วิธีใช้คำนามเอกพจน์ พหูพจน์ ภาษาอังกฤษ (Singular-Plural) ให้แม่นยำ
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไม "child" ถึงกลายเป็น "children" แทนที่จะเป็น "childs" หรือทำไม "sheep" ไม่ต้องเติม -s เลยแม้จะหมายถึงแกะหลายตัว ข้อผิดพลาดในการใช้ เอกพจน์ พหูพจน์ ภาษาอังกฤษ เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในหมู่ผู้เรียนชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นการลืมเติม -s หรือการเติมผิดที่ทำให้ประโยคฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
บทความนี้จะอธิบายครบทุกกฎของ singular and plural ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง พร้อมตัวอย่างประโยคและตารางสรุปที่ช่วยให้คุณจำได้ง่าย เพื่อให้คุณใช้ คํานามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจในทุกสถานการณ์
การเข้าใจ เอกพจน์ พหูพจน์ คืออะไร ไม่ได้หมายถึงเพียงการรู้ว่าต้องเติม -s เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้าใจว่า พหูพจน์ มีอะไรบ้าง ที่แตกต่างจากกฎทั่วไป เช่น คำนามที่เปลี่ยนสระภายในคำ (man → men), คำนามที่ไม่ต้องเปลี่ยนรูป (fish → fish), หรือคำนามที่เป็นพหูพจน์อยู่แล้ว (scissors, pants) ซึ่งแต่ละกลุ่มมีกฎเฉพาะที่ต้องเรียนรู้
นอกจากนี้ การรู้ว่า เอกพจน์ พหูพจน์ มีอะไรบ้าง ยังส่งผลต่อการผันกริยาในประโยคด้วย เพราะกริยาต้องสอดคล้องกับประธานว่าเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น "The student studies" (นักเรียนคนนั้นเรียน) กับ "The students study" (นักเรียนเหล่านั้นเรียน) หากใช้ผิดจะทำให้ประโยคผิดไวยากรณ์ทันที ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยว เอกพจน์ พหูพจน์ คือ รากฐานสำคัญของการใช้ภาษาอังกฤษทั้งในการพูดและการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการสอบ IELTS, TOEIC หรือการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้กฎการเปลี่ยนรูปทั้งหมด ตั้งแต่กฎพื้นฐาน กฎตามท้ายคำ ไปจนถึงรูปพหูพจน์พิเศษที่ต้องท่องจำ พร้อมตารางสรุปและตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้จริง เพื่อให้คุณเชี่ยวชาญ เอกพจน์ และพหูพจน์อย่างสมบูรณ์
มาเริ่มต้นทำความเข้าใจกับคำนิยามและกฎพื้นฐานกันก่อนเลย
- I. เอกพจน์ (Singular) และ พหูพจน์ (Plural) คืออะไร?
- II. กฎการเติม -s ท้ายคำนามนับได้ทั่วไป
- III. กฎการเปลี่ยนรูปตามท้ายคำ
- IV. คำนามพหูพจน์ที่เปลี่ยนรูปแบบ (Irregular Plurals)
- V. เอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน (Zero Plurals)
- VI. คำนามที่เป็นพหูพจน์เสมอ (Plural-Only Nouns)
- VII. คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns): เอกพจน์ที่ไม่เคยมีพหูพจน์
- VIII. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับการใช้ Singular & Plural Nouns
