บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษ ใช้ได้จริง

การสื่อสารเรื่องสุขภาพอาจดูเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อต้องอธิบายอาการเจ็บป่วยเป็นภาษาอังกฤษ หลายคนกลับรู้สึกลำบากและไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์จริง เช่น การพบแพทย์ต่างชาติ การรับการรักษาในโรงพยาบาลระหว่างเดินทาง หรือแม้แต่การสอบถามทุกข์สุขเพื่อนต่างชาติ การรู้ประโยคที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้รับการดูแลที่เหมาะสมและทันท่วงที

บทความนี้จะพาคุณเรียนรู้ บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษที่ใช้งานได้จริงในทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ประโยคเบื้องต้นไปจนถึงการสื่อสารกับแพทย์อย่างมืออาชีพ พร้อมทั้งสำนวนและวลีที่เกี่ยวข้องกับ อาการ ภาษาอังกฤษ ที่คุณควรรู้

การบอก อาการป่วย ภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีแค่การพูดว่า "I'm sick" เท่านั้น แต่ยังต้องสามารถอธิบายรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่เจ็บปวด ลักษณะของความปวด ความรุนแรง ระยะเวลาที่มีอาการ รวมถึงอาการร่วมอื่นๆ การเข้าใจโครงสร้างประโยคและคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ การ เจ็บป่วย ภาษา อังกฤษ จะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การบอกว่าคุณมีอาการ ไอ เจ็บ คอ ภาษา อังกฤษ ต้องใช้ประโยคที่เหมาะสม เช่น "I have a sore throat and can't stop coughing" ซึ่งชัดเจนกว่าการพูดแค่ว่า "My throat hurts" นอกจากนี้ การรู้ว่า illness มี อะไร บ้าง และวิธีอธิบายแต่ละอาการจะช่วยให้แพทย์เข้าใจปัญหาของคุณได้ดีขึ้น ส่งผลให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว

ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้บทสนทนาจริงที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ตั้งแต่การเริ่มต้นถามอาการผู้อื่น การตอบเมื่อมีคนถามว่าคุณสบายดีไหม ไปจนถึงการสื่อสารกับแพทย์และเภสัชกรอย่างมั่นใจ มาเริ่มต้นพัฒนาทักษะการสื่อสารด้านสุขภาพของคุณกันเลย

  1. I. การเริ่มต้นบทสนทนาและถามอาการเบื้องต้น
    1. 1. การทักทายและการสังเกตอาการผิดปกติ
    2. 2. การตอบอาการป่วยเบื้องต้นด้วยประโยคพื้นฐาน
  2. II. การอธิบายและสอบถามอาการอย่างละเอียด
    1. 1. การถามอาการเฉพาะเจาะจงและตำแหน่งที่เกิด
    2. 2. การอธิบายความรุนแรง ระยะเวลา และลักษณะของอาการ
    3. 3. การบอกอาการร่วมหรืออาการข้างเคียง
  3. III. บทสนทนาในสถานการณ์ทางการแพทย์
    1. 1. การนัดหมายและการแจ้งวัตถุประสงค์
    2. 2. การอธิบายประวัติสุขภาพและอาการปัจจุบันต่อแพทย์
    3. 3. การสอบถามเกี่ยวกับการวินิจฉัย การรักษา และยา
  4. IV. การแสดงความเห็นอกเห็นใจและการให้กำลังใจ
    1. 1. วลีและประโยคแสดงความห่วงใย
    2. 2. การเสนอความช่วยเหลือและการให้กำลังใจ
  5. V. สำนวนและวลีภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับอาการป่วย
    1. 1. สำนวนทั่วไปที่ใช้เมื่อไม่สบาย
    2. 2. คำถามเกี่ยวกับการป้องกันและการดูแลสุขภาพเบื้องต้น
บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล

I. การเริ่มต้นบทสนทนาและถามอาการเบื้องต้น

1. การทักทายและการสังเกตอาการผิดปกติ

เมื่อสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างดูไม่สบาย การเริ่มต้นบทสนทนา ถาม อาการ ป่วยด้วยความห่วงใยจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ประโยคเปิดบทสนทนาที่นิยมใช้:

บทสนทนาตัวอย่างที่ 1: สังเกตเห็นเพื่อนไม่สบาย

A: You look a bit pale today. Are you feeling alright? (คุณดูซีดไปหน่อยวันนี้นะ รู้สึกสบายดีไหม)

B: Actually, I'm not feeling so well. (จริงๆ แล้วฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย)

A: What's wrong? Do you need anything? (เป็นอะไรหรือเปล่า ต้องการอะไรไหม)

บทสนทนาตัวอย่างที่ 2: ถามอาการเบื้องต้น

A: You don't seem like yourself today. Is everything okay? (วันนี้คุณดูไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเลย ทุกอย่างโอเคไหม)

B: I've been feeling under the weather since this morning. (ฉันรู้สึกไม่สบายตั้งแต่เช้านี้)

A: Oh no! What symptoms do you have? (อ้อ ไม่นะ มีอาการอะไรบ้าง)

ประโยคทักทายและถามอาการที่ใช้บ่อย:

  • Are you feeling alright? (รู้สึกสบายดีไหม)

  • You look a bit off today. (วันนี้คุณดูไม่ค่อยดีเลย)

  • Is everything okay with you? (คุณโอเคไหม)

  • How are you doing? You seem tired. (เป็นยังไงบ้าง ดูเหนื่อยนะ)

บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล

2. การตอบอาการป่วยเบื้องต้นด้วยประโยคพื้นฐาน

เมื่อต้องบอกการ เจ็บป่วย ภาษา อังกฤษ โครงสร้างประโยคพื้นฐานที่ควรจำคือ I have... และ I feel...

บทสนทนาตัวอย่างที่ 3: บอกอาการเบื้องต้น

A: How are you feeling? (รู้สึกตัวยังไงบ้าง)

B: I have a terrible headache and I feel really dizzy. (ฉันปวดหัวมากและรู้สึกวิงเวียนจังเลย)

A: Have you taken any medicine? (กินยาหรือยัง)

B: Not yet. I think I should see a doctor. (ยังเลย ฉันคิดว่าควรไปหาหมอ)

ตารางอาการป่วยทั่วไปและวิธีบอก

อาการ

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปลไทย

ปวดหัว

I have a headache.

ฉันปวดหัว

ไอ

I can't stop coughing.

ฉันไอไม่หยุดเลย

มีไข้

I've had a fever since yesterday.

ฉันมีไข้ตั้งแต่เมื่อวาน

เจ็บคอ

I have a sore throat.

ฉันเจ็บคอ

คลื่นไส้

I feel nauseous.

ฉันรู้สึกคลื่นไส้

เหนื่อยล้า

I'm exhausted all the time.

ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา

II. การอธิบายและสอบถามอาการอย่างละเอียด

1. การถามอาการเฉพาะเจาะจงและตำแหน่งที่เกิด

การสอบถามอาการ ภาษาอังกฤษอย่างละเอียดต้องระบุตำแหน่งและลักษณะของความรู้สึก

บทสนทนาตัวอย่างที่ 4: ถามตำแหน่งที่ปวด

A: Where exactly does it hurt? (เจ็บตรงไหนกันแน่)

B: It's right here, in my lower back. (ตรงนี้เลย บริเวณหลังส่วนล่าง)

A: Can you describe the pain? (บอกลักษณะความปวดได้ไหม)

B: It's a sharp pain that comes and goes. (เป็นอาการปวดแปลบๆ เป็นๆ หายๆ)

บทสนทนาตัวอย่างที่ 5: อธิบายชนิดของความเจ็บปวด

A: What kind of pain is it? (เป็นความปวดแบบไหน)

B: It's a burning sensation in my stomach. (รู้สึกแสบๆ ที่กระเพาะ)

A: When did it start? (เริ่มเมื่อไหร่)

B: It started last night after dinner. (เริ่มเมื่อคืนหลังทานข้าวเย็น)

ประโยคอธิบายลักษณะความปวด:

  • It's a dull pain in my lower back. (เป็นอาการปวดตื้อๆ บริเวณหลังส่วนล่าง)

  • I get sharp pains when I breathe. (ฉันปวดแปลบตอนหายใจ)

  • My head has a throbbing pain. (หัวฉันปวดจี๊ดๆ)

