ค้นหาบทความการศึกษา

เข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS เพื่อการเตรียมตัวที่มีประสิทธิภาพ

การเตรียมตัวสอบ IELTS อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อผู้สอบหลายคนมักจะเตรียมตัวแบบงมเงยาโดยไม่เข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS อย่างแท้จริง ผลที่ตามมาคือการใช้เวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ ขณะที่คะแนนที่ได้ยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย

ความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS อย่างถ่องแท้เป็นรากฐานสำคัญของการเตรียมตัว ielts ที่ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณทราบว่า IELTS test ประเมินอะไรบ้างในแต่ละส่วน

IELTS คือการทดสอบภาษาอังกฤษที่ครอบคลุม 4 ทักษะหลัก ได้แก่ IELTS listening, IELTS reading, IELTS writing และ IELTS speaking โดยแต่ละทักษะมีรูปแบบและเกณฑ์การประเมินที่เฉพาะเจาะจง การทำความเข้าใจข้อสอบ IELTS คืออะไร และ IELTS มี กี่ พาร์ ทจะช่วยให้คุณวางแผนการเรียนได้อย่างมีทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกระหว่าง IELTS academic test format หรือ General Training ก็ตาม

การสอบ ieltsแต่ละครั้งมีระยะเวลาและข้อกำหนดที่แน่นอน หากคุณเข้าใจโครงสร้างแล้ว คุณจะสามารถจัดสรรเวลาการฝึกฝนได้อย่างเหมาะสม เน้นไปที่จุดอ่อนของตนเอง และใช้กลยุทธ์เฉพาะที่จะช่วยเพิ่มคะแนนในแต่ละส่วน นอกจากนี้ ความเข้าใจในระบบการให้คะแนน Band Score ยังช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายที่สมจริงและวัดผลการเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกรายละเอียดของโครงสร้างข้อสอบ IELTS พร้อมกลยุทธ์การเตรียมตัวที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งไว้ได้อย่างมั่นใจ มาเริ่มต้นการเดินทางสู่ความสำเร็จในการสอบ IELTS กันเลย

โครงสร้างข้อสอบ IELTS - เจาะลึกทุกส่วนเพื่อเตรียมตัว IELTS ให้พร้อม
โครงสร้างข้อสอบ IELTS - เจาะลึกทุกส่วนเพื่อเตรียมตัว IELTS ให้พร้อม
  1. I. เจาะลึกโครงสร้างข้อสอบ IELTS
    1. 1. IELTS คืออะไร? 
    2. 2. ภาพรวมโครงสร้างข้อสอบ IELTS
  2. II. เจาะลึกโครงสร้างข้อสอบ IELTS ทีละพาร์ท
    1. 1. ทักษะการฟัง (IELTS Listening)
    2. 2. ทักษะการอ่าน (IELTS Reading)
    3. 3. ทักษะการเขียน (IELTS Writing)
    4. 4. ทักษะการพูด (IELTS Speaking)
  3. III. ระบบการคิดคะแนน IELTS
  4. IV. กลยุทธ์การเตรียมตัวสอบ IELTS จากความเข้าใจในโครงสร้าง
    1. 1. การวางแผนการเรียนและตั้งเป้าหมายคะแนน
    2. 2. การฝึกฝนจากข้อสอบเก่าและแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
    3. 3. การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่จำเป็น
    4. 4. การจำลองการสอบและการประเมินตนเอง
  5. V. ข้อมูลเสริมและคำถามที่พบบ่อย
    1. 1. การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ให้ผลเร็วกว่าแบบกระดาษจริงหรือไม่?
    2. 2. "Not Given" ในข้อสอบ Reading แตกต่างจาก "False" อย่างไร?
    3. 3. ทักษะย่อยสำคัญสำหรับ Writing Task 1 Academic และ General Training
    4. 4. การสมดุลระหว่าง Fluency และ Accuracy ใน Speaking

I. เจาะลึกโครงสร้างข้อสอบ IELTS

1. IELTS คืออะไร? 

IELTS คือ International English Language Testing System ซึ่งเป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับระดับสากล การสอบนี้พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง British Council, IDP: IELTS Australia และ Cambridge Assessment English ตั้งแต่ปี 1989

