ค้นหาบทความการศึกษา
ตาราง IPA: ออกเสียงภาษาอังกฤษให้เป๊ะเหมือนเจ้าของภาษา
คุณเคยรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ไม่เคยเจอมาก่อนหรือไม่? หรือสงสัยว่าทำไมการออกเสียงของเจ้าของภาษาจึงฟังชัดเจนและไพเราะกว่าเรา ความลับอยู่ที่การเข้าใจระบบเสียงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังภาษาอังกฤษ และตาราง IPA คือกุญแจสำคัญที่จะไขความลับนี้ให้คุณได้
International phonetic alphabet หรือ IPA เป็นระบบ สั ท อักษร ภาษา อังกฤษ มาตรฐานสากลที่จะช่วยให้การ การออกเสียงภาษาอังกฤษ ของคุณแม่นยำและมั่นใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ระบบ IPA english แตกต่างจาก ตาราง phonics ตรงที่ใช้หลักการ "หนึ่งสัญลักษณ์แทนหนึ่งเสียง" ทำให้ phonetic transcription แม่นยำกว่าการเดาจากตัวสะกด IPA chart ครอบคลุมทั้งพยัญชนะที่ consonant คือ เสียงที่เกิดจากการกีดขวางลมหายใจ และสระที่แบ่งเป็นสระเดี่ยวและสระประสม
สระภาษาอังกฤษมีกี่ตัว เป็นคำถามสำคัญ โดยมีสระเดี่ยว 12 เสียงและสระประสม 8 เสียง ตาราง สระ และ ตาราง phonetic จะช่วยให้คุณเข้าใจการแบ่งประเภทเสียงอย่างชัดเจน การ ออกเสียง phonetic ที่ถูกต้องจะทำให้การสื่อสารของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากการออกเสียงพื้นฐานแล้ว phonetics ยังรวมถึงการเน้นพยางค์ น้ำเสียง และเสียง schwa /ə/ ที่พบบ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ
บทความนี้จะพาคุณสำรวจ IPA phonetic อย่างครบถ้วน ตั้งแต่การอ่าน phonetic transcription ในพจนานุกรม การใช้ ตาราง IPA ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูงที่จะทำให้การออกเสียงของคุณฟังเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา
มาเริ่มต้นการเดินทางสู่การออกเสียงภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์แบบด้วยการทำความรู้จักกับ IPA กันเลย

I. IPA คืออะไร?
International phonetic alphabet เป็นระบบสัญลักษณ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแทนเสียงในภาษาทุกภาษาบนโลก โดยใช้หลักการที่ว่า "หนึ่งสัญลักษณ์แทนหนึ่งเสียง" ซึ่งต่างจากตัวอักษรธรรมดาที่อาจมีการออกเสียงหลายแบบ ระบบ IPA phonetic จึงสามารถแสดงเสียงได้อย่างแม่นยำและไม่คลุมเครือ
หลายคนเคยประสบปัญหาเมื่อเจอคำศัพท์ใหม่และไม่แน่ใจว่าควรออกเสียงอย่างไร เพราะตัวอักษรภาษาอังกฤษมักมีการออกเสียงที่แตกต่างกันในแต่ละคำ เช่น คำ "read" อาจออกเสียงเป็น /riːd/ หรือ /red/ ขึ้นอยู่กับกาล แต่เมื่อเราเข้าใจ การ ออกเสียง phonetic จะสามารถออกเสียงได้ถูกต้องทุกครั้ง
Phonetic transcription จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราอ่านออกเสียงได้โดยไม่ต้องเดา โดยเฉพาะในพจนานุกรมที่มีการใส่สัญลักษณ์ สั ท อักษร ภาษา อังกฤษ ไว้ข้างคำศัพท์แต่ละคำ
II. ตาราง IPA ภาษาอังกฤษ
IPA chart สำหรับภาษาอังกฤษประกอบด้วยสัญลักษณ์หลักๆ ที่แบ่งออกเป็นสองหมวดใหญ่คือ พยัญชนะและสระ โดยแต่ละสัญลักษณ์มีความหมายและการใช้งานเฉพาะตัว
1. หมวดพยัญชนะ (Consonants)
พยัญชนะในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักตามการสั่นของสายเสียง เมื่อเราเข้าใจความแตกต่างนี้ จะสามารถออกเสียงได้ชัดเจนขึ้น