I. เอกพจน์ (Singular) และ พหูพจน์ (Plural) คืออะไร?
เอกพจน์ พหูพจน์ คืออะไร เอกพจน์หมายถึงคำนามที่แสดงถึงสิ่งเดียว บุคคลเดียว หรือสัตว์ตัวเดียว เช่น book (หนังสือ), student (นักเรียน), cat (แมว) ส่วนพหูพจน์หมายถึงคำนามที่แสดงถึงสิ่งของหลายชิ้น บุคคลหลายคน หรือสัตว์หลายตัว เช่น books (หนังสือหลายเล่ม), students (นักเรียนหลายคน), cats (แมวหลายตัว)
ในภาษาอังกฤษ การแยกระหว่าง singular and plural มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสื่อสารที่ถูกต้อง เพราะรูปของคำนามจะส่งผลต่อการผันกริยาและการใช้คำกำกับอื่นๆ ในประโยคด้วย การเข้าใจ เอกพจน์ พหูพจน์ จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ไวยากรณ์อังกฤษอย่างถูกต้อง
II. กฎการเติม -s ท้ายคำนามนับได้ทั่วไป
กฎหลักที่ใช้บ่อยที่สุดคือการเติม -s ท้ายคำนาม กฎนี้ใช้กับคำนามนับได้ส่วนใหญ่ที่ไม่มีเงื่อนไขพิเศษ เช่น:
|
คำนามเอกพจน์ |
คำนามพหูพจน์ |
ความหมาย |
|
pen |
pens |
ปากกา |
|
table |
tables |
โต๊ะ |
|
computer |
computers |
คอมพิวเตอร์ |
|
friend |
friends |
เพื่อน |
|
window |
windows |
หน้าต่าง |
ตัวอย่างประโยค:
-
I have one pen. (ฉันมีปากกาหนึ่งด้าม)
-
She has three pens. (เธอมีปากกาสามด้าม)
กฎนี้ใช้ได้กับคำนามส่วนใหญ่ แต่มีข้อยกเว้นมากมายที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ซึ่งเราจะอธิบายในหัวข้อถัดไป
III. กฎการเปลี่ยนรูปตามท้ายคำ
การเปลี่ยนคำนามเป็นพหูพจน์ไม่ได้เป็นไปตามกฎเดียว ขึ้นอยู่กับตัวสะกดท้ายคำ เรามาดูกฎต่างๆ กันอย่างละเอียด
1. คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x, z ให้เติม -es
คำนามที่ลงท้ายด้วยเสียงฟู่หรือเสียงขัดแข็ง เราต้องเติม -es แทนที่จะเป็น -s เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกขึ้น
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
bus |
buses |
รถบัส |
|
glass |
glasses |
แก้ว |
|
dish |
dishes |
จาน |
|
church |
churches |
โบสถ์ |
|
box |
boxes |
กล่อง |
|
quiz |
quizzes |
แบบทดสอบ |
ตัวอย่างประโยค:
-
The bus arrives at 8 AM. (รถบัสมาถึงเวลา 8 โมงเช้า)
-
Three buses stopped at the station. (รถบัสสามคันจอดที่สถานี)
2. คำนามที่ลงท้ายด้วย y และการเปลี่ยนรูป
การเปลี่ยนรูปของคำที่ลงท้ายด้วย y ขึ้นอยู่กับตัวอักษรหน้า y ว่าเป็นพยัญชนะหรือสระ
หน้า y เป็นพยัญชนะ: เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es
เมื่อตัวอักษรหน้า y เป็นพยัญชนะ (consonant) ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
city |
cities |
เมือง |
|
baby |
babies |
ทารก |
|
story |
stories |
เรื่องราว |
|
lady |
ladies |
สุภาพสตรี |
|
country |
countries |
ประเทศ |
ตัวอย่างประโยค:
-
This city is beautiful. (เมืองนี้สวยงาม)
-
Many cities in Thailand are growing rapidly. (หลายเมืองในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว)
หน้า y เป็นสระ: เติม -s ได้เลย
เมื่อตัวอักษรหน้า y เป็นสระ (vowel: a, e, i, o, u) เราเติม -s ตามปกติโดยไม่ต้องเปลี่ยนอะไร
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
boy |
boys |
เด็กผู้ชาย |
|
day |
days |
วัน |
|
key |
keys |
กุญแจ |
|
toy |
toys |
ของเล่น |
|
monkey |
monkeys |
ลิง |
ตัวอย่างประโยค:
-
The boy plays in the park. (เด็กผู้ชายเล่นในสวนสาธารณะ)
-
Five boys are playing football. (เด็กผู้ชายห้าคนกำลังเล่นฟุตบอล)
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยนเป็น -ves