ข้อสอบ IELTS คือ เครื่องมือวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ผลคะแนนจากการสอบ ieltsได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ และองค์กรต่างๆ ในกว่า 140 ประเทศ ทำให้เป็นประตูสู่โอกาสในการศึกษาต่อ การทำงาน และการย้ายถิ่นฐานในต่างประเทศ

2. ภาพรวมโครงสร้างข้อสอบ IELTS

การสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ Academic และ General Training โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่าจะเลือกสอบแบบ Academic ขณะที่ผู้ที่ต้องการไปทำงานหรือย้ายถิ่นฐานจะเลือกแบบ General Training

IELTS test มีให้เลือกทั้งแบบ Paper-based และ Computer-delivered โดยทั้งสองแบบให้ผลคะแนนที่เทียบเท่ากัน แต่การสอบแบบคอมพิวเตอร์จะได้ผลเร็วกว่า (13 วันเทียบกับ 13 วัน)

ประเภทการสอบ

Academic

General Training

วัตถุประสงค์

ศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา

ทำงาน/อพยพ

Reading

บทความวิชาการ

ข้อความในชีวิตประจำวัน

Writing Task 1

อธิบายกราฟ/ตาราง

เขียนจดหมาย

IELTS มี กี่ พาร์ ท? การ IELTS test ประกอบด้วย 4 ทักษะหลัก คือ Listening (30 นาที), Reading (60 นาที), Writing (60 นาที) และ Speaking (11-14 นาที) รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาทีถึง 3 ชั่วโมง

II. เจาะลึกโครงสร้างข้อสอบ IELTS ทีละพาร์ท

1. ทักษะการฟัง (IELTS Listening)

IELTS listening เป็นส่วนแรกของการสอบที่ใช้เวลา 30 นาที ประกอบด้วย 4 ส่วนย่อยและมีคำถามทั้งหมด 40 ข้อ แต่ละส่วนจะเล่นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้ผู้สอบต้องตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มต้น

Section

สถานการณ์

จำนวนผู้พูด

ประเภทคำถาม

1

สนทนาในชีวิตประจำวัน

2 คน

Form filling, Note completion

2

การบรรยายเดี่ยว

1 คน

Multiple choice, Matching

3

สนทนาวิชาการ

2-4 คน

Flow-chart completion

4

การบรรยายวิชาการ

1 คน

Summary completion

ประเภทคำถามที่พบบ่อยในโครงสร้างข้อสอบ IELTSส่วนฟัง ได้แก่ การกรอกแบบฟอร์ม การเติมคำในตาราง Multiple choice การจับคู่ข้อมูล และการติดป้ายแผนที่หรือแผนผัง กลยุทธ์สำคัญคือการอ่านคำถามล่วงหน้าและทำนายคำตอบที่เป็นไปได้

โครงสร้างข้อสอบ IELTS ที่คุณต้องรู้! เตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ
เจาะลึกโครงสร้างข้อสอบ IELTS Listening

2. ทักษะการอ่าน (IELTS Reading)

IELTS readingใช้เวลา 60 นาทีและมีคำถาม 40 ข้อ แบ่งออกเป็น 3 บทความ โดยแต่ละบทความจะมีความยาวประมาณ 750-900 คำ IELTS Academic test formatจะใช้บทความจากวารสารวิชาการ หนังสือเรียน และสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ

ประเภทคำถาม

วิธีทำ

เคล็ดลับ

True/False/Not Given

เปรียบเทียบข้อความ

อ่านอย่างละเอียด

Multiple Choice

เลือกคำตอบที่ถูกต้อง

กำจัดตัวเลือกที่ผิด

Matching Headings

จับคู่หัวข้อกับย่อหน้า

หาใจความสำคัญ

Summary Completion

เติมคำลงในบทสรุป

ใช้ Skimming และ Scanning

แหล่งข้อมูลของบทความมาจากสื่อต่างๆ เช่น The Economist, National Geographic และ Scientific American ระดับความซับซ้อนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากบทความที่ 1 ไปยังบทความที่ 3

3. ทักษะการเขียน (IELTS Writing)