Consonant คือเสียงที่เกิดจากการกีดขวางลมหายใจด้วยอวยวะต่างๆ ในช่องปาก โดยแบ่งเป็นเสียงก้อง (voiced) และเสียงไม่ก้อง (voiceless)
เสียงไม่ก้อง (Voiceless) |
เสียงก้อง (Voiced) |
/p/ - pat |
/b/ - bat |
/t/ - top |
/d/ - dog |
/k/ - cat |
/g/ - go |
/f/ - fish |
/v/ - very |
/θ/ - think |
/ð/ - this |
/s/ - see |
/z/ - zoo |
2. หมวดสระ (Vowels)
สระภาษาอังกฤษมีกี่ตัว เป็นคำถามที่นักเรียนมักสงสัย คำตอบคือภาษาอังกฤษมีสระเดี่ยว 12 เสียงและสระประสม 8 เสียง โดย ตาราง สระ จะช่วยให้เราเข้าใจการแบ่งประเภทนี้
เจาะลึกสระเดี่ยว: เสียงสั้นและเสียงยาว (Short & Long Vowels)
สระเดี่ยวในภาษาอังกฤษแบ่งเป็นเสียงสั้นและเสียงยาว โดยความยาวของเสียงมีผลต่อความหมายของคำ

เสียงสระสั้น:
-
/ɪ/ - sit, big, fish
-
/e/ - bed, red, left
-
/æ/ - cat, bat, hand
-
/ʌ/ - cup, but, love
-
/ɒ/ - hot, pot, dog
เสียงสระยาว:
-
/iː/ - see, tea, meat
-
/uː/ - too, blue, food
-
/ɑː/ - car, park, start
-
/ɔː/ - saw, bought, door
-
/ɜː/ - bird, word, learn
ทำความรู้จักสระประสม: การเคลื่อนที่ของลิ้นในเสียงเดียว
สระประสมเป็นเสียงที่เริ่มต้นด้วยตำแหน่งลิ้นแบบหนึ่งและเลื่อนไปยังตำแหน่งอื่นภายในเสียงเดียวกัน การออกเสียงภาษาอังกฤษ ที่ถูกต้องจำเป็นต้องเข้าใจการเคลื่อนที่นี้
สระประสม |
ตัวอย่างคำ |
การเคลื่อนที่ |
/eɪ/ |
face, rain, day |
จาก /e/ ไป /ɪ/ |
/aɪ/ |
my, time, light |
จาก /a/ ไป /ɪ/ |
/ɔɪ/ |
boy, choice, voice |
จาก /ɔ/ ไป /ɪ/ |
/aʊ/ |
how, house, now |
จาก /a/ ไป /ʊ/ |
III. วิธีอ่านและใช้ Phonetic Transcription ในพจนานุกรม
เมื่อเราเปิดพจนานุกรมภาษาอังกฤษ จะพบสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ล้อมรอบด้วยเครื่องหมายพิเศษ ซึ่งเป็น phonetic transcription ที่บอกเราว่าคำนั้นๆ ออกเสียงอย่างไร
1. โครงสร้างของ Phonetic Transcription: สัญลักษณ์ /.../ และ [...]
ในการเขียน phonetic transcription จะใช้สัญลักษณ์สองแบบหลัก:
-
สัญลักษณ์ /.../: ใช้แสดงการออกเสียงแบบกว้างๆ (broad transcription) ที่เน้นความแตกต่างของความหมาย
-
สัญลักษณ์ [...]: ใช้แสดงการออกเสียงแบบละเอียด (narrow transcription) ที่แสดงรายละเอียดทางสัทศาสตร์
ตัวอย่างคำ "cat" จะเขียนเป็น /kæt/ ในแบบกว้างและอาจเขียนเป็น [kʰæt] ในแบบละเอียดเพื่อแสดงลมหายใจที่ตามมาหลัง /k/
2. ตัวอย่างคำศัพท์และการถอดเสียง: จากคำง่ายๆ สู่คำที่มักออกเสียงผิด
หลายคำในภาษาอังกฤษมีการสะกดที่อาจทำให้เราออกเสียงผิด แต่เมื่อมี phonetic transcription จะช่วยให้เราออกเสียงได้ถูกต้อง
คำศัพท์ |
การสะกด |
IPA |
through |
th-r-o-u-g-h |
/θruː/ |
rough |
r-o-u-g-h |
/rʌf/ |
colonel |
c-o-l-o-n-e-l |
/ˈkɜːrnl/ |
Wednesday |
W-e-d-n-e-s-d-a-y |
/ˈwenzdeɪ/ |
IV. สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสัทศาสตร์ (Advanced Phonetics)
เมื่อเราเข้าใจพื้นฐาน IPA english แล้ว สิ่งที่จะทำให้การออกเสียงของเราฟังเป็นธรรมชาติมากขึ้นคือการเรียนรู้เรื่อง stress และ intonation รวมถึงเสียง schwa ที่สำคัญมาก
1. ความสำคัญของ Stress (การเน้นพยางค์) และ Intonation (น้ำเสียง)
การเน้นพยางค์และน้ำเสียงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ การออกเสียงภาษาอังกฤษ ฟังเป็นธรรมชาติ ในระบบ IPA จะใช้เครื่องหมาย ˈ สำหรับ primary stress และ ˌ สำหรับ secondary stress
