ค้นหาบทความการศึกษา
เข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS เพื่อการเตรียมตัวที่มีประสิทธิภาพ
การเตรียมตัวสอบ IELTS อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อผู้สอบหลายคนมักจะเตรียมตัวแบบงมเงยาโดยไม่เข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS อย่างแท้จริง ผลที่ตามมาคือการใช้เวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ ขณะที่คะแนนที่ได้ยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย
ความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS อย่างถ่องแท้เป็นรากฐานสำคัญของการเตรียมตัว ielts ที่ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณทราบว่า IELTS test ประเมินอะไรบ้างในแต่ละส่วน
IELTS คือการทดสอบภาษาอังกฤษที่ครอบคลุม 4 ทักษะหลัก ได้แก่ IELTS listening, IELTS reading, IELTS writing และ IELTS speaking โดยแต่ละทักษะมีรูปแบบและเกณฑ์การประเมินที่เฉพาะเจาะจง การทำความเข้าใจข้อสอบ IELTS คืออะไร และ IELTS มี กี่ พาร์ ทจะช่วยให้คุณวางแผนการเรียนได้อย่างมีทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกระหว่าง IELTS academic test format หรือ General Training ก็ตาม
การสอบ ieltsแต่ละครั้งมีระยะเวลาและข้อกำหนดที่แน่นอน หากคุณเข้าใจโครงสร้างแล้ว คุณจะสามารถจัดสรรเวลาการฝึกฝนได้อย่างเหมาะสม เน้นไปที่จุดอ่อนของตนเอง และใช้กลยุทธ์เฉพาะที่จะช่วยเพิ่มคะแนนในแต่ละส่วน นอกจากนี้ ความเข้าใจในระบบการให้คะแนน Band Score ยังช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายที่สมจริงและวัดผลการเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกรายละเอียดของโครงสร้างข้อสอบ IELTS พร้อมกลยุทธ์การเตรียมตัวที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งไว้ได้อย่างมั่นใจ มาเริ่มต้นการเดินทางสู่ความสำเร็จในการสอบ IELTS กันเลย

I. เจาะลึกโครงสร้างข้อสอบ IELTS
1. IELTS คืออะไร?
IELTS คือ International English Language Testing System ซึ่งเป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับระดับสากล การสอบนี้พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง British Council, IDP: IELTS Australia และ Cambridge Assessment English ตั้งแต่ปี 1989
ข้อสอบ IELTS คือ เครื่องมือวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ผลคะแนนจากการสอบ ieltsได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ และองค์กรต่างๆ ในกว่า 140 ประเทศ ทำให้เป็นประตูสู่โอกาสในการศึกษาต่อ การทำงาน และการย้ายถิ่นฐานในต่างประเทศ
2. ภาพรวมโครงสร้างข้อสอบ IELTS
การสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ Academic และ General Training โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่าจะเลือกสอบแบบ Academic ขณะที่ผู้ที่ต้องการไปทำงานหรือย้ายถิ่นฐานจะเลือกแบบ General Training
IELTS test มีให้เลือกทั้งแบบ Paper-based และ Computer-delivered โดยทั้งสองแบบให้ผลคะแนนที่เทียบเท่ากัน แต่การสอบแบบคอมพิวเตอร์จะได้ผลเร็วกว่า (13 วันเทียบกับ 13 วัน)