คำนามส่วนใหญ่ที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe จะเปลี่ยนเป็น -ves แต่มีข้อยกเว้นบางคำที่เติม -s ได้เลย
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
knife |
knives |
มีด |
|
wife |
wives |
ภรรยา |
|
leaf |
leaves |
ใบไม้ |
|
shelf |
shelves |
ชั้นวาง |
|
wolf |
wolves |
หมาป่า |
|
life |
lives |
ชีวิต |
ข้อยกเว้น: คำบางคำเติม -s ได้เลย เช่น roof → roofs (หลังคา), chief → chiefs (หัวหน้า), belief → beliefs (ความเชื่อ)
ตัวอย่างประโยค:
-
This knife is sharp. (มีดเล่มนี้คม)
-
All the knives need sharpening. (มีดทุกเล่มต้องการการลับ)
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย o (กฎที่มีข้อยกเว้น)
คำนามที่ลงท้ายด้วย o มีกฎที่ซับซ้อน บางคำเติม -es บางคำเติม -s และบางคำใช้ได้ทั้งสองแบบ
เติม -es: ส่วนใหญ่เป็นคำที่มีพยัญชนะหน้า o
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
potato |
potatoes |
มันฝรั่ง |
|
tomato |
tomatoes |
มะเขือเทศ |
|
hero |
heroes |
วีรบุรุษ |
|
echo |
echoes |
เสียงสะท้อน |
เติม -s: ส่วนใหญ่เป็นคำที่มีสระหน้า o หรือคำที่ยืมมาจากภาษาอื่น
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
piano |
pianos |
เปียโน |
|
photo |
photos |
รูปถ่าย |
|
radio |
radios |
วิทยุ |
|
zoo |
zoos |
สวนสัตว์ |
ตัวอย่างประโยค:
-
She bought one potato. (เธอซื้อมันฝรั่งหนึ่งหัว)
-
He needs five potatoes for the recipe. (เขาต้องการมันฝรั่งห้าหัวสำหรับสูตรอาหาร)
บทความที่แนะนำ: สรุปหลักการเติม s es แบบง่าย เข้าใจใน 5 นาที
IV. คำนามพหูพจน์ที่เปลี่ยนรูปแบบ (Irregular Plurals)
พหูพจน์ มีอะไรบ้าง ที่ไม่เป็นไปตามกฎทั่วไป กลุ่มนี้เป็นคำที่มีรูปพหูพจน์พิเศษซึ่งต้องท่องจำ
1. การเปลี่ยนรูปสระภายในคำ (Vowel Change)
คำนามบางคำเปลี่ยนสระภายในเพื่อสร้างรูปพหูพจน์ โดยไม่เติมอะไรท้ายคำเลย
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
man |
men |
ผู้ชาย |
|
woman |
women |
ผู้หญิง |
|
foot |
feet |
เท้า |
|
tooth |
teeth |
ฟัน |
|
mouse |
mice |
หนู |
|
goose |
geese |
ห่าน |
ตัวอย่างประโยค:
-
The man is waiting outside. (ผู้ชายคนนั้นกำลังรออยู่ข้างนอก)
-
Three men came to the office today. (ผู้ชายสามคนมาที่ออฟฟิศวันนี้)
บทความที่แนะนำ: Irregular Verbs คืออะไร รวมตัวอย่างคำกริยา 3 ช่องที่ต้องรู้
2. การเปลี่ยนรูปไปอย่างสิ้นเชิง
บางคำมีรูปพหูพจน์ที่แตกต่างจากเอกพจน์อย่างสิ้นเชิง
|
เอกพจน์ |
พหูพจน์ |
ความหมาย |
|
child |
children |
เด็ก |
|
person |
people |
คน |
|
ox |
oxen |
วัวผู้ |
ตัวอย่างประโยค:
-
A child is playing in the garden. (เด็กคนหนึ่งกำลังเล่นในสวน)
-
Many children are playing together. (เด็กหลายคนกำลังเล่นด้วยกัน)
V. เอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน (Zero Plurals)
คำนามบางคำมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกันทุกประการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ เอกพจน์ พหูพจน์ มีอะไรบ้าง ที่น่าสนใจ คำเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชื่อสัตว์บางชนิด
|
คำนาม |
รูปเดียวกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ |
ความหมาย |
|
sheep |
sheep |
แกะ |
|
fish |
fish |
ปลา |
|
deer |
deer |
กวาง |
|
aircraft |
aircraft |
อากาศยาน |
|
series |
series |
ชุด/ซีรีส์ |
|
species |
