รวม TOEIC Book ที่ดีที่สุด: เลือกเล่มไหนให้คะแนนพุ่ง

การเลือกหนังสือ TOEIC ผิดทำให้นักเรียนหลายพันคนเสียเวลาและเงินไปเปล่า บางคนซื้อหนังสือราคาแพงแต่ไม่เห็นผล บางคนใช้หนังสือหลายเล่มแต่คะแนนไม่ขยับ สาเหตุสำคัญคือการเลือก TOEIC book ที่ไม่เหมาะกับระดับและเป้าหมายของตัวเอง

บทความนี้จะแนะนำ หนังสือ TOEIC ที่ดีที่สุด 5 เล่มยอดนิยม พร้อมวิธีเลือกหนังสือเตรียมสอบ TOEIC ให้เหมาะกับตัวเอง และเทคนิคการใช้ TOEIC textbook อย่างมีประสิทธิภาพ

การเตรียมสอบ TOEIC ในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะมี best TOEIC preparation book หลากหลายแบรนด์ในตลาด ตั้งแต่ ETS Official Guide ที่มาจากผู้จัดสอบโดยตรง ไปจนถึง Barron TOEIC pdf และ TOEIC PDF book รูปแบบต่างๆ ที่หาได้ง่ายในยุคดิจิทัล

ปัญหาที่พบบ่อยคือผู้เรียนไม่รู้ว่า หนังสือเตรียมสอบโทอิค เล่มไหนดี สำหรับระดับของตัวเอง การเลือกหนังสือที่ยากเกินไปทำให้ท้อแท้ ขณะที่การเลือกหนังสือง่ายเกินไปทำให้เสียเวลา นอกจากนี้ หลายคนยังไม่รู้วิธีใช้หนังสือ TOEIC อย่างเป็นระบบ ขาดการวางแผนที่ชัดเจน และไม่มีการประเมินผลการเรียนรู้

การเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างหนังสือแต่ละประเภท เช่น Comprehensive Books, Skill-specific Books และ Practice Test Books จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกซื้อแม่นยำและคุ้มค่ามากขึ้น

คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเลือกหนังสือที่เหมาะสมกับเป้าหมายคะแนน วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของแต่ละเล่ม และเรียนรู้เทคนิคการศึกษาที่เพิ่มประสิทธิภาพการสอบ TOEIC

มาเริ่มต้นด้วยการรู้จัก 5 หนังสือ TOEIC ยอดนิยมที่ใช้ได้ผลจริงกัน!

I. เปิดลิสต์ 5 หนังสือ TOEIC ยอดนิยม

การเลือกหนังสือ TOEIC ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละเล่มมีจุดเด่นและกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือ TOEIC book ที่ผู้เรียนส่วนใหญ่ให้ความเชื่อถือและใช้เป็นหลักในการเตรียมสอบ TOEIC

1. ETS TOEIC Test Official Guide

หนังสือเล่มนี้จัดทำโดย Educational Testing Service (ETS) ซึ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบการจัดสอบ TOEIC โดยตรง ทำให้มีความแม่นยำสูงสุดในด้านรูปแบบข้อสอบและระดับความยาก

เหมาะสำหรับใคร?

• ผู้เรียนที่ต้องการความแม่นยำ 100% ในรูปแบบข้อสอบ

• คนที่เริ่มต้นเตรียมสอบ TOEIC และต้องการทำความเข้าใจโครงสร้างการสอบ

• ผู้ที่มีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อย 3-4 เดือน

จุดเด่นและข้อสังเกต

2. Barron's TOEIC

หนังสือ TOEIC textbook เล่มนี้เป็นที่นิยมเพราะมีเนื้อหาครบถ้วนทั้ง Grammar, Vocabulary และแบบฝึกหัดจำนวนมาก พร้อมด้วย barron TOEIC pdf version ที่สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้

เหมาะสำหรับใคร?

ผู้เรียนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษระดับกลาง (ประมาณ 350-450 คะแนน) และต้องการปรับปรุงทั้งความรู้และเทคนิคไปพร้อมกัน นักเรียนที่ชอบเรียนรู้แบบเป็นระบบและมีเวลาสำหรับการศึกษาอย่างละเอียด

จุดเด่นและข้อสังเกต

จุดเด่นของ Barron's คือมี Grammar Review ที่ครอบคลุมและเข้าใจง่าย พร้อมด้วยเทคนิคการทำข้อสอบที่ใช้ได้จริง ข้อสังเกตคือบางข้อสอบยากกว่าของจริงเล็กน้อย ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่

3. Collins Skills for the TOEIC Test

หนังสือ TOEIC เล่มนี้แบ่งเป็น 2 เล่มแยกกัน คือ Listening และ Reading ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนตามจุดอ่อนของตัวเองได้

เหมาะสำหรับใคร?