ประเภทการสอบ |
Academic |
General Training |
วัตถุประสงค์ |
ศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา |
ทำงาน/อพยพ |
Reading |
บทความวิชาการ |
ข้อความในชีวิตประจำวัน |
Writing Task 1 |
อธิบายกราฟ/ตาราง |
เขียนจดหมาย |
IELTS มี กี่ พาร์ ท? การ IELTS test ประกอบด้วย 4 ทักษะหลัก คือ Listening (30 นาที), Reading (60 นาที), Writing (60 นาที) และ Speaking (11-14 นาที) รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาทีถึง 3 ชั่วโมง
II. เจาะลึกโครงสร้างข้อสอบ IELTS ทีละพาร์ท
1. ทักษะการฟัง (IELTS Listening)
IELTS listening เป็นส่วนแรกของการสอบที่ใช้เวลา 30 นาที ประกอบด้วย 4 ส่วนย่อยและมีคำถามทั้งหมด 40 ข้อ แต่ละส่วนจะเล่นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้ผู้สอบต้องตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มต้น
Section |
สถานการณ์ |
จำนวนผู้พูด |
ประเภทคำถาม |
1 |
สนทนาในชีวิตประจำวัน |
2 คน |
Form filling, Note completion |
2 |
การบรรยายเดี่ยว |
1 คน |
Multiple choice, Matching |
3 |
สนทนาวิชาการ |
2-4 คน |
Flow-chart completion |
4 |
การบรรยายวิชาการ |
1 คน |
Summary completion |
ประเภทคำถามที่พบบ่อยในโครงสร้างข้อสอบ IELTSส่วนฟัง ได้แก่ การกรอกแบบฟอร์ม การเติมคำในตาราง Multiple choice การจับคู่ข้อมูล และการติดป้ายแผนที่หรือแผนผัง กลยุทธ์สำคัญคือการอ่านคำถามล่วงหน้าและทำนายคำตอบที่เป็นไปได้

2. ทักษะการอ่าน (IELTS Reading)
IELTS readingใช้เวลา 60 นาทีและมีคำถาม 40 ข้อ แบ่งออกเป็น 3 บทความ โดยแต่ละบทความจะมีความยาวประมาณ 750-900 คำ IELTS Academic test formatจะใช้บทความจากวารสารวิชาการ หนังสือเรียน และสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ
ประเภทคำถาม |
วิธีทำ |
เคล็ดลับ |
เปรียบเทียบข้อความ |
อ่านอย่างละเอียด |
|
เลือกคำตอบที่ถูกต้อง |
กำจัดตัวเลือกที่ผิด |
|
จับคู่หัวข้อกับย่อหน้า |
หาใจความสำคัญ |
|
Summary Completion |
เติมคำลงในบทสรุป |
ใช้ Skimming และ Scanning |
แหล่งข้อมูลของบทความมาจากสื่อต่างๆ เช่น The Economist, National Geographic และ Scientific American ระดับความซับซ้อนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากบทความที่ 1 ไปยังบทความที่ 3
3. ทักษะการเขียน (IELTS Writing)
IELTS writingแบ่งออกเป็น 2 Task ใช้เวลารวม 60 นาที โดย Task 1 ใช้เวลา 20 นาที (150 คำ) และ Task 2 ใช้เวลา 40 นาที (250 คำ) คะแนนของ Task 2 มีน้ำหนักมากกว่า Task 1 ในอัตราส่วน 2:1
Task 1: การวิเคราะห์และบรรยายข้อมูล
Academic: อธิบายกราฟ แผนภูมิ ตาราง แผนที่ หรือแผนผัง General Training: เขียนจดหมายในสถานการณ์ต่างๆ (เป็นทางการ กึ่งทางการ หรือไม่เป็นทางการ)
Task 2: การเขียนเรียงความแสดงความคิดเห็น
ทั้งสองประเภทจะมีรูปแบบเรียงความเดียวกัน แบ่งเป็น Argumentative essay, Discussion essay, Problem-solution essay และ Two-part questions
เกณฑ์การให้คะแนน |
คำอธิบาย |
น้ำหนัก |