species |
สายพันธุ์ |
ตัวอย่างประโยค:
-
One sheep is grazing. (แกะตัวหนึ่งกำลังกินหญ้า)
-
Ten sheep are grazing in the field. (แกะสิบตัวกำลังกินหญ้าในทุ่ง)
วิธีแยกว่าเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์คือการดูจากคำกำกับหน้าคำนามและกริยาที่ใช้ในประโยค
VI. คำนามที่เป็นพหูพจน์เสมอ (Plural-Only Nouns)
คำนามบางกลุ่มมีรูปเป็นพหูพจน์อยู่แล้วและใช้กับกริยาพหูพจน์เท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่มีสองส่วนคู่กัน
ตัวอย่าง:
-
scissors (กรรไกร): The scissors are on the table. (กรรไกรอยู่บนโต๊ะ)
-
pants/trousers (กางเกง): These pants are too tight. (กางเกงตัวนี้แน่นเกินไป)
-
glasses/spectacles (แว่นตา): My glasses need cleaning. (แว่นของฉันต้องการการทำความสะอาด)
-
jeans (ยีนส์): Her jeans look new. (ยีนส์ของเธอดูใหม่)
หากต้องการบอกจำนวน เราใช้ a pair of (หนึ่งคู่/ชิ้น) เช่น:
-
I need a pair of scissors. (ฉันต้องการกรรไกรหนึ่งอัน)
-
She bought two pairs of jeans. (เธอซื้อยีนส์สองตัว)
VII. คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns): เอกพจน์ที่ไม่เคยมีพหูพจน์
คํานามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ ไม่ได้ครอบคลุมคำนามทุกประเภท เพราะยังมีคำนามนับไม่ได้ที่ไม่มีรูปพหูพจน์เลย คำนามนับไม่ได้แสดงถึงสิ่งที่ไม่สามารถนับเป็นหน่วยได้ เช่น สารต่างๆ แนวคิดนามธรรม หรือกิจกรรม
|
คำนามนับไม่ได้ |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
|
water |
น้ำ |
Water is essential for life. (น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต) |
|
information |
ข้อมูล |
This information is helpful. (ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์) |
|
furniture |
เฟอร์นิเจอร์ |
The furniture looks expensive. (เฟอร์นิเจอร์ดูแพง) |
|
advice |
คำแนะนำ |
His advice was useful. (คำแนะนำของเขามีประโยชน์) |
|
homework |
การบ้าน |
I have a lot of homework. (ฉันมีการบ้านเยอะ) |
หมายเหตุสำคัญ: คำนามนับไม่ได้ใช้กับกริยาเอกพจน์เสมอและไม่สามารถเติม -s ได้ หากต้องการบอกจำนวน ต้องใช้หน่วยนับ เช่น a glass of water (น้ำหนึ่งแก้ว), a piece of furniture (เฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้น)
บทความที่แนะนำ:
ความแตกต่างระหว่าง Countable and Uncountable Nouns
Abstract Nouns คืออะไร? ต่างจากคำนามทั่วไปยังไง
รู้จัก Noun Suffixes เติมคำให้กลายเป็นคำนามได้ง่าย
VIII. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับการใช้ Singular & Plural Nouns
1. นอกจากบอกจำนวนแล้ว เอกพจน์-พหูพจน์ มีความสำคัญอย่างไรในประโยค?
เอกพจน์ พหูพจน์ มีความสำคัญมากกว่าการบอกจำนวน เพราะส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้างไวยากรณ์ทั้งประโยค การใช้รูปคำนามที่ถูกต้องจะกำหนดว่ากริยาต้องผันอย่างไร คำกำกับหน้าคำนาม (articles) ต้องใช้ a/an หรือ the และคำสรรพนามที่ตามมาต้องเป็น it, he, she หรือ they รูปคำนามที่ผิดจะทำให้ประโยคทั้งหมดผิดไวยากรณ์และฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น หากเราพูดว่า The students is studying (ผิด) แทน The students are studying (ถูก) ผู้ฟังจะสังเกตได้ทันทีว่าไวยากรณ์ไม่ถูกต้อง ดังนั้นการเข้าใจเรื่อง singular and plural จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง
2. คำว่า fishes สามารถใช้ได้หรือไม่ ทั้งที่ปกติรูปพหูพจน์ของ fish คือ fish?