IELTS writingแบ่งออกเป็น 2 Task ใช้เวลารวม 60 นาที โดย Task 1 ใช้เวลา 20 นาที (150 คำ) และ Task 2 ใช้เวลา 40 นาที (250 คำ) คะแนนของ Task 2 มีน้ำหนักมากกว่า Task 1 ในอัตราส่วน 2:1

Task 1: การวิเคราะห์และบรรยายข้อมูล

Academic: อธิบายกราฟ แผนภูมิ ตาราง แผนที่ หรือแผนผัง General Training: เขียนจดหมายในสถานการณ์ต่างๆ (เป็นทางการ กึ่งทางการ หรือไม่เป็นทางการ)

Task 2: การเขียนเรียงความแสดงความคิดเห็น

ทั้งสองประเภทจะมีรูปแบบเรียงความเดียวกัน แบ่งเป็น Argumentative essay, Discussion essay, Problem-solution essay และ Two-part questions

เกณฑ์การให้คะแนน

คำอธิบาย

น้ำหนัก

Task Achievement/Response

ตอบโจทย์ครบถ้วน

25%

Coherence and Cohesion

ความเชื่อมโยงของเนื้อหา

25%

Lexical Resource

การใช้คำศัพท์

25%

Grammatical Range and Accuracy

ไวยากรณ์และความถูกต้อง

25%

โครงสร้างข้อสอบ IELTS ที่คุณต้องรู้! เตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ
ทักษะการเขียน (IELTS Writing)

4. ทักษะการพูด (IELTS Speaking)

IELTS speakingเป็นการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับผู้ตรวจสอบ ใช้เวลา 11-14 นาที แบ่งออกเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนมีวัตถุประสงค์และรูปแบบการทดสอบที่แตกต่างกัน

Part

เวลา

เนื้อหา

เป้าหมาย

1

4-5 นาที

แนะนำตัว คำถามทั่วไป

ความคุ้นเคยกับการพูด

2

3-4 นาทีรวมเตรียมตัว

พูดตามหัวข้อที่กำหนด

ความสามารถในการพูดต่อเนื่อง

3

4-5 นาที

สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

การวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น

เกณฑ์การให้คะแนนประกอบด้วย Fluency and Coherence (ความคล่องแคล่วและความเชื่อมโยง) Lexical Resource (คำศัพท์) Grammatical Range and Accuracy (ไวยากรณ์) และ Pronunciation (การออกเสียง) แต่ละด้านมีน้ำหนักเท่ากันที่ 25%

III. ระบบการคิดคะแนน IELTS

โครงสร้างข้อสอบ IELTSใช้ระบบ Band Score ตั้งแต่ 0-9 โดยคะแนนแต่ละทักษะจะคำนวณแยกต่างหาก จากนั้นนำมาหาค่าเฉลี่ยเป็น Overall Band Score ระบบการให้คะแนนจะปัดขึ้นหรือปัดลงไปยังคะแนนครึ่งหน่วยที่ใกล้ที่สุด

Band Score

ระดับความสามารถ

คำอธิบาย

9

Expert User

ใช้ภาษาได้อย่างเชี่ยวชาญ

8

Very Good User

ใช้ภาษาได้ดีมาก มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย

7

Good User

ใช้ภาษาได้ดี มีข้อผิดพลาดบ้างในบางสถานการณ์

6

Competent User

ใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยทั่วไป

5

Modest User**

ใช้ภาษาได้บางส่วน เข้าใจความหมายโดยรวม

โครงสร้างข้อสอบ IELTS ที่คุณต้องรู้! เตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ
ระดับความสามารถ

ตัวอย่างการคำนวณ: หากคุณได้คะแนน Listening 6.5, Reading 6.0, Writing 6.0, Speaking 7.0 คะแนนรวมจะเป็น (6.5+6.0+6.0+7.0)/4 = 6.375 ซึ่งจะปัดขึ้นเป็น 6.5

IV. กลยุทธ์การเตรียมตัวสอบ IELTS จากความเข้าใจในโครงสร้าง

1. การวางแผนการเรียนและตั้งเป้าหมายคะแนน

การเตรียมตัว IELTS ที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการประเมินระดับปัจจุบันของตนเองอย่างตรงไปตรงมา คุณสามารถทำ Diagnostic Test หรือ Mock Test เพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อนในแต่ละทักษะ จากนั้นกำหนดเป้าหมายคะแนนที่สมเหตุสมผลตามความต้องการของสถาบันหรือองค์กรที่คุณสมัคร