Task Achievement/Response |
ตอบโจทย์ครบถ้วน |
25% |
Coherence and Cohesion |
ความเชื่อมโยงของเนื้อหา |
25% |
Lexical Resource |
การใช้คำศัพท์ |
25% |
Grammatical Range and Accuracy |
ไวยากรณ์และความถูกต้อง |
25% |

4. ทักษะการพูด (IELTS Speaking)
IELTS speakingเป็นการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับผู้ตรวจสอบ ใช้เวลา 11-14 นาที แบ่งออกเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนมีวัตถุประสงค์และรูปแบบการทดสอบที่แตกต่างกัน
Part |
เวลา |
เนื้อหา |
เป้าหมาย |
1 |
4-5 นาที |
แนะนำตัว คำถามทั่วไป |
ความคุ้นเคยกับการพูด |
2 |
3-4 นาทีรวมเตรียมตัว |
พูดตามหัวข้อที่กำหนด |
ความสามารถในการพูดต่อเนื่อง |
3 |
4-5 นาที |
สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น |
การวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น |
เกณฑ์การให้คะแนนประกอบด้วย Fluency and Coherence (ความคล่องแคล่วและความเชื่อมโยง) Lexical Resource (คำศัพท์) Grammatical Range and Accuracy (ไวยากรณ์) และ Pronunciation (การออกเสียง) แต่ละด้านมีน้ำหนักเท่ากันที่ 25%
III. ระบบการคิดคะแนน IELTS
โครงสร้างข้อสอบ IELTSใช้ระบบ Band Score ตั้งแต่ 0-9 โดยคะแนนแต่ละทักษะจะคำนวณแยกต่างหาก จากนั้นนำมาหาค่าเฉลี่ยเป็น Overall Band Score ระบบการให้คะแนนจะปัดขึ้นหรือปัดลงไปยังคะแนนครึ่งหน่วยที่ใกล้ที่สุด
Band Score |
ระดับความสามารถ |
คำอธิบาย |
9 |
Expert User |
ใช้ภาษาได้อย่างเชี่ยวชาญ |
8 |
Very Good User |
ใช้ภาษาได้ดีมาก มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย |
7 |
Good User |
ใช้ภาษาได้ดี มีข้อผิดพลาดบ้างในบางสถานการณ์ |
6 |
Competent User |
ใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยทั่วไป |
5 |
Modest User** |
ใช้ภาษาได้บางส่วน เข้าใจความหมายโดยรวม |

ตัวอย่างการคำนวณ: หากคุณได้คะแนน Listening 6.5, Reading 6.0, Writing 6.0, Speaking 7.0 คะแนนรวมจะเป็น (6.5+6.0+6.0+7.0)/4 = 6.375 ซึ่งจะปัดขึ้นเป็น 6.5
IV. กลยุทธ์การเตรียมตัวสอบ IELTS จากความเข้าใจในโครงสร้าง
1. การวางแผนการเรียนและตั้งเป้าหมายคะแนน
การเตรียมตัว IELTS ที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการประเมินระดับปัจจุบันของตนเองอย่างตรงไปตรงมา คุณสามารถทำ Diagnostic Test หรือ Mock Test เพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อนในแต่ละทักษะ จากนั้นกำหนดเป้าหมายคะแนนที่สมเหตุสมผลตามความต้องการของสถาบันหรือองค์กรที่คุณสมัคร
ระดับเริ่มต้น |
เป้าหมาย |
ระยะเวลาแนะนำ |
ชั่วโมงต่อวัน |
Band 4.0-4.5 |
Band 6.0 |
6-9 เดือน |
2-3 ชั่วโมง |
Band 5.0-5.5 |
Band 6.5 |
4-6 เดือน |
1.5-2 ชั่วโมง |
Band 6.0 |
Band 7.0 |
3-4 เดือน |
1-2 ชั่วโมง |
Band 6.5 |
Band 8.0 |
4-6 เดือน |
2-3 ชั่วโมง |
การแบ่งเวลาการเรียนควรเป็นดังนี้: 30% สำหรับทักษะที่อ่อนแอที่สุด 25% สำหรับ IELTS writingและ IELTS speaking 25% สำหรับ IELTS readingและ IELTS listening และ 20% สำหรับการทบทวนไวยากรณ์และคำศัพท์
2. การฝึกฝนจากข้อสอบเก่าและแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับการเตรียมตัว ieltsมีหลายประเภท คุณควรใช้ข้อสอบจริงจาก Cambridge IELTS Books เป็นหลัก เนื่องจากเป็นแหล่งที่มาจากผู้จัดสอบโดยตรง นอกจากนี้ยังมี IELTS Trainer, IELTS Result และ Official IELTS Practice Materials
การฝึกฝนควรทำแบบ Progressive Training โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ ieltsในแต่ละส่วน จากนั้นฝึกทักษะเฉพาะทาง และสุดท้ายทำ Full-length Mock Tests การทำ Mock Test ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งในช่วง 1 เดือนสุดท้ายก่อนสอบจริง
3. การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่จำเป็น
3.1 ไวยากรณ์กับ IELTS: จุดสำคัญที่ต้องแม่นยำ
Tenses (กาล) เป็นพื้นฐานสำคัญที่ต้องเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะ Present Perfect, Past Perfect และ Future Continuous ที่มักปรากฏในการสอบ การใช้ Present Perfect ในการพูดถึงประสบการณ์ในชีวิต (Part 1 Speaking) และการใช้ Past tenses ในการเล่าเรื่องราว (Part 2 Speaking) เป็นสิ่งจำเป็น
Subject-Verb Agreement มีความสำคัญอย่างยิ่งในielts writing โดยเฉพาะเมื่อมี Collective Nouns (team, government, family) หรือ Indefinite Pronouns (everyone, nobody, each) การใช้ Articles (a, an, the) ต้องเรียนรู้กฎการใช้กับ Countable/Uncountable Nouns และ Specific/General References
โครงสร้างไวยากรณ์ |
ใช้ใน IELTS |
ตัวอย่าง |
Writing Task 2 |
"Although technology has benefits, it also creates challenges." |
|
Academic Writing |
"The research was conducted by scientists." |
|
Conditionals |
Speaking Part 3 |
"If governments invested more, we would see improvements." |
ทุกส่วน |
"Students who study abroad often gain valuable experience." |
3.2 คลังคำศัพท์: เรียนรู้และนำไปใช้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาคำศัพท์สำหรับielts testควรมุ่งเน้นที่ Academic Word List (AWL) ซึ่งประกอบด้วยคำศัพท์ 570 คำที่พบบ่อยในบทความวิชาการ คำศัพท์เหล่านี้จะช่วยในการทำielts readingและielts writingอย่างมาก
Paraphrasing Techniques เป็นทักษะสำคัญที่ต้องฝึกฝน เทคนิคหลัก ได้แก่:
-
การเปลี่ยนคำเป็น Synonyms (important → significant, crucial, vital)
-
การเปลี่ยน Word Forms (globalization → the process of globalizing)
-
การเปลี่ยนโครงสร้างประโยค (Active to Passive voice)
-
การใช้ Relative Clauses แทนการต่อประโยค
Collocations ช่วยทำให้การใช้ภาษาเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น "make a decision" แทน "do a decision" หรือ "conduct research" แทน "make research" การเรียนรู้ Collocations จะช่วยเพิ่มคะแนน Lexical Resource อย่างเห็นได้ชัด
3.3 การพัฒนาทักษะเฉพาะแต่ละส่วน
สำหรับ IELTS Listening:
-
ฝึกการจดบันทึกแบบ Keyword Noting โดยจดเฉพาะคำสำคัญ
-
