ค้นหาบทความการเรียน
Passive Listening: วิธีฟังภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้นแบบสบายๆ
เคยสงสัยไหมว่าทำไม แม้จะสามารถเข้าใจคำศัพท์ได้ถึง 60-70% ในบทฟัง หรือจับใจความของประโยคได้เป็นบางส่วน แต่เมื่อเจอบทฟังที่ยาวขึ้นกลับรู้สึกสับสน? คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการขาดการซึมซับภาษาอังกฤษอย่างลึกซึ้ง นี่คือเหตุผลที่ Passive Listening (ฟังแบบ passive) กลายมาเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเสริมทักษะทางภาษาอย่างได้ผล ลองอ่านบทความด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจว่า Passive Listening สามารถช่วยพัฒนาความสามารถทางภาษาของคุณได้อย่างไร!
I. Passive Listening คืออะไร
Passive Listening ต่างจากการฟังแบบตั้งใจ (active listening) อย่างไร ก่อนที่จะพูดถึงความแตกต่าง มาทำความเข้าใจกับความหมายของ Passive Listening กันก่อน
Passive Listening คือการฟังบางสิ่งบางอย่างโดยไม่มีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง (เช่น การฟังแบบไม่ได้ตั้งใจหรือให้ความสนใจเพียงเล็กน้อย) จุดประสงค์หลักของ Passive Listening คือเพื่อช่วยให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับภาษาที่ต้องการในวิธีที่ผ่อนคลายที่สุด
คำถามที่ผู้เรียนมักสงสัยคือ "ควรฝึก Passive Listening ไหม" คำตอบจาก PREP คือ ควรฝึก Passive Listening ทุกวัน แต่ต้องไม่มองว่ามันเป็นวิธีหลักในการพัฒนาทักษะการฟัง แต่ควรใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนจะดีกว่า
II. ประโยชน์ของ Passive Listening
1. ลดการแปลในหัว
เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษที่จะพบว่าการเข้าใจบทฟังในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก เคยไหมที่คุณฟังประโยคหนึ่งแล้วพยายามแปลความหมายในหัว แต่เสียงพูดก็เลื่อนไปยังประโยคถัดไปแล้ว? หรือเมื่อต้องการแสดงความคิดเห็นในภาษาอังกฤษ คุณกลับต้องแปลความคิดจากภาษาแม่ก่อน? สาเหตุของสถานการณ์เหล่านี้คือการที่คุณยังไม่ได้ซึมซับภาษาอังกฤษมากพอ
แล้วเราจะลดการแปลในหัวได้อย่างไร?
หากคุณฝึกฟังแบบ passive ในภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง คุณจะสร้างสภาพแวดล้อมภาษาอังกฤษให้กับตัวเอง การฟังภาษาอังกฤษทุกวันช่วยให้สมองของคุณพัฒนาการตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ สมองจะตอบสนองข้อมูลที่ได้รับโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพึ่งพาการแปล เมื่อเวลาผ่านไป Passive Listening จะช่วยลดขั้นตอนการแปลในหัวของคุณลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. พัฒนาระบบภาษาแบบเจ้าของภาษา
คุณฟังพอดแคสต์ตอนตื่นนอน ฟังเพลงตอนพักเที่ยง และดูวิดีโอโปรดใน YouTube ก่อนเข้านอน การทำแบบนี้ทุกวันจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับรูปแบบเสียงของเจ้าของภาษา การฟังภาษาอังกฤษช่วยให้คุณสังเกตได้ว่าการพูดของเจ้าของภาษามีจังหวะ น้ำเสียง การเน้นคำ และช่วงหยุดในจุดที่เหมาะสม
เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณซึมซับระบบภาษาแบบเจ้าของภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน
III. สี่ขั้นตอนสำหรับการฝึก Passive Listening ในภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนที่ 1: เลือกแหล่งการฟัง
แหล่งการฟังที่เป็นต้นฉบับ (Authentic listening sources):
เพื่อฝึก Passive Listening อย่างมีประสิทธิภาพ PREP แนะนำให้คุณหาแหล่งการฟังที่เป็นต้นฉบับ (authentic sources) เช่น พอดแคสต์ สถานีวิทยุ หรือวิดีโอใน YouTube ที่สร้างโดยเจ้าของภาษา อย่าจำกัดตัวเองแค่สำเนียงที่คุณชอบ ลองเปิดใจฟังสำเนียงและวิธีการพูดที่หลากหลาย เพราะยิ่งคุณคุ้นเคยกับสำเนียงและรูปแบบการพูดที่ต่างกันมากเท่าไหร่ ทักษะการฟังของคุณก็จะพัฒนาได้มากขึ้น
