ค้นหาบทความการศึกษา

เคล็ดลับการออกเสียงภาษาอังกฤษให้เป๊ะ จากพื้นฐานสู่ขั้นสูง

คุณเคยรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องพูดภาษาอังกฤษหรือไม่? แม้จะเรียนไวยากรณ์และจำคำศัพท์มาเป็นพันคำแล้ว แต่เมื่อเปิดปากพูด เสียงที่ออกมากลับไม่เหมือนที่คิดไว้ ปัญหานี้เกิดขึ้นกับคนไทยส่วนใหญ่ที่มุ่งเน้นแต่ความรู้ทางทฤษฎี แต่มองข้ามการออกเสียงภาษาอังกฤษไป

การออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ วิธี การ ออกเสียง ภาษา อังกฤษ ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ระบบเสียงของภาษาอังกฤษแตกต่างจากภาษาไทยอย่างมาก ภาษาไทยใช้ระบบวรรณยุกต์ที่เสียงสูงต่ำเปลี่ยนความหมาย ในขณะที่ภาษาอังกฤษใช้ระบบเน้นเสียงและจังหวะเป็นหลัก ความแตกต่างนี้ทำให้คนไทยต้องเรียนรู้วิธีใช้อวัยวะการออกเสียงในรูปแบบใหม่

เสียงพยัญชนะหลายตัวในภาษาอังกฤษไม่มีในภาษาไทย เช่น เสียง /θ/ และ /ð/ ที่ต้องใช้ลิ้นแตะฟัน หรือเสียง /v/ ที่ต้องใช้ฟันบนแตะริมฝีปากล่าง นอกจากนี้ ระบบเสียงสระของภาษาอังกฤษมีความซับซ้อนกว่า มีทั้งเสียงสระสั้น ยาว และเสียงสระผสม การแยกแยะเสียงเหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้การสื่อสารชัดเจนและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด

ออกเสียง อังกฤษ ที่ดีไม่ได้หมายถึงการเลียนแบบสำเนียงเจ้าของภาษา แต่เป็นการออกเสียงที่ถูกต้องตามโครงสร้างและสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะพาคุณเรียนรู้เทคนิคการพัฒนาการออกเสียงตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง ครอบคลุมการใช้ IPA การฝึกเสียงที่ยากสำหรับคนไทย เทคนิค Shadowing และ Minimal Pairs รวมถึงความรู้เรื่อง Connected Speech สำหรับผู้เรียนขั้นสูง

มาเริ่มต้นการเดินทางสู่การออกเสียงที่มั่นใจกันเลย โดยทำความเข้าใจสาเหตุที่การออกเสียงภาษาอังกฤษยากสำหรับคนไทยก่อน

how-to-pronounce-english-correctly.png
สรุปที่ครบถ้วนของวิธีออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องที่สุด
  1. I. ทำไมการออกเสียงภาษาอังกฤษถึงยากสำหรับคนไทย? 
  2. II. กุญแจดอกแรกสู่การออกเสียงที่ชัดเจน
    1. 1. IPA (International Phonetic Alphabet)
    2. 2. ฝึกออกเสียง "ตัวปัญหา" ที่คนไทยมักพลาดบ่อยที่สุด
  3. III. พูดให้เป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา
    1. 1. การเน้นเสียงในพยางค์ (Word Stress)
    2. 2. การเน้นเสียงในประโยค (Sentence Stress)
    3. 3. เสียงสูงต่ำ (Intonation)
  4. IV. เทคนิคการฝึกฝนขั้นเทพ
    1. 1. เทคนิค Shadowing
    2. 2. ฝึกกับ Minimal Pairs: คู่คำเทียบเสียงที่เปลี่ยนชีวิตการฟังและพูด
    3. 3. บันทึกเสียงตัวเอง
    4. 4. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
  5. V. เคล็ดลับ Connected Speech
    1. 1. Linking: การเชื่อมเสียงระหว่างคำ
    2. 2. Assimilation: การกลมกลืนเสียง
    3. 3. Elision: การละเสียงที่ไม่จำเป็น
  6. VI. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติม
    1. 1. IPA คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการเรียนรู้การออกเสียง?
    2. 2. จำเป็นหรือไม่ที่ต้องลบสำเนียงไทยออกไปทั้งหมดเพื่อที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี?
    3. 3. สำเนียงอังกฤษ (British) และ อเมริกัน (American) มีจุดต่างหลักๆ ด้านการออกเสียงในเรื่องใดบ้าง?
    4. 4. การฝึกออกเสียงกับเจ้าของภาษาเปรียบเทียบกับการใช้แอปพลิเคชัน มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร?

I. ทำไมการออกเสียงภาษาอังกฤษถึงยากสำหรับคนไทย? 

ภาษาไทยใช้ระบบวรรณยุกต์ ในขณะที่ภาษาอังกฤษใช้ระบบเน้นเสียงและจังหวะ ความแตกต่างนี้ทำให้การเปลี่ยนผ่านต้องใช้เวลาและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

เสียงพยัญชนะที่ไม่มีในภาษาไทย 

เสียง IPA

คำตัวอย่าง

ความหมาย

วิธีออกเสียง

/θ/

think

คิด

ปลายลิ้นแตะฟันบน เป่าลมผ่าน

/ð/

this

นี่

เหมือน /θ/ แต่มีการสั่นเสียง

/v/

very

มาก

ฟันบนแตะริมฝีปากล่าง

/z/

zero

ศูนย์

เหมือน /s/ แต่มีการสั่นเสียง

เสียงสระที่ซับซ้อนและหลากหลายกว่า

ภาษาอังกฤษมีเสียงสระ 20 เสียง เทียบกับภาษาไทยที่มี 9 เสียง คู่เสียงสระที่คนไทยมักสับสน:

  • ship /ʃɪp/ (เรือ) vs sheep /ʃiːp/ (แกะ)

  • bed /bed/ (เตียง) vs bad /bæd/ (แย่)

  • cup /kʌp/ (ถ้วย) vs cop /kɒp/ (ตำรวจ)

พยัญชนะท้ายคำ (Final Consonants) และเสียงควบกล้ำ (Consonant Clusters)

ภาษาไทยไม่มีพยัญชนะท้ายคำที่หลากหลาย คนไทยจึงมักเพิ่มเสียงสระ /ə/ หลังพยัญชนะท้าย เช่น test กลายเป็น "เทสท์" การฝึกฝนการหยุดเสียงอย่างสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น

II. กุญแจดอกแรกสู่การออกเสียงที่ชัดเจน

1. IPA (International Phonetic Alphabet)

IPA เป็นระบบสัญลักษณ์สากลที่ใช้แทนเสียงในภาษาต่างๆ การเรียนรู้ IPA ช่วยให้คุณออกเสียงคำใหม่ได้ถูกต้องโดยไม่ต้องพึ่งการฟัง วิธี การ ออกเสียง ภาษา อังกฤษ ที่ถูกต้องเริ่มต้นจากการทำความคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ IPA พื้นฐาน 44 ตัว

2. ฝึกออกเสียง "ตัวปัญหา" ที่คนไทยมักพลาดบ่อยที่สุด

คู่หยุดโลก: The /θ/ และ /ð/ sound

เทคนิคการฝึก:

  1. วางปลายลิ้นแตะเบาๆ ที่ขอบฟันบน

  2. เป่าลมผ่านช่องว่างระหว่างลิ้นและฟัน

  3. สำหรับ /ð/ ให้เสียงสั่นเหมือนมีเสียงก้อง

เสียง

คำ

ความหมาย

ประโยคตัวอย่าง

/θ/

think

คิด

I think you're right. 

(ฉันคิดว่าคุณพูดถูก)

/ð/

this

นี่

This book is mine. 

(หนังสือเล่มนี้เป็นของฉัน)

เสียง /r/ แบบไม่ห่อลิ้น vs /l/ ที่ปลายลิ้นแตะฟัน

การออกเสียง /r/:

  • ยกด้านข้างลิ้นขึ้น ปลายลิ้นอยู่กลางปาก

  • ไม่ให้ลิ้นแตะส่วนใดของปาก

การออกเสียง /l/:

  • ปลายลิ้นแตะเหงือกหลังฟันบน

  • ลมผ่านด้านข้างลิ้น

คู่เสียงก้องและไม่ก้อง (Voiced vs. Voiceless Consonants)

Voiceless

Voiced

ตัวอย่าง

/p/

/b/

pack (แพ็ค) vs back (หลัง)

/t/

/d/

tin (ดีบุก) vs din (เสียงดัง)

/k/

/g/

cap (หมวก) vs gap (ช่องว่าง)

III. พูดให้เป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา

1. การเน้นเสียงในพยางค์ (Word Stress)

กฎพื้นฐานการเน้นเสียง:

  • คำนาม 2 พยางค์ เน้นพยางค์แรก: PROject, REcord

  • กริยา 2 พยางค์ เน้นพยางค์หลัง: proJECT, reCORD

  • คำลงท้าย -tion, -sion เน้นพยางค์ก่อนหน้า: inforMAtion

วิธีการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องพร้อมตัวอย่าง
การเน้นเสียงในพยางค์ (Word Stress)

2. การเน้นเสียงในประโยค (Sentence Stress)

คำที่มักได้รับการเน้น: คำนาม คำกริยาหลัก คำคุณศัพท์ คำกริยาวิเศษณ์

ตัวอย่าง: I WANT to GO to the STORE. (ฉันอยากไปร้าน)

3. เสียงสูงต่ำ (Intonation)

รูปแบบ Intonation พื้นฐาน:

  • Falling intonation (↘): ประโยคบอกเล่า คำสั่ง

  • Rising intonation (↗): Yes/No questions

  • Fall-rise intonation (↘↗): เมื่อสงสัยหรือไม่เห็นด้วย

วิธีการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องพร้อมตัวอย่าง
เสียงสูงต่ำ (Intonation)

IV. เทคนิคการฝึกฝนขั้นเทพ

1. เทคนิค Shadowing

ขั้นตอนการฝึก Shadowing:

  1. เลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับระดับ

  2. ฟังทั้งหมดหนึ่งรอบเพื่อเข้าใจเนื้อหา

  3. ฟังและพูดตามพร้อมกัน โดยไม่ต้องดูต้นฉบับ

  4. ซ้ำจนกว่าจะพูดตามได้อย่างราบรื่น

2. ฝึกกับ Minimal Pairs: คู่คำเทียบเสียงที่เปลี่ยนชีวิตการฟังและพูด

คู่ Minimal Pairs

ความหมาย

ตัวอย่างประโยค

bit /bɪt/ - beat /biːt/

กัด - ตี

I bit the apple. (ฉันกัดแอปเปิ้ล)

ship /ʃɪp/ - sheep /ʃiːp/

เรือ - แกะ

The ship sailed away. (เรือแล่นไป)

3. บันทึกเสียงตัวเอง

การบันทึกเสียงตัวเองช่วยให้คุณได้ยินข้อผิดพลาดที่มักไม่สังเกต:

  • บันทึกการอ่านประโยคสั้นๆ

  • เปรียบเทียบกับเสียงของเจ้าของภาษา

  • จดบันทึกจุดที่ต้องปรับปรุง

4. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • Sounds Pronunciation App

  • Forvo Dictionary

  • Google Translate (ฟีเจอร์ออกเสียง)

  • Speechling

V. เคล็ดลับ Connected Speech

1. Linking: การเชื่อมเสียงระหว่างคำ

การออกเสียง อังกฤษ ในระดับสูงต้องเข้าใจการเชื่อมเสียง:

  • an apple → /əˈnæpəl/

  • turn off → /tɜːˈnɒf/

  • far away → /fɑːrəˈweɪ/

2. Assimilation: การกลมกลืนเสียง

เสียงบางตัวเปลี่ยนไปเมื่อติดกับเสียงอื่น:

  • good boy → /gʊb bɔɪ/

  • ten men → /tem men/

  • white paper → /waɪp peɪpə/

3. Elision: การละเสียงที่ไม่จำเป็น

เสียงบางตัวหายไปในการพูดเร็ว:

  • next door → /neks dɔː/

  • postman → /poʊsmən/

  • Christmas → /krɪsməs/

บทความแนะนำอ่านต่อ:

พัฒนาการออกเสียงภาษาอังกฤษให้ชัดเป๊ะด้วย 5 เทคนิค

VI. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติม

1. IPA คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อการเรียนรู้การออกเสียง?

IPA ย่อมาจาก International Phonetic Alphabet เป็นระบบสัญลักษณ์สากลที่ใช้แทนเสียงในภาษาต่างๆ แต่ละสัญลักษณ์แทนเสียงหนึ่งเสียงโดยเฉพาะ ทำให้การออกเสียงแม่นยำขึ้น การเรียนรู้ IPA ช่วยให้คุณออกเสียงคำใหม่ได้ถูกต้องโดยไม่ต้องพึ่งการฟัง

2. จำเป็นหรือไม่ที่ต้องลบสำเนียงไทยออกไปทั้งหมดเพื่อที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี?

ไม่จำเป็นต้องลบสำเนียงไทยออกไปทั้งหมด เป้าหมายหลักคือการสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าใจได้ ภาษา อังกฤษ ออกเสียง ที่ดีคือการออกเสียงที่ถูกต้องตามหลักโครงสร้างเสียง แต่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ได้

3. สำเนียงอังกฤษ (British) และ อเมริกัน (American) มีจุดต่างหลักๆ ด้านการออกเสียงในเรื่องใดบ้าง?

ความแตกต่าง

อังกฤษ (British)

อเมริกัน (American)

เสียง /r/

ไม่ออกเสียง /r/ ท้ายคำ

ออกเสียง /r/ ทุกตำแหน่ง

เสียง /a/

/ɑː/ ใน bath, dance

/æ/ ใน bath, dance

เสียง /o/

/ɒ/ ใน hot, lot

/ɑː/ ใน hot, lot

4. การฝึกออกเสียงกับเจ้าของภาษาเปรียบเทียบกับการใช้แอปพลิเคชัน มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร?

วิธีการ

ข้อดี

ข้อเสีย

เจ้าของภาษา

ได้ feedback ทันที เรียนรู้ภาษาธรรมชาติ

ค่าใช้จ่ายสูง เวลาจำกัด

แอปพลิเคชัน

สะดวก ราคาถูก ฝึกได้ตลอดเวลา

ไม่มี feedback แบบละเอียด

การออกเสียงภาษาอังกฤษที่ดีไม่ใช่เรื่องของความ "เป๊ะ" อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ความมั่นใจในการพูด และการเข้าใจที่ถูกต้อง การปฏิบัติตามเทคนิคและวิธีการที่แนะนำในบทความนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณพัฒนาการออกเสียงภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จำไว้ว่าการพัฒนาการออกเสียงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน เริ่มต้นจากพื้นฐาน ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และไม่ท้อถอยเมื่อเจอความยากลำบาก การออกเสียงที่ดีจะเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในการใช้ภาษาอังกฤษในทุกสถานการณ์

PREP – แพลตฟอร์มเรียน & ฝึกสอบอัจฉริยะที่ใช้ AI ช่วยให้คุณเรียนรู้ไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดาย ด้วยวิธีการ Context-based Learning, Task-based Learning และ Guided Discovery ที่ทำให้การเรียนรู้เข้าใจง่ายและน่าสนใจยิ่งขึ้น

การเตรียมตัวสอบ IELTS ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยแผนการเรียนรู้ที่เป็นระบบและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องการยกระดับทักษะภาษาอังกฤษและบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งไว้ การเรียน IELTS กับ PREP จะช่วยให้คุณเข้าถึงหลักสูตรที่ออกแบบมาเป็นพิเศษตามระดับความสามารถ ด้วยระบบการเรียนการสอนที่ผสมผสานเทคโนโลยี AI

ดาวน์โหลดแอป PREP วันนี้ เพื่อเริ่มเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์จากที่บ้าน

ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัครเรียนทันที!

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย