ridden |
ขี่ |
|
put |
put |
put |
วาง |
|
break |
broke |
broken |
ทำแตก |
|
speak |
spoke |
spoken |
พูด |
|
write |
wrote |
written |
เขียน |
|
see |
saw |
seen |
เห็น |
|
do |
did |
done |
ทำ |
|
have |
had |
had |
มี |
|
get |
got |
got/gotten |
ได้รับ |
|
come |
came |
come |
มา |
บทความแนะนำอ่านต่อ:
III. 3 บทบาทหลักของ Past Participle (V3)
1. ใช้ในโครงสร้าง Perfect Tenses
Perfect Tenses ใช้โครงสร้าง have has past participle เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจุดอ้างอิงของเวลา:
|
Tense |
โครงสร้าง |
ความหมาย |
|
Present Perfect |
Subject + have/has + past participle |
เหตุการณ์ที่เกิดในอดีตและส่งผลถึงปัจจุบัน |
|
Past Perfect |
Subject + had + past participle |
เหตุการณ์ที่เกิดก่อนเหตุการณ์อื่นในอดีต |
|
Future Perfect |
Subject + will have + past participle |
เหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นก่อนเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต |
ตัวอย่าง ประโยค v3 ใน Perfect Tenses:
-
I have finished my homework. (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว)
-
When I arrived at the party, my friends had left. (เมื่อฉันไปถึงงานปาร์ตี้ เพื่อนๆ กลับไปแล้ว)
-
By next year, I will have completed this course. (ภายในปีหน้า ฉันจะเรียนจบหลักสูตรนี้แล้ว)
2. ใช้ในโครงสร้าง Passive Voice
Passive Voice ใช้โครงสร้าง be past participle เพื่อเน้นผู้ถูกกระทำมากกว่าผู้กระทำ:
โครงสร้าง: Subject + be (is/am/are/was/were) + past participle
ตัวอย่าง ประโยค v3 ใน Passive Voice:
-
This book was written by a famous author. (หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักเขียนชื่อดัง)
-
My car is being repaired. (รถของฉันกำลังซ่อมอยู่)
-
The report will be submitted by tomorrow. (รายงานจะถูกส่งภายในวันพรุ่งนี้)
3. ใช้เป็น Adjective (คำคุณศัพท์)
Past participle สามารถใช้เป็นคำคุณศัพท์เพื่อขยายคำนาม โดยบอกสภาพหรือความรู้สึกที่เกิดจากการกระทำ:
ตัวอย่าง:
-
a broken window (หน้าต่างที่แตก)
-
a tired child (เด็กที่เหนื่อยล้า)
-
cooked food (อาหารที่ปรุงสุกแล้ว)
บทความที่แนะนำ:
วิธีใช้ Present Participle และตัวอย่างที่เข้าใจง่าย
เข้าใจ Past Perfect Tense ใช้ยังไงให้ถูกต้อง
สรุป Past Continuous Tense เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
IV. เปรียบเทียบ Past Participle (V3) vs. Present Participle (V-ing)
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง present and past participle จะช่วยให้คุณใช้ได้อย่างถูกต้อง:
|
รูปแบบ |
ความหมาย |
ตัวอย่าง |
|
Past Participle (-ed/-en) |
แสดงสภาพที่เป็นผลจากการกระทำ หรือการถูกกระทำ |
An interested student (นักเรียนที่สนใจแล้ว) |
|
Present Participle (-ing) |
แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ หรือสาเหตุของความรู้สึก |
An interesting book (หนังสือที่น่าสนใจ) |
V. แบบฝึกหัด Past Participle
ลองทำ past participle worksheet ต่อไปนี้เพื่อทดสอบความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับการใช้ past participle:
แบบฝึกหัดที่ 1: เปลี่ยนกริยาให้เป็น Past Participle
เปลี่ยนกริยาในวงเล็บให้เป็นรูปแบบ past participle:
-
She has _____ (work) here for five years.
-
The cake was _____ (bake) by my mother.
-
I have never _____ (fly) in an airplane before.
-
The window has been _____ (break) since last week.
-
He has _____ (ride) that bicycle many times.
แบบฝึกหัดที่ 2: สร้างประโยค Perfect Tenses
สร้างประโยคโดยใช้โครงสร้าง have has past participle:
-
ฉัน / เรียนภาษาอังกฤษ / 3 ปี (I / study English / for 3 years)
-
เธอ / ไปญี่ปุ่น / 2 ครั้ง (She / visit Japan / twice)
-
พวกเขา / ไม่เคย / กินอาหารไทย (They / never / eat Thai food)
-
เขา / เพิ่ง / เสร็จการบ้าน (He / just / finish homework)
-
เรา / รู้จักกัน / ตั้งแต่เด็ก (We / know each other / since childhood)
แบบฝึกหัดที่ 3: Passive Voice
เปลี่ยนประโยคต่อไปนี้ให้เป็น Passive Voice โดยใช้ be past participle:
-
Someone stole my bike yesterday. → My bike _____ yesterday.
-
They sell fruit at this shop. → Fruit _____ at this shop.
-
The chef prepares all meals fresh. → All meals _____ fresh by the chef.
-
People speak English in many countries. → English _____ in many countries.
-
They will announce the results tomorrow. → The results _____ tomorrow.
แบบฝึกหัดที่ 4: Past Participle as Adjectives
เติมช่องว่างด้วยคำคุณศัพท์ที่มาจาก past participle ที่เหมาะสม:
-
The _____ (break) glass was everywhere on the floor.
-
I felt _____ (disappoint) when I didn't pass the exam.
-
We were _____ (interest) in the new museum exhibition.
-
The _____ (cook) meal smelled delicious.
-
She looked _____ (tire) after working all day.
เฉลย:
แบบฝึกหัดที่ 1:
1. worked 2. baked 3. flown 4. broken 5. ridden
แบบฝึกหัดที่ 2:
-
I have studied English for 3 years.
-
She has visited Japan twice.
-
They have never eaten Thai food.
-
He has just finished homework.
-
We have known each other since childhood.
แบบฝึกหัดที่ 3:
-
was stolen
-
is sold
-
are prepared
-
is spoken
-
will be announced
แบบฝึกหัดที่ 4:
-
broken
-
disappointed
-
interested
-
cooked
-
tired
VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Past Participle
1. Past Participle ทุกคำจำเป็นต้องลงท้ายด้วย -ed เสมอไปหรือไม่?
ไม่ใช่ครับ Past participle ของกริยาปกติจะลงท้ายด้วย -ed แต่กริยาไม่ปกติมีรูปแบบเฉพาะที่แตกต่างกันไป เช่น broken, gone, sung
2. Participle Verbs โดยรวมแล้วมีความหมายครอบคลุมถึงอะไรบ้าง?
Participle verbs คือรูปแบบของคำกริยาที่ใช้เป็นคำคุณศัพท์หรือในโครงสร้างพิเศษ แบ่งเป็น Present Participle (-ing) และ Past Participle (-ed, -en, etc.)
3. กริยากลุ่มใดบ้างที่มีรูป Past Simple (V2) และ Past Participle (V3) เหมือนกัน?
กริยาหลายคำมีรูป V2 และ V3 เหมือนกัน เช่น past participle of put (put), cut (cut), read (read), hit (hit)
4. การใช้ Past Participle เป็น Adjective แตกต่างจากการใช้ Present Participle อย่างไร?
Past Participle จะสื่อถึงความรู้สึกที่ถูกกระทำ (เช่น bored = รู้สึกเบื่อ) ส่วน Present Participle สื่อถึงสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึก (เช่น boring = ที่ทำให้เบื่อ)
VII. ข้อมูลเชิงลึก (Advanced knowledge)
1. Perfect Participles (Having + V3)
Perfect Participles ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่เสร็จสิ้นก่อนอีกการกระทำหนึ่ง:
-
Having finished my homework, I went to bed. (หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว ฉันก็เข้านอน)
2. Participle Clauses
Participle Clauses ช่วยย่อประโยคให้กระชับขึ้น:
-
The man sitting at the table is my father. (แทน: The man who is sitting at the table is my father.)
-
Shocked by the news, she couldn't speak. (แทน: Because she was shocked by the news, she couldn't speak.)
การทำความเข้าใจ Past Participle และวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถสร้างประโยคที่มีความซับซ้อนและแสดงเหตุการณ์ที่เสร็จสิ้นได้อย่างแม่นยำในภาษาอังกฤษ Past Participle คือรูปแบบของกริยาช่อง 3 (V3) เช่น done, eaten, written สำหรับ Irregular Verbs หรือเติม -ed เช่น walked, played, finished สำหรับ Regular Verbs โดยมีการใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่ การใช้ใน Perfect Tenses เช่น "I have finished my homework" (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว) การใช้ใน Passive Voice เช่น "The book was written by her" (หนังสือถูกเขียนโดยเธอ) การใช้เป็นคำคุณศัพท์ขยายคำนาม เช่น "a broken window" (หน้าต่างที่แตก), "excited children" (เด็กๆ ที่ตื่นเต้น) และการใช้ในการลดรูปประโยค เช่น "Written in 1850, the novel is still popular" การแยกแยะระหว่าง Regular และ Irregular Verbs เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด
การเรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง Past Participle ที่ใช้แสดงความรู้สึกหรือสถานะที่ถูกกระทำ เช่น bored, tired, interested กับ Present Participle ที่แสดงลักษณะที่ก่อให้เกิดความรู้สึก เช่น boring, tiring, interesting ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การฝึกฝนการใช้ Past Participle ในบริบทที่หลากหลาย เช่น การเล่าเรื่องในอดีต การบรรยายสถานะของสิ่งของ การสร้างประโยค Passive Voice และการลดรูปประโยคให้กระชับขึ้นจะทำให้ผู้เรียนสามารถใช้โครงสร้างนี้ได้อย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ ทักษะการใช้ Past Participle อย่างถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบรรลุคะแนนสูงในการสอบ IELTS ทุกส่วน โดยเฉพาะในการเขียนและการพูดที่ต้องการความแม่นยำทางไวยากรณ์
การพัฒนาความเข้าใจและความชำนาญในการใช้ Past Participle ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างเป็นระบบและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง PREP English ออกแบบแผนตารางเรียน IELTS ที่เหมาะสมกับระดับและเป้าหมายของผู้เรียนแต่ละคน โดยหลักสูตร Foundation มุ่งสร้างความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับกริยา 3 ช่องและการใช้งานในบริบทต่างๆ ผ่านแบบฝึกหัดที่หลากหลาย หลักสูตร Basic และ Intermediate พัฒนาทักษะการใช้ Perfect Tenses และ Passive Voice อย่างถูกต้อง ส่วนหลักสูตร Advance เน้นการใช้โครงสร้างที่ซับซ้อน เช่น การลดรูป Adverb Clause และ Participle Phrases เพื่อทำให้การเขียนมีความกระชับและมืออาชีพมากขึ้น ระบบติดตามความก้าวหน้าแบบอัตโนมัติช่วยให้ผู้เรียนเห็นพัฒนาการของตนเอง พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญที่คอยปรับแผนการเรียนให้สอดคล้องกับจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาของแต่ละบุคคล

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
