• ผู้เรียนที่รู้จุดอ่อน-จุดแข็งของตัวเองชัดเจน

• คนที่ต้องการฝึกทักษะเฉพาะด้าน

• ผู้ที่มีเวลาจำกัดและต้องการเน้นที่ทักษะที่ต้องปรับปรุง

จุดเด่นและข้อสังเกต

Collins มีจุดเด่นในเรื่องการสอนเทคนิค Skimming และ Scanning สำหรับ Reading Part รวมถึงการฝึก Note-taking สำหรับ Listening ข้อสังเกตคือต้องซื้อ 2 เล่มแยกกันทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

4. Hackers TOEIC

หนังสือเตรียมสอบ TOEIC ชุดนี้มาจากเกาหลีใต้ ประเทศที่มีคะแนน TOEIC เฉลี่ยสูงสุดในโลก เล่มแดงเน้น Reading เล่มฟ้าเน้น Listening

เหมาะสำหรับใคร?

ผู้เรียนที่ต้องการเทคนิคการทำข้อสอบแบบเร็วและแม่นยำ คนที่มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 1-2 เดือน และต้องการเพิ่มคะแนนอย่างรวดเร็ว

จุดเด่นและข้อสังเกต

5. Oxford Practice Tests for the TOEIC Test

หนังสือเตรียมสอบโทอิค เล่มไหนดี สำหรับคนที่ต้องการฝึกทำข้อสอบจำนวนมาก Oxford เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีข้อสอบจำลอง 5 ชุดเต็ม

เหมาะสำหรับใคร?

• ผู้เรียนที่มีพื้นฐานดีแล้วและต้องการฝึกทำข้อสอบ

• คนที่จะสอบ TOEIC ภายใน 1 เดือน

• ผู้ที่ต้องการสร้างความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ

จุดเด่นและข้อสังเกต

Oxford มีจุดเด่นในเรื่องคุณภาพข้อสอบที่ใกล้เคียงของจริงและมีคำอธิบายที่ละเอียด ข้อสังเกตคือไม่มีการสอน Grammar หรือ Vocabulary เพิ่มเติม เหมาะกับการฝึกฝนมากกว่าการเรียนรู้เนื้อหาใหม่

II. วิธีเลือก TOEIC book ให้เหมาะกับตัวเองที่สุด

การเลือก best TOEIC preparation book ไม่ได้มีสูตรสำเร็จเดียว เพราะแต่ละคนมีพื้นฐาน เป้าหมาย และสไตล์การเรียนที่แตกต่างกัน

1. ประเมินระดับภาษาอังกฤษของตัวเอง: พื้นฐานอ่อนหรือแข็ง?

ผู้เรียนที่มีคะแนน TOEIC ปัจจุบันต่ำกว่า 350 ควรเริ่มจากหนังสือที่มีการสอน Grammar และ Vocabulary พื้นฐานอย่างละเอียด เช่น Barron's หรือ Collins ส่วนผู้ที่มีคะแนนมากกว่า 500 สามารถใช้ ETS Official Guide หรือ Oxford Practice Tests ได้เลย

2. กำหนดเป้าหมายคะแนนที่ชัดเจน: 550, 750 หรือ 900+?

เป้าหมายคะแนนกำหนดแนวทางการเลือกหนังสือ หากต้องการคะแนน 550-650 ควรเน้นหนังสือที่สอนพื้นฐานครบถ้วน หากต้องการ 750+ ควรเลือกหนังสือที่มีเทคนิคขั้นสูงและข้อสอบที่ท้าทาย

3. วิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็งของตัวเอง: Listening หรือ Reading ที่ต้องเน้น?

ทำ Diagnostic Test ก่อนเพื่อหาจุดอ่อน หาก Listening คะแนนต่ำกว่า Reading ควรเลือก Collins Listening หรือ Hackers เล่มฟ้า หาก Reading อ่อนกว่า ให้เน้น Hackers เล่มแดงหรือ Collins Reading

4. เลือกตามสไตล์การเรียนรู้: ชอบทฤษฎีแน่น หรือเน้นทำโจทย์?

III. เทคนิคการใช้ TOEIC book ให้ได้ผลสูงสุด

การมี TOEIC pdf book หรือ TOEIC textbook ที่ดีไม่รับประกันคะแนนสูง หากไม่รู้วิธีใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวางแผนการอ่าน: สร้างตารางเวลาที่ทำได้จริง

แบ่งเวลาเรียนเป็น 3 ส่วน คือ 40% เรียนเนื้อหาใหม่ 40% ทำแบบฝึกหัด และ 20% ทบทวน ตั้งเป้าหมายรายวันที่สามารถทำได้จริง เช่น วันละ 1 หน่วย หรือ วันละ 20 ข้อ

การทบทวน Grammar และ Vocab อย่างมีประสิทธิภาพ

Grammar และ Vocabulary เป็นพื้นฐานสำคัญของการสอบ TOEIC ที่ต้องทบทวนอย่างสม่ำเสมอ

เทคนิคการจำศัพท์แบบ Active Recall

แทนการอ่านรายการศัพท์ซ้ำๆ ให้ใช้วิธี Active Recall โดยดูความหมายแล้วนึกคำศัพท์ หรือฟังประโยคแล้วเดาคำที่ขาดหาย วิธีนี้ช่วยให้จำได้นานและใช้งานได้จริง

สรุป Grammar ที่ออกบ่อย (Part of Speech, Tenses, Connectors)

• Part of Speech: เน้นฝึกแยกคำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ และคำวิเศษณ์

• Tenses: ทบทวน Present Perfect, Past Simple, Future กับการใช้ Signal Words

• Connectors: จำ However, Although, Because, Since เพื่อใช้ใน Part 6-7

เปลี่ยนการทำแบบฝึกหัดให้เป็นการสอบจริง (Timed Practice)

ฝึกทำข้อสอบตามเวลาจริง คือ Listening 45 นาที Reading 75 นาที เพื่อสร้างความคุ้นเคยและจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวิเคราะห์ข้อผิดพลาด: กุญแจสำคัญสู่การอัปคะแนน

หลังทำข้อสอบทุกครั้ง ให้บันทึกข้อผิดพลาดตามหมวดหมู่ เช่น Grammar ผิด Vocabulary ไม่รู้ หรือไม่เข้าใจโจทย์ จากนั้นวางแผนทบทวนจุดอ่อนเหล่านั้นโดยเฉพาะ

บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม:

แนะนำคอร์ส ติว TOEIC ออนไลน์ดีที่สุด เข้าใจง่าย สอนครบ

ความแตกต่างระหว่าง TOEIC กับ IELTS เลือกสอบแบบไหนดีกว่า

อัปเดตตาราง สอบ TOEIC 2025 และเคล็ดลับการเตรียมตัว

IV. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับหนังสือ TOEIC

1. จำเป็นต้องซื้อหนังสือ TOEIC หลายเล่มไหม?

ไม่จำเป็น หนังสือ 1-2 เล่มที่ดีและใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพให้ผลดีกว่าการซื้อหลายเล่มแต่ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจัง

2. หนังสือ 'Red Book' กับ 'Blue Book' ที่พูดถึงกันบ่อยๆ คืออะไร?

Red Book หมายถึง Hackers TOEIC Reading (เล่มแดง) ส่วน Blue Book คือ Hackers TOEIC Listening (เล่มฟ้า) ที่นิยมใช้กันมากในเกาหลีและไทย

3. หนังสือ TOEIC แบ่งตามประเภทการใช้งานได้อย่างไรบ้าง?

แบ่งได้ 3 ประเภท คือ Comprehensive Books (ครบทุกส่วน) Skill-specific Books (เฉพาะทักษะ) และ Practice Test Books (เน้นข้อสอบ)

4. หนังสือ Official Guide กับหนังสือจากสำนักพิมพ์อื่นต่างกันอย่างไรในแง่ความแม่นยำ?

Official Guide มีความแม่นยำ 100% เพราะมาจาก ETS โดยตรง หนังสือจากสำนักพิมพ์อื่นอาจมีระดับความยากต่างกัน แต่มักมีเทคนิคและเนื้อหาเสริมมากกว่า

การเลือก TOEIC book ที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการนำหนังสือนั้นมาใช้อย่างมีแผนและสม่ำเสมอ อย่าลืมว่าหนังสือดีที่สุดคือหนังสือที่คุณใช้จนจบและเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด ไม่ใช่หนังสือที่แพงที่สุดหรือมีชื่อเสียงมากที่สุด

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การวางแผนการเรียน และการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณใช้หนังสือ TOEIC ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ความสำเร็จในการสอบ TOEIC ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหนังสือที่คุณมี แต่ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและวิธีการเรียนที่ถูกต้อง

สำหรับผู้ที่ต้องการการเตรียมตัวแบบครบวงจร PREP English มีคอร์สเรียน TOEIC ออนไลน์ที่ผสมผสานเนื้อหาจากหนังสือคุณภาพสูงเข้ากับเทคโนโลยี AI ที่ช่วยวิเคราะห์จุดอ่อนและปรับแผนการเรียนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ระบบ Virtual Speaking และ Writing Room ช่วยให้คุณฝึกฝนทักษะได้อย่างเข้มข้นและได้รับ Feedback ทันที