  • It feels like a stabbing pain in my chest. (รู้สึกเหมือนถูกแทงที่หน้าอก)

บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
ประโยคอธิบายลักษณะความปวด

2. การอธิบายความรุนแรง ระยะเวลา และลักษณะของอาการ

การบอกความรุนแรงของอาการป่วย ภาษาอังกฤษต้องใช้คำที่เหมาะสม

บทสนทนาตัวอย่างที่ 6: บอกความรุนแรงและระยะเวลา

A: How bad is the pain? (ปวดมากแค่ไหน)

B: It's quite severe. I can barely move. (ปวดมากเลย แทบขยับไม่ได้)

A: How long have you been feeling this way? (รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว)

B: For the past three days, and it's getting worse. (มาสามวันแล้ว และมันแย่ลงเรื่อยๆ)

ตารางการบอกความรุนแรงและระยะเวลา

ความรุนแรง

ประโยคตัวอย่าง

คำแปล

เล็กน้อย

The pain is mild and bearable.

ปวดเล็กน้อยและทนได้

ปานกลาง

It's a moderate pain that bothers me.

ปวดปานกลางและรบกวนฉัน

รุนแรง

The pain is severe and constant.

ปวดรุนแรงและเป็นตลอดเวลา

ระยะเวลา

I've been feeling unwell for a week.

ฉันรู้สึกไม่สบายมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว

3. การบอกอาการร่วมหรืออาการข้างเคียง

บทสนทนาตัวอย่างที่ 7: ถามและตอบอาการเพิ่มเติม

A: Do you have any other symptoms? (มีอาการอื่นๆ ด้วยไหม)

B: Yes, I also have dizziness and a loss of appetite. (มีครับ ฉันยังมีอาการเวียนหัวและเบื่ออาหารด้วย)

A: Are you experiencing anything else? (รู้สึกอะไรผิดปกติอีกไหม)

B: I'm getting chills and I feel extremely tired. (ฉันหนาวสั่นและรู้สึกเหนื่อยล้ามากๆ)

ประโยคบอกอาการร่วม:

  • I also have dizziness when I stand up. (ฉันยังมีอาการเวียนหัวตอนลุกขึ้นยืนด้วย)

  • I'm experiencing shortness of breath. (ฉันหายใจไม่สะดวก)

  • I have a runny nose along with the cough. (ฉันมีน้ำมูกไหลพร้อมกับไอด้วย)

  • There's some swelling in my ankle. (ข้อเท้าฉันบวมบางส่วน)

III. บทสนทนาในสถานการณ์ทางการแพทย์

1. การนัดหมายและการแจ้งวัตถุประสงค์

บทสนทนาตัวอย่างที่ 8: โทรนัดหมายแพทย์

A: Good morning. I'd like to make an appointment with Dr. Smith. (สวัสดีค่ะ ฉันอยากจะนัดหมายกับหมอสมิธ)

B: What seems to be the problem? (มีอาการอะไรหรือคะ)

A: I've been having severe stomach pains for two days. (ฉันปวดท้องมากมาสองวันแล้ว)

B: Can you come in at 3 PM today? (มาได้ตอนบ่ายสามโมงวันนี้ไหมคะ)

A: Yes, that works for me. Thank you. (ได้ค่ะ เวลานั้นได้พอดี ขอบคุณค่ะ)

บทสนทนาตัวอย่างที่ 9: แจ้งอาการกับพนักงานต้อนรับ

A: Hello, I'm here for my appointment at 2 PM. (สวัสดีค่ะ ฉันมานัดตอนบ่ายสองโมง)

B: Please have a seat. What brings you in today? (กรุณานั่งค่ะ วันนี้มาเพราะอะไรคะ)

A: I'm not feeling well and I need to see a doctor. (ฉันรู้สึกไม่สบายและต้องการพบแพทย์)

2. การอธิบายประวัติสุขภาพและอาการปัจจุบันต่อแพทย์

บทสนทนาตัวอย่างที่ 10: บอกประวัติสุขภาพ

Doctor: Do you have any allergies? (คุณแพ้อะไรไหม)

Patient: Yes, I'm allergic to penicillin. (ครับ ฉันแพ้ยาเพนิซิลิน)

Doctor: Are you currently taking any medications? (ตอนนี้คุณกินยาอะไรอยู่ไหม)

Patient: I'm taking blood pressure medication daily. (ฉันกินยาลดความดันทุกวัน)

Doctor: Have you had any surgeries in the past? (เคยผ่าตัดมาก่อนไหม)

Patient: Yes, I had an appendectomy two years ago. (เคยครับ ผ่าตัดไส้ติ่งเมื่อสองปีก่อน)

บทสนทนาตัวอย่างที่ 11: อธิบายอาการปัจจุบัน

Doctor: How long have you had these symptoms? (มีอาการมานานแค่ไหนแล้ว)

Patient: The symptoms started three days ago. (อาการเริ่มเมื่อสามวันก่อน)

Doctor: Has the condition improved or worsened? (อาการดีขึ้นหรือแย่ลงบ้าง)

Patient: It's been getting worse each day. (มันแย่ลงทุกวันเลย)

ตารางประโยคบอกประวัติสุขภาพ

สถานการณ์

ประโยคภาษาอังกฤษ

ความหมายไทย

แพ้ยา

I'm allergic to penicillin.

ฉันแพ้ยาเพนิซิลิน

โรคประจำตัว

I have a history of diabetes.

ฉันมีประวัติเป็นเบาหวาน

กำลังใช้ยา

I'm currently on medication for hypertension.

ตอนนี้ฉันกินยาความดันอยู่

ผ่าตัดเคย

I had surgery two years ago.

ฉันเคยผ่าตัดเมื่อสองปีก่อน

ประวัติครอบครัว

My family has a history of heart disease.

ครอบครัวฉันมีประวัติโรคหัวใจ

3. การสอบถามเกี่ยวกับการวินิจฉัย การรักษา และยา

บทสนทนาตัวอย่างที่ 12: ถามเกี่ยวกับการวินิจฉัย

Patient: What's my diagnosis, doctor? (ผลการวินิจฉัยคืออะไรครับคุณหมอ)

Doctor: You have a bacterial infection in your throat. (คุณมีการติดเชื้อแบคทีเรียที่คอ)

Patient: What caused this condition? (อะไรเป็นสาเหตุของอาการนี้)

Doctor: It's likely from exposure to someone who was sick. (น่าจะเป็นจากการใกล้ชิดกับคนที่ป่วย)

บทสนทนาตัวอย่างที่ 13: สอบถามเกี่ยวกับยา

Patient: How should I take this medication? (ควรใช้ยานี้อย่างไรครับ)

Doctor: Take one tablet twice daily after meals. (กินวันละสองเม็ด หลังอาหาร)

Patient: Are there any side effects I should know about? (มีผลข้างเคียงที่ควรรู้ไหม)

Doctor: You might feel slightly drowsy. Avoid driving. (คุณอาจรู้สึกง่วงนิดหน่อย หลีกเลี่ยงการขับรถ)

Patient: What should I avoid while taking this medicine? (ควรหลีกเลี่ยงอะไรระหว่างกินยานี้)

Doctor: Don't drink alcohol and avoid spicy foods. (อย่าดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด)

ประโยคถามเกี่ยวกับการรักษา:

  • How long will the treatment take? (การรักษาจะใช้เวลานานแค่ไหน)

  • When should I come back for a follow-up? (ควรกลับมาตรวจติดตามเมื่อไหร่)

  • Is this condition contagious? (อาการนี้ติดต่อได้ไหม)

  • What can I do to speed up recovery? (ทำอะไรได้บ้างเพื่อให้หายเร็วขึ้น)

IV. การแสดงความเห็นอกเห็นใจและการให้กำลังใจ

1. วลีและประโยคแสดงความห่วงใย

บทสนทนาตัวอย่างที่ 14: แสดงความเห็นอกเห็นใจ

A: I heard you're not feeling well. (ฉันได้ยินว่าคุณไม่สบาย)

B: Yeah, I've been sick for a few days. (ใช่ ฉันป่วยมาหลายวันแล้ว)

A: I'm sorry to hear that. I hope you feel better soon. (เสียใจที่รู้แบบนั้น หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ นะ)

B: Thank you. That means a lot. (ขอบคุณ น้ำใจดีมาก)

ประโยคแสดงความห่วงใย:

  • Get well soon! (หายไวๆ นะ)

  • I hope you're feeling better now. (หวังว่าตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้ว)

  • Take care of yourself. (ดูแลตัวเองดีๆ นะ)

  • Sending you my best wishes for a speedy recovery. (ขออวยพรให้หายป่วยโดยเร็ว)

2. การเสนอความช่วยเหลือและการให้กำลังใจ

บทสนทนาตัวอย่างที่ 15: เสนอความช่วยเหลือ

A: Is there anything I can do to help? (มีอะไรให้ช่วยไหม)

B: Actually, could you pick up my prescription from the pharmacy? (จริงๆ แล้วช่วยไปรับยาจากร้านขายยาให้หน่อยได้ไหม)

A: Of course! I'll go right now. (ได้สิ ฉันจะไปตอนนี้เลย)

บทสนทนาตัวอย่างที่ 16: ให้คำแนะนำ

A: Make sure you get plenty of rest. (อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอนะ)

B: I will. Thanks for caring. (จะทำนะ ขอบคุณที่ใส่ใจ)

A: Don't forget to drink lots of water too. (อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ ด้วย)

ตารางการให้คำแนะนำเบื้องต้น

สถานการณ์

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปลไทย

แนะนำให้พัก

You should get some rest and take it easy.

คุณควรพักผ่อนและอย่าทำอะไรหนักๆ

แนะนำดื่มน้ำ

Drink plenty of fluids to stay hydrated.

ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อไม่ให้ขาดน้ำ

แนะนำกินยา

Remember to take your medicine on time.

อย่าลืมกินยาให้ตรงเวลา

แนะนำหลีกเลี่ยงความเครียด

Try to avoid stress and relax.

พยายามหลีกเลี่ยงความเครียดและพักผ่อน

แนะนำพบแพทย์

You should see a doctor if it gets worse.

ควรไปหาหมอถ้าอาการแย่ลง

V. สำนวนและวลีภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับอาการป่วย

1. สำนวนทั่วไปที่ใช้เมื่อไม่สบาย

ตารางสำนวนเกี่ยวกับความเจ็บป่วย

สำนวน

ความหมาย

ประโยคตัวอย่าง

คำแปล

Under the weather

รู้สึกไม่สบาย

I'm feeling under the weather today.

วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย

Come down with something

เริ่มมีอาการป่วย

I think I'm coming down with the flu.

ฉันคิดว่าฉันกำลังจะเป็นไข้หวัดใหญ่

Call in sick

โทรแจ้งลาป่วย

I had to call in sick this morning.

เช้านี้ฉันต้องโทรแจ้งลาป่วย

Fight off an infection

ต่อสู้กับการติดเชื้อ

My body is fighting off an infection.

ร่างกายฉันกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ

On the mend

กำลังฟื้นตัว

I'm on the mend now, thanks for asking.

ตอนนี้ฉันกำลังฟื้นตัวแล้ว ขอบคุณที่ถาม

Run down

รู้สึกอ่อนเพลีย

I've been feeling run down lately.

ช่วงนี้ฉันรู้สึกอ่อนเพลีย

บทสนทนา ถาม อาการ ป่วย ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
สำนวนเกี่ยวกับความเจ็บป่วย

บทสนทนาตัวอย่างที่ 17: ใช้สำนวนในบทสนทนา

A: You've been absent from work. What happened? (คุณหายไปจากที่ทำงาน เกิดอะไรขึ้น)

B: I came down with something over the weekend. (ฉันเริ่มมีอาการป่วยช่วงสุดสัปดาห์)

A: Are you feeling better now? (ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้วไหม)

B: Yes, I'm on the mend. Should be back to normal soon. (ใช่ กำลังฟื้นตัวอยู่ อีกไม่นานน่าจะกลับมาปกติแล้ว)

บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม:

รวม 6 บทสนทนาระหว่างหมอกับคนไข้ภาษาอังกฤษ

รวมคํา ศัพท์ อาการ เจ็บป่วย ภาษา อังกฤษที่จำเป็นและใช้บ่อย

บทสนทนา โรง พยาบาล ภาษาอังกฤษ ใช้ได้จริงทุกสถานการณ์

2. คำถามเกี่ยวกับการป้องกันและการดูแลสุขภาพเบื้องต้น

บทสนทนาตัวอย่างที่ 18: คำถามเกี่ยวกับการป้องกัน

A: What's the best way to prevent colds? (อะไรคือวิธีป้องกันไอ เจ็บ คอ ภาษา อังกฤษที่ดีที่สุด)

B: Wash your hands regularly and get enough sleep. (ล้างมือบ่อยๆ และนอนให้เพียงพอ)

A: How does sleep affect immunity? (การนอนหลับส่งผลต่อภูมิคุ้มกันอย่างไร)

B: Adequate sleep helps strengthen your immune system. (การนอนหลับเพียงพอช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน)

ตารางคำถามและคำตอบเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

หัวข้อ

คำถาม

คำตอบ

การออกกำลังกาย

Should I exercise when I'm sick? 

(ควรออกกำลังกายตอนป่วยไหม)

Only light activity if symptoms are mild. 

(ออกกำลังเบาๆ ถ้าอาการไม่หนัก)

วิตามิน

Do vitamins help prevent illness? 

(วิตามินช่วยป้องกันโรคไหม)

They support overall health but aren't a cure. 

(ช่วยสนับสนุนสุขภาพแต่ไม่ใช่ยารักษา)

การดื่มน้ำ

How much water should I drink when sick? 

(ควรดื่มน้ำเท่าไหร่ตอนป่วย)

At least 8 glasses a day to stay hydrated. 

(อย่างน้อย 8 แก้วต่อวันเพื่อไม่ให้ขาดน้ำ)

วัคซีน

When should I get vaccinated? 

(ควรฉีดวัคซีนเมื่อไหร่)

Follow your doctor's recommended schedule. 

(ทำตามตารางที่แพทย์แนะนำ)

การเรียนรู้บทสนทนา ถาม อาการ ป่วยเป็นทักษะที่ช่วยให้คุณดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีขึ้น ตั้งแต่การเปิดบทสนทนาด้วยประโยคง่ายๆ เมื่อสังเกตเห็นคนไม่สบาย ไปจนถึงการอธิบายอาการ ภาษาอังกฤษอย่างละเอียดต่อแพทย์ การใช้โครงสร้างประโยคที่ถูกต้องจะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จำไว้ว่าการบอกอาการควรระบุตำแหน่ง ความรุนแรง ระยะเวลา และอาการร่วมอย่างชัดเจน การเตรียมตัวด้วยการจดบันทึกอาการก่อนพบแพทย์จะช่วยให้คุณไม่ลืมรายละเอียดสำคัญ นอกจากนี้ การรู้วิธีสอบถามเกี่ยวกับการรักษาและการใช้ยาอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณหายป่วยเร็วขึ้นและปลอดภัย

การแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจผู้ป่วยด้วยวลีที่เหมาะสมก็เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำนวนอย่าง under the weather หรือประโยคแสดงความห่วงใยอย่าง I hope you feel better soon การรู้วิธีพูดจะช่วยให้คุณสามารถดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น ฝึกฝนการใช้บทสนทนา ถาม อาการ ป่วยเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้พร้อมใช้งานเมื่อจำเป็น ทักษะเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ไม่เพียงในสถานการณ์จริง แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษของคุณอีกด้วย

พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่มั่นใจกับ PREP English

หากคุณต้องการเพิ่มพูนความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะการเตรียมตัวเรียน IELTS ที่ครอบคลุมทั้ง Speaking, Listening, Reading และ Writing PREP มีหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณเรียนรู้อย่างเป็นระบบตามระดับความสามารถ ด้วยเทคโนโลยี AI ที่ช่วยตรวจสอบการออกเสียงและให้ฟีดแบคแบบเรียลไทม์ พร้อม Virtual Speaking Room และ Virtual Writing Room ที่ช่วยให้คุณฝึกฝนได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีแผนการเรียนที่ปรับให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง พร้อมเนื้อหาที่ครอบคลุมคำศัพท์และไวยากรณ์สำหรับ IELTS 5.0-7.0+ เริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จในการสอบ IELTS ไปกับ PREP วันนี้

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย