รวมโครงสร้างและตัวอย่าง Yes No Questions เข้าใจง่าย
การเริ่มต้นสนทนาภาษาอังกฤษมักจะทำให้หลายคนรู้สึกลังเลและไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องสร้างคำถามเพื่อขอข้อมูลหรือยืนยันเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ความสามารถในการใช้คำถามอย่างถูกต้องและเหมาะสมจึงเป็นทักษะสำคัญที่จะเปลี่ยนการสื่อสารของคุณให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจโครงสร้างและการใช้งาน yes no questions อย่างครบถ้วน พร้อมเทคนิคการตอบที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
คำถามประเภท yes or no questions เป็นรากฐานสำคัญของการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมการใช้งานในหลากหลายบริบท ตั้งแต่การสนทนาทั่วไปในชีวิตประจำวันไปจนถึงการประชุมทางธุรกิจ การเข้าใจลึกถึงโครงสร้างของ yes and no questions จะช่วยให้คุณสามารถสร้างคำถามที่เฉพาะเจาะจงและได้รับคำตอบที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ auxiliary verbs อย่าง do, does, did หรือการประยุกต์ใช้ modal verbs เช่น can, will, should ในสถานการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญในการใช้ คํา ถาม yes no question ยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะ listening และ speaking ในการสอบมาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะการสอบ IELTS ที่ต้องการความแม่นยำในการใช้โครงสร้างไวยากรณ์
การศึกษาบทความนี้จะช่วยให้คุณสร้าง ประโยค yes no question ได้อย่างมั่นใจ เข้าใจกับดักที่คนไทยมักพลาด และประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
มาเริ่มต้นสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณกันเลย!

I. Yes/No Questions คืออะไร?
Yes no questions คือคำถามที่ผู้ตอบสามารถตอบได้เพียงแค่ "Yes" หรือ "No" โดยไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น Are you ready? (คุณพร้อมแล้วหรือยัง) ซึ่งผู้ตอบสามารถตอบแค่ Yes, I am หรือ No, I'm not
คำถามประเภทนี้แตกต่างจาก Wh-questions ที่ต้องการคำตอบเฉพาะเจาะจง เช่น What is your name? ที่ไม่สามารถตอบด้วย yes หรือ no ได้
การเข้าใจ yes or no questions มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อสาร เนื่องจากช่วยให้เราได้รับข้อมูลเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว ยืนยันหรือปฏิเสธข้อมูล และสร้างบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติ ในบริบทการศึกษาภาษาอังกฤษ การเชี่ยวชาญ คํา ถาม yes no question จะช่วยพัฒนาทักษะการฟังและการพูดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
II. โครงสร้างพื้นฐานของ Yes/No Questions
การสร้าง yes no questions มีหลักการเบื้องต้นคือการย้ายคำกริยาช่วยมาไว้หน้าประโยค ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามประเภทของกริยาดังนี้
1. การสร้างคำถามด้วย Verb to be (is, am, are, was, were)
โครงสร้างการสร้างคำถามด้วย verb to be เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุด โดยเพียงแค่นำ be verb มาไว้หน้าประโยค
โครงสร้าง |
ตัวอย่าง |
คำแปล |
Be + Subject + Complement? |
Are you a student? |
คุณเป็นนักเรียนหรือไม่ |
Is + Subject + Adjective? |
Is she happy? |
เธอมีความสุขหรือไม่ |
Were + Subject + Location? |
Were they at home? |
พวกเขาอยู่บ้านหรือไม่ |
ตัวอย่างเพิ่มเติม: Was the movie interesting? (หนังเรื่องนั้นน่าสนใจหรือไม่) และ Am I late? (ฉันมาสายหรือไม่)
2. การสร้างคำถามด้วย Verb to do (do, does, did)
สำหรับประโยคที่ใช้ main verb เป็นกริยาธรรมดา เราต้องใช้ auxiliary verb คือ do, does, หรือ did ในการสร้างคำถาม
กฎสำคัญคือเมื่อใช้ does หรือ did แล้ว main verb จะต้องกลับไปเป็นรูป infinitive (รูปดิบ) เสมอ

Tense |
โครงสร้าง |
ตัวอย่าง |
Do/Does + Subject + Verb? |
Do you like coffee? (คุณชอบกาแฟหรือไม่) |
|
Did + Subject + Verb? |
Did they visit Bangkok? (พวกเขาไปเที่ยวกรุงเทพฯ หรือไม่) |
3. การสร้างคำถามด้วย Verb to have (have, has, had)
Verb to have สามารถใช้เป็นทั้ง main verb และ auxiliary verb ซึ่งการสร้างคำถามจะแตกต่างกันตามบทบาท
เมื่อ have เป็น main verb (แสดงความหมายเป็นเจ้าของ) เราใช้ do/does/did ช่วย แต่เมื่อเป็น auxiliary verb ในกรณี perfect tenses เราสามารถนำ have มาหน้าประโยคได้เลย
การใช้งาน |
ตัวอย่าง |
คำแปล |
Main verb |
Do you have a car? |
คุณมีรถหรือไม่ |
Auxiliary (Present Perfect) |
Have you finished your homework? |
คุณทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง |
Auxiliary (Past Perfect) |
Had she arrived before the meeting? |
เธอมาถึงก่อนการประชุมหรือไม่ |
4. การสร้างคำถามด้วย Modal Verbs (can, will, should, must, etc.)
Modal verbs ทำให้การสร้างประโยค yes no question เป็นเรื่องง่าย เพราะเพียงแค่นำ modal verb มาไว้หน้าประโยค
คำศัพท์ Modal Verbs ที่ควรรู้:
Modal Verb |
IPA |
ความหมาย |
ตัวอย่างประโยค |
can |
/kæn/ |
สามารถ |
Can you swim? (คุณว่ายน้ำได้หรือไม่) |
will |
/wɪl/ |
จะ |
Will you come tomorrow? (คุณจะมาพรุ่งนี้หรือไม่) |
should |
/ʃʊd/ |
ควร |
Should we start now? (เราควรเริ่มตอนนี้หรือไม่) |
must |
/mʌst/ |
ต้อง |
Must I finish today? (ฉันต้องทำเสร็จวันนี้หรือไม่) |
would |
/wʊd/ |
จะ (สุภาพ) |
Would you help me? (คุณช่วยฉันได้หรือไม่) |

III. เจาะลึกโครงสร้าง Yes/No Questions ใน Tenses ที่ซับซ้อนขึ้น
เมื่อเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว การสร้าง yes and no questions ในกาลที่ซับซ้อนจะกลายเป็นเรื่องง่าย
1. โครงสร้างในกลุ่ม Perfect Tenses (Present Perfect / Past Perfect)
Perfect tenses ใช้ auxiliary verb have/has/had ในการสร้างคำถาม โดยนำ auxiliary verb มาไว้หน้าประโยค
Present Perfect Questions มีโครงสร้าง: Have/Has + Subject + Past Participle?
ตัวอย่าง
-
Have you ever been to Japan? (คุณเคยไปญี่ปุ่นหรือไม่)
-
Has she finished her project? (เธอทำโครงการเสร็จแล้วหรือยัง)
Past Perfect Questions ใช้โครงสร้าง: Had + Subject + Past Participle?
เช่น: Had they left before you arrived? (พวกเขาไปก่อนที่คุณจะมาถึงหรือไม่)
2. โครงสร้างคำถามเชิงปฏิเสธ (Negative Questions) เช่น Don't you...? Isn't it...?
Negative questions เป็นรูปแบบการถามที่มีความหมายพิเศษ มักใช้เพื่อแสดงความประหลาดใจ ความคาดหวัง หรือการยืนยัน
โครงสร้างพื้นฐาน: Auxiliary Verb + n't + Subject + Main Verb? หรือ Auxiliary Verb + Subject + not + Main Verb?
รูปแบบย่อ |
รูปแบบเต็ม |
ตัวอย่าง |
Don't you...? |
Do you not...? |
Don't you like ice cream? (คุณไม่ชอบไอศกรีมหรือไง) |
Isn't it...? |
Is it not...? |
Isn't it beautiful? (มันไม่สวยหรือไง) |
Won't you...? |
Will you not...? |
Won't you join us? (คุณจะไม่มาร่วมกับเราหรือไง) |
IV. เทคนิคการตอบ Yes/No Questions
การตอบ yes no questions อย่างถูกต้องต้องเข้าใจโครงสร้างและบริบทของคำถาม

1. การตอบแบบสั้น (Short Answers) และการตอบแบบยาว (Long Answers)
Short answers เป็นรูปแบบการตอบที่นิยมใช้ในการสนทนาประจำวัน โดยใช้โครงสร้าง: Yes/No + Subject + Auxiliary Verb
การตอบคำถาม Are you ready? สามารถตอบแบบสั้น Yes, I am หรือ No, I'm not และตอบแบบยาว Yes, I am ready to start the meeting หรือ No, I am not ready because I need more time
ตัวอย่างการตอบในสถานการณ์ต่างๆ:
-
Did you finish your homework? → Yes, I did / No, I didn't
-
Can you drive? → Yes, I can / No, I can't
-
Have you been to Thailand? → Yes, I have / No, I haven't
2. ข้อควรระวัง: กับดักที่คนไทยมักตอบผิด
คนไทยมักเผลอตอบ negative questions ผิด เนื่องจากความแตกต่างของโครงสร้างภาษา เมื่อถูกถาม Don't you like coffee? (คุณไม่ชอบกาแฟหรือไง) หากเราชอบกาแฟ ต้องตอบ Yes, I do (ใช่ ฉันชอบ) ไม่ใช่ No
อีกกับดักหนึ่งคือการใช้ auxiliary verb ผิด เมื่อตอบคำถาม Does he work here? ต้องตอบ Yes, he does หรือ No, he doesn't ไม่ใช่ Yes, he is
การเชี่ยวชาญ yes no questions ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการเข้าใจหลักการพื้นฐาน เริ่มจากการจำโครงสร้างของ auxiliary verbs แต่ละประเภท แล้วฝึกสร้างคำถามและตอบในสถานการณ์จริง
เคล็ดลับสำคัญคือการฟังให้ดีว่าคำถามใช้ auxiliary verb อะไร เพราะการตอบจะต้องใช้ auxiliary verb เดียวกัน และจำไว้ว่า negative questions ในภาษาอังกฤษมีการตอบที่แตกต่างจากภาษาไทย
บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม:
รวมประโยคคำถามภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย
V. คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. เราสามารถใช้ Yes/No Questions ในการสนทนาเชิงธุรกิจได้หรือไม่?
ได้อย่างแน่นอน yes no questions เป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารทางธุรกิจ เช่น Are you available for the meeting? (คุณว่างสำหรับการประชุมหรือไม่) หรือ Do you agree with this proposal? (คุณเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้หรือไม่) คำถามเหล่านี้ช่วยให้ได้รับการยืนยันหรือการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
2. Tag Questions (..., right? / ..., isn't it?) ถือเป็น Yes/No Questions ประเภทหนึ่งหรือไม่?
Tag questions เป็นรูปแบบพิเศษของ yes or no questions ที่มีลักษณะเป็นประโยคบอกเล่าตามด้วยคำถามสั้นๆ เช่น You're coming to the party, aren't you? (คุณจะมางานเลี้ยงใช่ไหม) หรือ She doesn't like spicy food, does she? (เธอไม่ชอบอาหารเผ็ดใช่ไหม) ซึ่งผู้ตอบยังคงสามารถตอบด้วย yes หรือ no ได้
3. คำถาม Yes/No Questions มีกี่ประเภทหลักๆ และแตกต่างกันอย่างไร?
Yes no questions แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ คำถามด้วย be verbs (Are you...?), คำถามด้วย auxiliary do (Do you...?), คำถามด้วย modal verbs (Can you...?), และคำถามเชิงปฏิเสธ (Don't you...?) แต่ละประเภทมีหลักการสร้างและการตอบที่แตกต่างกัน
4. ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง Yes/No Questions และ Wh-Questions คืออะไร?
ความแตกต่างหลักคือ คํา ถาม yes no question ต้องการคำตอบแค่ใช่หรือไม่ใช่ ในขณะที่ Wh-questions ต้องการข้อมูลเฉพาะเจาะจง เช่น Do you like music? ตอบได้แค่ Yes/No แต่ What kind of music do you like? ต้องการคำตอบที่ละเอียดกว่า
การเรียนรู้ ประโยค yes no question เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ เมื่อเข้าใจโครงสร้างและหลักการแล้ว การใช้งานจริงจะเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ
จำไว้ว่าความสำเร็จในการใช้ yes no questions อยู่ที่การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและการนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาประจำวัน การทำงาน หรือการสอบภาษาอังกฤษต่างๆ
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้ครอบคลุมทุกด้าน PREP มีหลักสูตร เรียน IELTS ออนไลน์ที่ครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะ พร้อมระบบ AI ที่ช่วยประเมินและแก้ไขการออกเสียง ตลอดจนเทคนิคการทำข้อสอบที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายคะแนน IELTS ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