ใช่ fishes เป็นคำที่ถูกต้องและใช้ได้ แต่มีความหมายเฉพาะเจาะจง โดยปกติ fish เป็นทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น one fish (ปลาหนึ่งตัว) หรือ ten fish (ปลาสิบตัว) แต่เมื่อเราใช้ fishes จะหมายถึงปลาหลายสายพันธุ์หรือหลายชนิด มักใช้ในบริบททางวิทยาศาสตร์หรือการพูดถึงความหลากหลายทางชีววิทยา ตัวอย่างเช่น There are many different fishes in this lake (มีปลาหลายชนิดที่แตกต่างกันในทะเลสาบนี้) หมายถึงปลาหลายสายพันธุ์ ไม่ใช่แค่จำนวนมาก ส่วนในการพูดทั่วไปเราใช้ fish เป็นพหูพจน์ได้เลย เช่น I caught five fish today (ฉันจับปลาได้ห้าตัววันนี้)
3. คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns) ที่คนไทยมักใช้ผิดเป็นพหูพจน์มีอะไรบ้าง?
คนไทยมักใช้คำนามนับไม่ได้เป็นพหูพจน์ผิดๆ บ่อยครั้ง คำที่พบบ่อยได้แก่ information (ไม่มี informations), advice (ไม่มี advices), furniture (ไม่มี furnitures), homework (ไม่มี homeworks), luggage (ไม่มี luggages), equipment (ไม่มี equipments), news (ไม่มี newses), progress (ไม่มี progresses), research (ไม่มี researches), และ knowledge (ไม่มี knowledges) คำเหล่านี้เป็นคำนามนับไม่ได้ที่ใช้กับกริยาเอกพจน์เสมอ หากต้องการบอกจำนวนต้องใช้หน่วยนับ เช่น a piece of advice (คำแนะนำหนึ่งข้อ), two pieces of furniture (เฟอร์นิเจอร์สองชิ้น), หรือ some information (ข้อมูลบางส่วน) การจำคำเหล่านี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยได้
4. การบอกพหูพจน์ในภาษาอังกฤษแตกต่างจากการใช้ลักษณนามในภาษาไทยอย่างไร?
ภาษาอังกฤษและภาษาไทยมีระบบบอกจำนวนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ภาษาอังกฤษใช้วิธีเปลี่ยนรูปคำนามเองให้เป็นพหูพจน์โดยการเติม -s หรือเปลี่ยนรูปคำ ในขณะที่ภาษาไทยไม่เปลี่ยนรูปคำนามเลย แต่ใช้ลักษณนาม (classifiers) มาช่วยบอกจำนวน เช่น หนังสือหนึ่งเล่ม สองเล่ม สามเล่ม คำว่า หนังสือ ไม่เปลี่ยนรูป แต่ใช้ เล่ม เป็นลักษณนาม ส่วนภาษาอังกฤษจะเป็น one book, two books, three books ซึ่งคำว่า book เปลี่ยนเป็น books นอกจากนี้ภาษาอังกฤษมีกริยาที่ต้องผันตามประธานว่าเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ด้วย ในขณะที่ภาษาไทยไม่มีการผันกริยาแบบนี้ ความแตกต่างนี้ทำให้คนไทยบางครั้งลืมเปลี่ยนรูปคำนามหรือผันกริยาเมื่อพูดภาษาอังกฤษ
การเข้าใจและใช้ เอกพจน์ พหูพจน์ ภาษาอังกฤษ อย่างถูกต้องเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญยิ่งสำหรับการสื่อสารภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพ แม้ว่ากฎการเปลี่ยนรูปจะมีมากมายและมีข้อยกเว้นที่ต้องจำ แต่เมื่อคุณเข้าใจหลักการแล้ว การใช้งานจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ จากกฎพื้นฐานของการเติม -s ไปจนถึงรูปพหูพจน์พิเศษที่ไม่เป็นไปตามกฎ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณจดจำและใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่าลืมว่าการผันกริยาตามประธานก็เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยงกับการใช้เอกพจน์-พหูพจน์ด้วย ยิ่งคุณใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้มากเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษของคุณก็จะฟังดูถูกต้องและเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเพื่อเตรียมตัวสอบ IELTS PREP English มีหลักสูตรที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจไวยากรณ์ขั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง พร้อมระบบการเรียนรู้ที่ปรับให้เหมาะกับระดับของคุณ คอร์ส IELTS ของ PREP ครอบคลุมทุกทักษะทั้ง Listening Reading Writing และ Speaking พร้อม AI ที่คอยตรวจและให้ feedback แบบเรียลไทม์ เพื่อให้คุณพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นเส้นทางสู่คะแนน IELTS ที่คุณต้องการกับ PREP วันนี้

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
