เหมาะสมกับระดับของคุณ:
หลายคนแนะนำให้หาแหล่งการฟังที่เหมาะสมกับระดับของตัวเอง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าแหล่งนั้นเหมาะสมจริง? PREP ขอแนะนำวิธีการวัดระดับของคุณเองดังนี้:
-
หากคุณเข้าใจคำศัพท์ในไฟล์เสียงได้ 60-80% แสดงว่าแหล่งการฟังนั้นเหมาะสมกับระดับของคุณ
-
หากคุณเข้าใจคำศัพท์เพียง 40-50% แสดงว่าเนื้อหาอยู่ในระดับที่สูงเกินไปสำหรับคุณ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกท้อแท้และอยากเลิกฟัง
ขั้นตอนที่ 2: เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ
เลือกหัวข้อที่คุณชอบหรือรู้สึกว่าน่าสนใจ เช่น หากคุณชื่นชอบบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือมีอิทธิพล ลองเลือกวิดีโอที่เกี่ยวกับพวกเขา เช่น วิดีโอของ Totally Emma Watson หรือช่อง Vogue สรุปง่ายๆ คือเลือกแหล่งการฟังที่คุณรู้สึกอยากพูดหรือเลียนแบบวิธีการพูดนั้นๆ
ขั้นตอนที่ 3: ศึกษาคำศัพท์
ในขั้นตอนนี้ ลองค้นคว้าคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่คุณจะฟัง การเตรียมตัวแบบนี้จะช่วยให้คุณมีภาพรวมของเนื้อหาการฟังได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างการฟัง คุณจะ "จับ" คำศัพท์ที่เคยเรียนได้ง่ายขึ้น ช่วงเวลาที่คุณสามารถจับคำศัพท์ได้นั้นคือจุดเปลี่ยนจากฟังแบบ passive ไปสู่การฟังแบบตั้งใจ
ขั้นตอนที่ 4: ฟังซ้ำ
การฟังเนื้อหาซ้ำหลายครั้งจะช่วยให้คุณค้นพบสิ่งที่น่าสนใจและเข้าใจรายละเอียดได้มากขึ้น การฟังซ้ำยังช่วยให้คุณรู้สึกถึงความสำเร็จ เช่น ในวันแรกคุณอาจเข้าใจเนื้อหาเพียง 60% แต่เมื่อฟังซ้ำในวันถัดๆ ไป คุณจะเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อฟังไป 3-4 ครั้ง คุณจะเข้าใจหัวข้อสำคัญทั้งหมด ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมใช่ไหม
PREP มีคำแนะนำสำหรับคุณ: อย่าเปลี่ยนวิดีโอที่ฟังไปทุกวัน เพราะจะทำให้คุณไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่วิดีโอต้องการสื่อได้อย่างลึกซึ้ง และอาจทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง
IV. บทสรุป
บทความนี้ได้สรุปภาพรวมของวิธี Passive Listening PREP ขอให้คุณเตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและคว้าคะแนนสูงในข้อสอบ IELTS Listening!
หากคุณกำลังมองหาเส้นทางการเรียน IELTS ที่ครบทั้ง 4 ทักษะ พร้อมความยืดหยุ่นในเวลาเรียน อย่าลืมตรวจสอบคอร์สเรียน IELTS ออนไลน์ของเราได้ที่ PREP!
PREP มอบโปรแกรมเรียน IELTS Reading & Listening แบบครบวงจร ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมกลยุทธ์ช่วยให้คุณจัดการกับทุกประเภทคำถาม และเพิ่มคะแนนได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยห้องสอบ IELTS 3D Prep AI คุณจะได้ฝึกกับข้อสอบชุดล่าสุด พร้อมคำอธิบายคำตอบอย่างละเอียด ที่ช่วยให้คุณเข้าใจวิธีทำข้อสอบได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ดาวน์โหลดแอป PREP วันนี้ เพื่อเริ่มเรียน IELTS ออนไลน์จากที่บ้าน
ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัครเรียนทันที!
ความคิดเห็น
ค้นหาบทความการเรียน
คุณอาจจะสนใจ
ตัวอย่างคำตอบ Speaking Part 2: Describe a place where you go to relax พร้อมเทคนิคเพิ่มคะแนน IELTS
4 เทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการเรียนคำพ้องความหมาย ภาษาอังกฤษ พร้อมตัวอย่างใช้จริง!
ตัวอย่าง Speaking Part 2: Describe a time you saw something interesting on social media
แนะนำหนังสือ 15 Days Practice for IELTS Listening ตัวช่วยเพิ่ม Band Score
ตัวอย่างคำตอบ Speaking Part 2: Describe a bicycle/motorcycle/car trip พร้อมคำแนะนำเตรียมสอบ IELTS
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!