ระดับเริ่มต้น

เป้าหมาย

ระยะเวลาแนะนำ

ชั่วโมงต่อวัน

Band 4.0-4.5

Band 6.0

6-9 เดือน

2-3 ชั่วโมง

Band 5.0-5.5

Band 6.5

4-6 เดือน

1.5-2 ชั่วโมง

Band 6.0

Band 7.0

3-4 เดือน

1-2 ชั่วโมง

Band 6.5

Band 8.0

4-6 เดือน

2-3 ชั่วโมง

การแบ่งเวลาการเรียนควรเป็นดังนี้: 30% สำหรับทักษะที่อ่อนแอที่สุด 25% สำหรับ IELTS writingและ IELTS speaking 25% สำหรับ IELTS readingและ IELTS listening และ 20% สำหรับการทบทวนไวยากรณ์และคำศัพท์

2. การฝึกฝนจากข้อสอบเก่าและแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับการเตรียมตัว ieltsมีหลายประเภท คุณควรใช้ข้อสอบจริงจาก Cambridge IELTS Books เป็นหลัก เนื่องจากเป็นแหล่งที่มาจากผู้จัดสอบโดยตรง นอกจากนี้ยังมี IELTS Trainer, IELTS Result และ Official IELTS Practice Materials

การฝึกฝนควรทำแบบ Progressive Training โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ ieltsในแต่ละส่วน จากนั้นฝึกทักษะเฉพาะทาง และสุดท้ายทำ Full-length Mock Tests การทำ Mock Test ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งในช่วง 1 เดือนสุดท้ายก่อนสอบจริง

3. การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่จำเป็น

3.1 ไวยากรณ์กับ IELTS: จุดสำคัญที่ต้องแม่นยำ

Tenses (กาล) เป็นพื้นฐานสำคัญที่ต้องเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะ Present Perfect, Past Perfect และ Future Continuous ที่มักปรากฏในการสอบ การใช้ Present Perfect ในการพูดถึงประสบการณ์ในชีวิต (Part 1 Speaking) และการใช้ Past tenses ในการเล่าเรื่องราว (Part 2 Speaking) เป็นสิ่งจำเป็น

Subject-Verb Agreement มีความสำคัญอย่างยิ่งในielts writing โดยเฉพาะเมื่อมี Collective Nouns (team, government, family) หรือ Indefinite Pronouns (everyone, nobody, each) การใช้ Articles (a, an, the) ต้องเรียนรู้กฎการใช้กับ Countable/Uncountable Nouns และ Specific/General References

โครงสร้างไวยากรณ์

ใช้ใน IELTS

ตัวอย่าง

Complex Sentences

Writing Task 2

"Although technology has benefits, it also creates challenges."

Passive Voice

Academic Writing

"The research was conducted by scientists."

Conditionals

Speaking Part 3

"If governments invested more, we would see improvements."

Relative Clauses

ทุกส่วน

"Students who study abroad often gain valuable experience."

3.2 คลังคำศัพท์: เรียนรู้และนำไปใช้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

การพัฒนาคำศัพท์สำหรับielts testควรมุ่งเน้นที่ Academic Word List (AWL) ซึ่งประกอบด้วยคำศัพท์ 570 คำที่พบบ่อยในบทความวิชาการ คำศัพท์เหล่านี้จะช่วยในการทำielts readingและielts writingอย่างมาก

Paraphrasing Techniques เป็นทักษะสำคัญที่ต้องฝึกฝน เทคนิคหลัก ได้แก่:

  • การเปลี่ยนคำเป็น Synonyms (important → significant, crucial, vital)

  • การเปลี่ยน Word Forms (globalization → the process of globalizing)

  • การเปลี่ยนโครงสร้างประโยค (Active to Passive voice)

  • การใช้ Relative Clauses แทนการต่อประโยค

Collocations ช่วยทำให้การใช้ภาษาเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น "make a decision" แทน "do a decision" หรือ "conduct research" แทน "make research" การเรียนรู้ Collocations จะช่วยเพิ่มคะแนน Lexical Resource อย่างเห็นได้ชัด