ใช้เทคนิค Prediction คือการทายคำตอบล่วงหน้าจากบริบท
-
ฝึกฟัง Various Accents (British, Australian, American, Canadian)
-
ทำความคุ้นเคยกับ Signal Words (however, moreover, in addition)
สำหรับ IELTS Reading:
-
เรียนรู้เทคนิค Skimming (อ่านหาใจความหลัก) ใน 2-3 นาที
-
ฝึก Scanning (ค้นหาข้อมูลเฉพาะ) อย่างรวดเร็ว
-
ทำความเข้าใจ Question Types และเทคนิคเฉพาะของแต่ละแบบ
-
ฝึกการจัดการเวลา: 20 นาทีต่อ 1 บทความ
สำหรับ IELTS Writing:
-
ศึกษา Task 1 Templates สำหรับการบรรยายกราฟแต่ละประเภท
-
เรียนรู้โครงสร้าง Essay แบบ 4-5 ย่อหน้าสำหรับ Task 2
-
ฝึกการใช้ Linking Words อย่างเหมาะสม
-
พัฒนาทักษะการ Brainstorming และ Planning ภายใน 5 นาที
สำหรับ IELTS Speaking:
-
ฝึกการขยายคำตอบด้วย PREP Method (Point, Reason, Example, Point)
-
เรียนรู้ Functional Language สำหรับแต่ละสถานการณ์
-
ฝึกการใช้ Fillers อย่างเหมาะสม (Well, You know, I mean)
-
พัฒนา Pronunciation โดยเน้น Word Stress และ Intonation
4. การจำลองการสอบและการประเมินตนเอง
การทำ Mock Tests ควรมีแผนการดำเนินการที่ชัดเจน เริ่มต้นด้วยการทำ Section-by-section Tests ในช่วงแรก จากนั้นค่อยๆ เพิ่มเป็น Full-length Tests การจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนการสอบจริงมีความสำคัญมาก รวมถึงการใช้เครื่องเขียน การจับเวลา และการไม่หยุดพักกลางคัน
สัปดาห์ที่ |
ประเภทการฝึก |
ความถี่ |
จุดมุ่งเน้น |
1-4 |
Section Practice |
ทุกวัน |
ทำความเข้าใจรูปแบบ |
5-8 |
Combined Sections |
3 ครั้ง/สัปดาห์ |
เชื่อมต่อทักษะ |
9-12 |
Full Mock Tests |
2 ครั้ง/สัปดาห์ |
บริหารเวลาและความเครียด |
13-16 |
Final Practice |
1 ครั้ง/สัปดาห์ |
Confidence Building |
การประเมินตนเองหลังทำ Mock Test ควรมีการวิเคราะห์อย่างละเอียด บันทึกประเภทข้อผิดพลาด สาเหตุที่ทำผิด และวางแผนการแก้ไข การใช้ IELTS Band Descriptors ในการประเมินคะแนน Writing และ Speaking จะช่วยให้เข้าใจจุดที่ต้องปรับปรุง
สุดท้าย การเตรียมตัวที่ดีคือการรักษาสมดุลระหว่างการฝึกฝนทักษะเฉพาะและการพัฒนาความสามารถภาษาอังกฤษโดยรวม ความเข้าใจในโครงสร้างข้อสอบ ieltsจะช่วยให้คุณเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมและใช้เวลาการเตรียมตัวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
V. ข้อมูลเสริมและคำถามที่พบบ่อย
1. การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ให้ผลเร็วกว่าแบบกระดาษจริงหรือไม่?
ใช่ การสอบแบบ Computer-delivered ได้ผลภายใน 3-5 วันทำการ ขณะที่แบบ Paper-based ใช้เวลา 13 วัน คุณภาพคะแนนเท่าเทียมกัน การเลือกรูปแบบขึ้นอยู่กับความถนัดส่วนบุคคล หากคุ้นเคยกับการพิมพ์คีย์บอร์ดควรเลือกแบบคอมพิวเตอร์ หากชอบเขียนด้วยลายมือและทำเครื่องหมายในข้อสอบควรเลือกแบบกระดาษ
ประเภทการสอบ |
เวลาได้ผล |
ข้อดี |
Computer-delivered |
3-5 วัน |
พิมพ์ง่าย นับคำอัตโนมัติ |
Paper-based |
13 วัน |
เขียนด้วยมือ ทำเครื่องหมายได้ |
2. "Not Given" ในข้อสอบ Reading แตกต่างจาก "False" อย่างไร?
"False" หมายถึงข้อความขัดแย้งกับเนื้อหาในบทความอย่างชัดเจน มีหลักฐานโต้แย้งได้โดยตรง ส่วน "Not Given" คือไม่มีข้อมูลใดๆ ในบทความที่จะยืนยันหรือปฏิเสธข้อความในข้อสอบ
ตัวอย่าง: บทความระบุ "การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด" หากข้อสอบถามว่า "การออกกำลังกายเพิ่มความเครียด" คำตอบคือ "False" แต่หากถามว่า "การออกกำลังกายควรทำทุกวัน" ซึ่งบทความไม่ได้กล่าวถึงความถี่ คำตอบจะเป็น "Not Given"
3. ทักษะย่อยสำคัญสำหรับ Writing Task 1 Academic และ General Training
Academic Task 1 เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลข ต้องใช้ทักษะการอ่านกราฟ การเปรียบเทียบข้อมูล การระบุแนวโน้ม และการใช้ภาษาทางการ General Training Task 1 เน้นการเขียนจดหมาย ต้องใช้ทักษะการระบุวัตถุประสงค์ การเลือกภาษาที่เหมาะสมกับผู้รับ และการจัดโครงสร้างจดหมาย
Academic Task 1 |
General Training Task 1 |
วิเคราะห์กราฟ/ตาราง |
เขียนจดหมายตามสถานการณ์ |
ใช้ภาษาเป็นทางการ |
เลือกระดับความเป็นทางการ |
บรรยายแนวโน้มข้อมูล |
สื่อสารตามวัตถุประสงค์ |
4. การสมดุลระหว่าง Fluency และ Accuracy ใน Speaking
สำหรับเป้าหมาย Band 6.0 ลงมา ควรเน้น Fluency ก่อน เพราะการพูดติดขัดกระทบคะแนนมากกว่าข้อผิดพลาดเล็กน้อย สำหรับ Band 7.0 ขึ้นไป ต้องสมดุลทั้งสองด้าน โดยฝึก Self-correction และใช้ Paraphrasing เมื่อลืมคำศัพท์ การฝึกควรเริ่มจากสร้างความมั่นใจในการพูด จากนั้นค่อยเพิ่มความซับซ้อนของไวยากรณ์และคำศัพท์
ความเข้าใจในโครงสร้างข้อสอบ IELTSอย่างลึกซึ้งเป็นรากฐานสำคัญของการเตรียมตัวที่มีประสิทธิภาพ เมื่อคุณทราบแล้วว่าแต่ละส่วนทดสอบอะไร ใช้เวลาเท่าไร และมีเกณฑ์การให้คะแนนอย่างไร คุณจะสามารถวางแผนการเรียนและเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแบบองค์รวมควบคู่กับการฝึกเทคนิคการสอบจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จำไว้ว่าการสอบ ielts ไม่ใช่เพียงการทดสอบความรู้ แต่เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง การเตรียมตัวอย่างสม่ำเสมอและมีแผนจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน
เรียน IELTS ที่บ้านด้วย AI พิเศษจาก PREP! สมัครคอร์ส IELTS ออนไลน์วันนี้เพื่อรับแผนการเรียนที่มีประสิทธิภาพ การตรวจการบ้านอย่างละเอียด และการฝึกฝนอย่างชาญฉลาด นอกจากนี้คุณยังจะได้รับความช่วยเหลือจาก Teacher Bee AI เพื่อนร่วมเรียนรู้ที่คอยให้คำแนะนำตลอดการเรียน
โทร HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อไม่พลาดโอกาสนี้!
ดาวน์โหลดแอป PREP เพื่อเริ่มเรียน IELTS ที่บ้าน พร้อมโปรแกรมฝึกสอบออนไลน์คุณภาพสูงที่จะช่วยให้คุณพัฒนาได้เร็วขึ้น

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดค้นหาบทความการศึกษา
แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