ตัวอย่างคำ "photograph" /ˈfoʊtəˌɡræf/ จะเน้นที่พยางค์แรกหนักที่สุด และพยางค์สุดท้ายเบาลง ในขณะที่ "photography" /fəˈtɒɡrəfi/ จะเน้นที่พยางค์ที่สอง
2. Schwa /ə/: เสียงสระที่พบบ่อยและสำคัญที่สุดในภาษาอังกฤษ
เสียง schwa /ə/ เป็นเสียงสระที่พบบ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในพยางค์ที่ไม่ได้รับการเน้น เสียงนี้ออกเสียงเบาๆ และสั้นๆ เหมือนเสียง "เออ" ในภาษาไทย

คำที่มีเสียง schwa:
-
about /əˈbaʊt/
-
banana /bəˈnænə/
-
camera /ˈkæmərə/
-
comfortable /ˈkʌmftəbl/
V. คำถามที่พบบ่อยและข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IPA
1. การเรียน IPA จำเป็นสำหรับการพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่?
การเรียน IPA ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเป็นอันขาด แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น หลายคนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้โดยไม่รู้จัก IPA แต่การรู้จักระบบนี้จะช่วยให้เราแก้ไขการออกเสียงที่ผิดและเรียนรู้คำใหม่ได้อย่างถูกต้องตั้งแต่แรก
2. 'สัทอักษร' (Phonetic Symbol) กับ 'ตัวอักษร' (Letter) ต่างกันอย่างไร?
ตัวอักษรธรรมดาเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เขียนภาษาและอาจมีการออกเสียงหลายแบบ เช่น ตัว "a" ในคำ "cat", "cake", "car" จะออกเสียงต่างกัน ในขณะที่สัทอักษรหรือ phonetic symbol แต่ละตัวจะแทนเสียงเพียงเสียงเดียวเท่านั้น เช่น /æ/, /eɪ/, /ɑː/ จะมีเสียงที่แน่นอนและไม่เปลี่ยนแปลง
3. สัญลักษณ์ IPA ใดบ้างที่ไม่มีเสียงเทียบเคียงโดยตรงในภาษาไทย?
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีระบบเสียงที่แตกต่างกัน ทำให้มีเสียงบางเสียงในภาษาอังกฤษที่ไม่มีในภาษาไทย
-
เสียง /θ/ และ /ð/: เป็นเสียงที่เกิดจากการใส่ลิ้นระหว่างฟัน ไม่มีในภาษาไทย
-
เสียง /v/: คล้าย /f/ แต่มีการสั่นของสายเสียง
-
เสียง /ʌ/: เป็นเสียงสระที่ไม่มีในภาษาไทยโดยตรง
4. การออกเสียงพยัญชนะท้ายคำ (Final Consonants) ในภาษาอังกฤษเทียบกับภาษาไทยมีความแตกต่างกันอย่างไร?
ภาษาไทยมีพยัญชนะท้ายคำจำกัด (ก, ด, บ, ง, น, ม, ย, ว) ในขณะที่ภาษาอังกฤษสามารถใช้พยัญชนะใดก็ได้มาปิดท้ายคำ ทำให้คนไทยมักมีปัญหาในการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำในภาษาอังกฤษ
พยัญชนะท้าย |
ภาษาอังกฤษ |
ภาษาไทย |
/p/ |
stop /stɒp/ |
ไม่มี |
/t/ |
cat /kæt/ |
ออกเสียงเป็น /d/ |
/k/ |
book /bʊk/ |
ออกเสียงเป็น /g/ |
ตาราง IPA เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเราก้าวหน้าไปอีกระดับ ผ่านการทำความเข้าใจระบบเสียงที่แม่นยำและสากล เราจะสามารถออกเสียงได้ถูกต้องและมั่นใจมากขึ้น
การลงทุนเวลาในการเรียนรู้ international phonetic alphabet จะให้ผลตอบแทนในระยะยาว โดยเฉพาะการอ่านออกเสียงคำใหม่ได้อย่างถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และการแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียงที่อาจฝังแน่นมานาน ด้วย phonetics เป็นพื้นฐาน เราจะมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดค้นหาบทความการศึกษา
แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