3.3 การพัฒนาทักษะเฉพาะแต่ละส่วน

สำหรับ IELTS Listening:

  • ฝึกการจดบันทึกแบบ Keyword Noting โดยจดเฉพาะคำสำคัญ

  • ใช้เทคนิค Prediction คือการทายคำตอบล่วงหน้าจากบริบท

  • ฝึกฟัง Various Accents (British, Australian, American, Canadian)

  • ทำความคุ้นเคยกับ Signal Words (however, moreover, in addition)

สำหรับ IELTS Reading:

  • เรียนรู้เทคนิค Skimming (อ่านหาใจความหลัก) ใน 2-3 นาที

  • ฝึก Scanning (ค้นหาข้อมูลเฉพาะ) อย่างรวดเร็ว

  • ทำความเข้าใจ Question Types และเทคนิคเฉพาะของแต่ละแบบ

  • ฝึกการจัดการเวลา: 20 นาทีต่อ 1 บทความ

สำหรับ IELTS Writing:

  • ศึกษา Task 1 Templates สำหรับการบรรยายกราฟแต่ละประเภท

  • เรียนรู้โครงสร้าง Essay แบบ 4-5 ย่อหน้าสำหรับ Task 2

  • ฝึกการใช้ Linking Words อย่างเหมาะสม

  • พัฒนาทักษะการ Brainstorming และ Planning ภายใน 5 นาที

สำหรับ IELTS Speaking:

  • ฝึกการขยายคำตอบด้วย PREP Method (Point, Reason, Example, Point)

  • เรียนรู้ Functional Language สำหรับแต่ละสถานการณ์

  • ฝึกการใช้ Fillers อย่างเหมาะสม (Well, You know, I mean)

  • พัฒนา Pronunciation โดยเน้น Word Stress และ Intonation

4. การจำลองการสอบและการประเมินตนเอง

การทำ Mock Tests ควรมีแผนการดำเนินการที่ชัดเจน เริ่มต้นด้วยการทำ Section-by-section Tests ในช่วงแรก จากนั้นค่อยๆ เพิ่มเป็น Full-length Tests การจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนการสอบจริงมีความสำคัญมาก รวมถึงการใช้เครื่องเขียน การจับเวลา และการไม่หยุดพักกลางคัน

สัปดาห์ที่

ประเภทการฝึก

ความถี่

จุดมุ่งเน้น

1-4

Section Practice

ทุกวัน

ทำความเข้าใจรูปแบบ

5-8

Combined Sections

3 ครั้ง/สัปดาห์

เชื่อมต่อทักษะ

9-12

Full Mock Tests

2 ครั้ง/สัปดาห์

บริหารเวลาและความเครียด

13-16

Final Practice

1 ครั้ง/สัปดาห์

Confidence Building

การประเมินตนเองหลังทำ Mock Test ควรมีการวิเคราะห์อย่างละเอียด บันทึกประเภทข้อผิดพลาด สาเหตุที่ทำผิด และวางแผนการแก้ไข การใช้ IELTS Band Descriptors ในการประเมินคะแนน Writing และ Speaking จะช่วยให้เข้าใจจุดที่ต้องปรับปรุง

สุดท้าย การเตรียมตัวที่ดีคือการรักษาสมดุลระหว่างการฝึกฝนทักษะเฉพาะและการพัฒนาความสามารถภาษาอังกฤษโดยรวม ความเข้าใจในโครงสร้างข้อสอบ ieltsจะช่วยให้คุณเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมและใช้เวลาการเตรียมตัวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

V. ข้อมูลเสริมและคำถามที่พบบ่อย

1. การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ให้ผลเร็วกว่าแบบกระดาษจริงหรือไม่?

ใช่ การสอบแบบ Computer-delivered ได้ผลภายใน 3-5 วันทำการ ขณะที่แบบ Paper-based ใช้เวลา 13 วัน คุณภาพคะแนนเท่าเทียมกัน การเลือกรูปแบบขึ้นอยู่กับความถนัดส่วนบุคคล หากคุ้นเคยกับการพิมพ์คีย์บอร์ดควรเลือกแบบคอมพิวเตอร์ หากชอบเขียนด้วยลายมือและทำเครื่องหมายในข้อสอบควรเลือกแบบกระดาษ

ประเภทการสอบ

เวลาได้ผล

ข้อดี

Computer-delivered

3-5 วัน

พิมพ์ง่าย นับคำอัตโนมัติ

Paper-based

13 วัน

เขียนด้วยมือ ทำเครื่องหมายได้

2. "Not Given" ในข้อสอบ Reading แตกต่างจาก "False" อย่างไร?

"False" หมายถึงข้อความขัดแย้งกับเนื้อหาในบทความอย่างชัดเจน มีหลักฐานโต้แย้งได้โดยตรง ส่วน "Not Given" คือไม่มีข้อมูลใดๆ ในบทความที่จะยืนยันหรือปฏิเสธข้อความในข้อสอบ

ตัวอย่าง: บทความระบุ "การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด" หากข้อสอบถามว่า "การออกกำลังกายเพิ่มความเครียด" คำตอบคือ "False" แต่หากถามว่า "การออกกำลังกายควรทำทุกวัน" ซึ่งบทความไม่ได้กล่าวถึงความถี่ คำตอบจะเป็น "Not Given"

3. ทักษะย่อยสำคัญสำหรับ Writing Task 1 Academic และ General Training

Academic Task 1 เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลข ต้องใช้ทักษะการอ่านกราฟ การเปรียบเทียบข้อมูล การระบุแนวโน้ม และการใช้ภาษาทางการ General Training Task 1 เน้นการเขียนจดหมาย ต้องใช้ทักษะการระบุวัตถุประสงค์ การเลือกภาษาที่เหมาะสมกับผู้รับ และการจัดโครงสร้างจดหมาย

Academic Task 1

General Training Task 1

วิเคราะห์กราฟ/ตาราง

เขียนจดหมายตามสถานการณ์

ใช้ภาษาเป็นทางการ

เลือกระดับความเป็นทางการ

บรรยายแนวโน้มข้อมูล

สื่อสารตามวัตถุประสงค์

4. การสมดุลระหว่าง Fluency และ Accuracy ใน Speaking

สำหรับเป้าหมาย Band 6.0 ลงมา ควรเน้น Fluency ก่อน เพราะการพูดติดขัดกระทบคะแนนมากกว่าข้อผิดพลาดเล็กน้อย สำหรับ Band 7.0 ขึ้นไป ต้องสมดุลทั้งสองด้าน โดยฝึก Self-correction และใช้ Paraphrasing เมื่อลืมคำศัพท์ การฝึกควรเริ่มจากสร้างความมั่นใจในการพูด จากนั้นค่อยเพิ่มความซับซ้อนของไวยากรณ์และคำศัพท์

ความเข้าใจในโครงสร้างข้อสอบ IELTSอย่างลึกซึ้งเป็นรากฐานสำคัญของการเตรียมตัวที่มีประสิทธิภาพ เมื่อคุณทราบแล้วว่าแต่ละส่วนทดสอบอะไร ใช้เวลาเท่าไร และมีเกณฑ์การให้คะแนนอย่างไร คุณจะสามารถวางแผนการเรียนและเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้

การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแบบองค์รวมควบคู่กับการฝึกเทคนิคการสอบจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จำไว้ว่าการสอบ ielts ไม่ใช่เพียงการทดสอบความรู้ แต่เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง การเตรียมตัวอย่างสม่ำเสมอและมีแผนจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน

เรียน IELTS ที่บ้านด้วย AI พิเศษจาก PREP! สมัครคอร์ส IELTS ออนไลน์วันนี้เพื่อรับแผนการเรียนที่มีประสิทธิภาพ การตรวจการบ้านอย่างละเอียด และการฝึกฝนอย่างชาญฉลาด นอกจากนี้คุณยังจะได้รับความช่วยเหลือจาก Teacher Bee AI เพื่อนร่วมเรียนรู้ที่คอยให้คำแนะนำตลอดการเรียน
โทร HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อไม่พลาดโอกาสนี้!
ดาวน์โหลดแอป PREP เพื่อเริ่มเรียน IELTS ที่บ้าน พร้อมโปรแกรมฝึกสอบออนไลน์คุณภาพสูงที่จะช่วยให้คุณพัฒนาได้เร็วขึ้น

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย