ค้นหาบทความการศึกษา
วิธีคำนวณคะแนน IELTS ให้เข้าใจง่าย พร้อมการตีความคะแนนแต่ละส่วน
การทำคะแนน IELTS ที่คุณต้องการอาจดูเหมือนเป็นเรื่องยากและซับซ้อน แต่หากคุณเข้าใจระบบการให้คะแนนอย่างถ่องแท้ การวางแผนเตรียมตัวสอบจะกลายเป็นเรื่องง่ายและมีทิศทางชัดเจน ความรู้เรื่องการคำนวณคะแนนคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีคำนวณคะแนน IELTS เป็นความรู้พื้นฐานที่ผู้สอบทุกคนต้องเข้าใจ ระบบคะแนน IELTS มีหลักการเฉพาะที่แตกต่างจากการสอบอื่นๆ ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนการเรียนและการตั้งเป้าหมายอย่างมาก
ระบบการประเมินไอ เอ ล คะแนนประกอบด้วยหลายองค์ประกอบที่สัมพันธ์กัน ตั้งแต่การแปลงคะแนนดิบ (Raw Score) เป็น Band Score การปัดเศษแบบพิเศษที่ใช้เฉพาะ IELTS และเกณฑ์การประเมินที่แตกต่างกันในแต่ละทักษะ การเข้าใจ IELTS คะแนนในลึกจะช่วยให้คุณรู้ว่าส่วนไหนควรให้ความสำคัญมากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในเวลาที่จำกัด
สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่า IELTS เต็ม เท่า ไหร่หรือคะแนน IELTS เต็ม เท่า ไหร่ คำตอบคือระบบ Band Score 0-9 ที่มีความซับซ้อนในการคำนวณ การรู้จัก band IELTS แต่ละระดับและความหมายจะช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเพื่อเรียนต่อ ทำงาน หรือย้ายถิ่นฐาน
ความเข้าใจเรื่อง IELTS ระดับต่างๆ และการตีความผล สอบ IELTS อย่างถูกต้อง จะทำให้คุณสามารถประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนได้แม่นยำ วางแผนการฝึกฝนที่เหมาะสม และเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนที่ต้องการ
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกขั้นตอนการคำนวณคะแนน ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคการวิเคราะห์ผลสอบ รวมถึงวิธีการเช็ค คะแนน IELTS และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ มาเริ่มต้นการเรียนรู้เพื่อพิชิตเป้าหมาย IELTS ของคุณกันเลย

- I. รู้จักกับระบบคะแนน IELTS Band Score
- II. วิธีคำนวณคะแนน Overall Band Score: สูตรและหลักการปัดเศษที่ต้องรู้
- III. เจาะลึกวิธีคำนวณคะแนนแต่ละพาร์ท
- 1. พาร์ทการฟัง (Listening): เปลี่ยนคะแนนดิบ (Raw Score) สู่ Band Score
- 2. พาร์ทการอ่าน (Reading): ความแตกต่างระหว่าง Academic และ General Training
- 3. พาร์ทการเขียน (Writing): เกณฑ์การประเมิน 4 ข้อ (Marking Criteria) ที่ใช้ตัดสินคะแนน
- 4. พาร์ทการพูด (Speaking): องค์ประกอบ 4 ด้านที่ผู้คุมสอบใช้ประเมิน
- IV. การตีความหมายคะแนน IELTS ในแต่ละระดับ
- V. คะแนน IELTS ควรได้เท่าไหร่?
- VII. คำถามที่พบบ่อยและข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม (FAQs & Advanced Insights)
I. รู้จักกับระบบคะแนน IELTS Band Score
1. ภาพรวมของ Band Score
IELTS คะแนนเต็มใช้ระบบ Band Score ที่มีสเกลตั้งแต่ 0 ถึง 9 โดยแต่ละระดับสะท้อนความสามารถทางภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน ระบบนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อประเมินทักษะการสื่อสารจริงในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการศึกษาและการทำงาน Band Score ทำให้สถาบันการศึกษาและนายจ้างสามารถประเมินความสามารถทางภาษาของผู้สมัครได้อย่างแม่นยำ
Band Score |
ระดับความสามารถ |
คำอธิบายสั้น |
9 |
Expert User |
ใช้ภาษาได้คล่องแคล่วและแม่นยำ |
8 |
Very Good User |
ควบคุมภาษาได้ดี มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย |
7 |
Good User |
ใช้ภาษาได้ดี เข้าใจความซับซ้อน |
6 |
Competent User |
ใช้ภาษาได้มีประสิทธิภาพ |
5 |
Modest User |
ใช้ภาษาได้บางส่วน |
4 |
Limited User |
ความสามารถจำกัดในสถานการณ์คุ้นเคย |
2. Half Bands (คะแนนครึ่งระดับ) คืออะไร?
การให้คะแนน ไอ เอ ลสามารถเป็นครึ่งระดับได้ เช่น 6.5 หรือ 7.5 ซึ่งช่วยให้การประเมินมีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น ระบบครึ่งระดับนี้ทำให้ผู้เรียนสามารถเห็นความก้าวหน้าอย่างชัดเจนและช่วยให้สถาบันการศึกษาหรือองค์กรต่างๆ สามารถกำหนดข้อกำหนดได้อย่างเหมาะสม
คุณลักษณะสำคัญของระบบครึ่งระดับ:
-
ความแม่นยำเพิ่มขึ้น: ช่วยประเมินความสามารถได้ละเอียดกว่าคะแนนเต็มระดับ
-
การเห็นความก้าวหน้า: ผู้เรียนสามารถติดตามการพัฒนาได้อย่างชัดเจน
-
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: สถาบันต่างๆ สามารถกำหนดข้อกำหนดได้เหมาะสม
-
การสะท้อนความสามารถจริง: แสดงความสามารถที่อยู่ระหว่างสองระดับได้อย่างแม่นยำ
II. วิธีคำนวณคะแนน Overall Band Score: สูตรและหลักการปัดเศษที่ต้องรู้
1. สูตรการหาค่าเฉลี่ยคะแนนทั้ง 4 ทักษะ
วิธีคำนวณคะแนน IELTS โดยรวมใช้การหาค่าเฉลี่ยจากคะแนนทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ Listening Reading Writing และ Speaking การคำนวณนี้ทำให้ได้คะแนนที่สะท้อนความสามารถโดยรวมของผู้สอบอย่างยุติธรรม โดยแต่ละทักษะมีน้ำหนักเท่ากันในการประเมิน
สูตรการคำนวณ: Overall Band Score = (Listening + Reading + Writing + Speaking) ÷ 4
ขั้นตอนการคำนวณที่ต้องทำ:
-
รวมคะแนนทั้ง 4 ส่วน: นำคะแนน Listening + Reading + Writing + Speaking
-
หารด้วย 4: เพื่อหาค่าเฉลี่ยของคะแนนทั้ง 4 ทักษะ
-
ปัดเศษตามกฎที่กำหนด: ใช้หลักการปัดเศษพิเศษของ IELTS
-
ได้คะแนนสุดท้าย: คะแนนรวมที่จะปรากฏใน TRF
ตัวอย่างการคำนวณ: หากคุณได้คะแนน Listening 7.0, Reading 6.5, Writing 6.0, Speaking 6.5 คะแนนรวมจะเป็น (7.0 + 6.5 + 6.0 + 6.5) ÷ 4 = 6.5

2. กฎการปัดเศษคะแนน (Rounding Rules) อย่างละเอียด (.25, .5, .75)
การปัดเศษไอ เอ ล คะแนนมีกฎเฉพาะที่แตกต่างจากการปัดเศษทั่วไป ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้ได้คะแนนที่แม่นยำและยุติธรรมที่สุด
ค่าเฉลี่ยที่คำนวณได้ |
คะแนนสุดท้ายหลังปัดเศษ |
หลักการปัดเศษ |
6.125 |
6.0 |
ปัดลงไป (0.25 → 0.0) |
6.25 |
6.5 |
ปัดขึ้นไป (0.25 → 0.5) |
6.375 |
6.5 |
ปัดลงไป (0.75 → 0.5) |
6.5 |
6.5 |
คงเดิม |
6.625 |
6.5 |
ปัดลงไป (0.75 → 0.5) |
6.75 |
7.0 |
ปัดขึ้นไป (0.75 → 1.0) |
6.875 |
7.0 |
ปัดขึ้นไป (0.75 → 1.0) |
หลักการปัดเศษที่ต้องจำ:
-
ตำแหน่งทศนิยม 0.25: ปัดเป็น 0.5 (ปัดขึ้น)
-
ตำแหน่งทศนิยม 0.75: ปัดเป็นจำนวนเต็มถัดไป (ปัดขึ้น)
-
ตำแหน่งทศนิยม 0.5: คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
-
ตำแหน่งทศนิยมอื่นๆ: ปัดไปยังค่า 0.5 หรือจำนวนเต็มที่ใกล้ที่สุด
III. เจาะลึกวิธีคำนวณคะแนนแต่ละพาร์ท
1. พาร์ทการฟัง (Listening): เปลี่ยนคะแนนดิบ (Raw Score) สู่ Band Score
การประเมินส่วน Listening ใช้ระบบแปลงคะแนนดิบ (จำนวนข้อที่ทำถูก) เป็น Band Score โดยตรง ข้อสอบ Listening มีทั้งหมด 40 ข้อ และแต่ละข้อมีน้ำหนักเท่ากัน การแปลงคะแนนจะใช้ตารางมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
ตารางแปลงคะแนน Listening (40 ข้อ สู่ Band 1-9)
การแปลงคะแนน สอบ IELTS ส่วน Listening จะใช้ตารางมาตรฐานที่กำหนดไว้:
จำนวนข้อที่ทำถูก |
Band Score |
เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำ |
39-40 |
9.0 |
97.5-100% |
37-38 |
8.5 |
92.5-95% |
35-36 |
8.0 |
87.5-90% |
32-34 |
7.5 |
80-85% |
30-31 |
7.0 |
75-77.5% |
26-29 |
6.5 |
65-72.5% |
23-25 |
6.0 |
57.5-62.5% |
18-22 |
5.5 |
45-55% |
16-17 |
5.0 |
40-42.5% |
13-15 |
4.5 |
32.5-37.5% |

2. พาร์ทการอ่าน (Reading): ความแตกต่างระหว่าง Academic และ General Training
ตารางแปลงคะแนน Reading Academic
คะแนน IELTS เต็ม เท่า ไหร่สำหรับ Reading Academic จะใช้เกณฑ์ที่เข้มงวดกว่า General Training เนื่องจากเนื้อหามีความซับซ้อนมากกว่า
จำนวนข้อถูก |
Band Score Academic |
Band Score General |
ความแตกต่าง |
39-40 |
9.0 |
9.0 |
เท่ากัน |
37-38 |
8.5 |
8.5 |
เท่ากัน |
35-36 |
8.0 |
8.0 |
เท่ากัน |
33-34 |
7.5 |
7.5 |
เท่ากัน |
30-32 |
7.0 |
7.0 |
เท่ากัน |
27-29 |
6.5 |
6.5 |
เท่ากัน |
23-26 |
6.0 |
6.0-6.5 |
GT ง่ายกว่า |
19-22 |
5.5 |
5.5-6.0 |
GT ง่ายกว่า |
15-18 |
5.0 |
5.0-5.5 |
GT ง่ายกว่า |
ตารางแปลงคะแนน Reading General Training
General Training มีลักษณะเฉพาะในการให้คะแนนที่แตกต่างจาก Academic โดยเฉพาะในระดับคะแนนกลาง เนื่องจากเนื้อหาเน้นการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันมากกว่าเนื้อหาวิชาการ
ความแตกต่างหลักระหว่าง Academic และ General Training:
-
คะแนนระดับสูง (Band 7-9): ใช้เกณฑ์เดียวกัน เนื่องจากต้องการความแม่นยำสูง
-
คะแนนระดับกลาง (Band 5-6): General Training มีความยืดหยุ่นมากกว่าเล็กน้อย
-
เนื้อหาที่แตกต่าง: Academic เน้นเนื้อหาวิชาการ ส่วน General Training เน้นสถานการณ์จริง
-
ระดับความยาก: Academic มีเนื้อหาที่ซับซ้อนกว่า จึงมีเกณฑ์การให้คะแนนที่เข้มงวดกว่า
3. พาร์ทการเขียน (Writing): เกณฑ์การประเมิน 4 ข้อ (Marking Criteria) ที่ใช้ตัดสินคะแนน
การประเมิน IELTS เต็ม เท่า ไหร่ในส่วน Writing ใช้เกณฑ์ 4 ด้านหลัก โดยแต่ละด้านมีน้ำหนักเท่ากัน 25% ของคะแนนรวม การให้คะแนนจะพิจารณาจากความสมดุลของทั้ง 4 เกณฑ์
Task Achievement (Task 2) / Task Response (Task 1)
เกณฑ์นี้วัดความสามารถในการตอบสนองต่อโจทย์และพัฒนาเนื้อหาให้ครบถ้วนตามที่กำหนด:
-
Task 1: การนำเสนอข้อมูลจากกราฟ แผนภูมิ หรือแผนผังอย่างแม่นยำ
-
Task 2: การแสดงความคิดเห็น การโต้แย้ง และการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
-
ความครบถ้วน: ต้องตอบทุกส่วนของโจทย์โดยไม่ขาดตกบกพร่อง
-
ความชัดเจน: แนวคิดต้องเข้าใจง่ายและมีการพัฒนาที่เหมาะสม
-
ความเกี่ยวข้อง: เนื้อหาต้องตรงประเด็นและไม่เบี่ยงเบนจากหัวข้อ
Coherence and Cohesion (CC)
วัดความเชื่อมโยงและการจัดระเบียบเนื้อหาให้ผู้อ่านสามารถติดตามได้ง่าย การเขียนที่ดีต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจนและการเชื่อมโยงความคิดที่เหมาะสม
องค์ประกอบสำคัญ:
-
การจัดย่อหน้า: แต่ละย่อหน้ามีแนวคิดหลักชัดเจนและไม่ปะปนกัน
-
คำเชื่อม: ใช้ linking words อย่างเหมาะสมและหลากหลาย
-
การไหลลื่น: ผู้อ่านสามารถติดตามแนวคิดได้โดยไม่สับสน
-
โครงสร้างรวม: มีบทนำ เนื้อหา และบทสรุปที่สมบูรณ์
Lexical Resource (LR)
ประเมินความสามารถด้านคำศัพท์และการใช้ภาษาที่หลากหลายและเหมาะสม ความสามารถในการเลือกใช้คำที่แม่นยำจะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Grammatical Range and Accuracy (GRA)
วัดความสามารถทางไวยากรณ์ทั้งในด้านความหลากหลายและความถูกต้อง การใช้โครงสร้างที่ซับซ้อนอย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มคะแนนในส่วนนี้
4. พาร์ทการพูด (Speaking): องค์ประกอบ 4 ด้านที่ผู้คุมสอบใช้ประเมิน
การประเมิน Speaking จะดำเนินการโดยผู้คุมสอบที่ผ่านการอบรมมาตรฐานสากล โดยจะประเมินตามเกณฑ์ 4 ด้านหลัก ซึ่งแต่ละด้านมีน้ำหนักเท่ากัน การให้คะแนนจะพิจารณาจากการแสดงออกโดยรวมตลอดการสอบ 11-14 นาที
Fluency and Coherence (FC)
ความคล่องแคล่วและความเชื่อมโยงในการพูดที่แสดงถึงความสามารถในการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง:
-
ความต่อเนื่อง: พูดได้โดยไม่หยุดชะงักบ่อยเกินไปหรือใช้เวลานานในการค้นหาคำ
-
ความเร็ว: ใช้จังหวะที่เหมาะสมและเป็นธรรมชาติ ไม่เร็วหรือช้าเกินไป
-
การพัฒนาแนวคิด: ขยายความและให้รายละเอียดได้อย่างเหมาะสม
-
การเชื่อมโยง: ใช้ discourse markers และ transition words อย่างเหมาะสม
Lexical Resource (LR)
ความสามารถในการใช้คำศัพท์ที่หลากหลายและแม่นยำตามบริบทของการสนทนา
Grammatical Range and Accuracy (GRA)
การใช้ไวยากรณ์ในการพูดที่แสดงถึงความสามารถในการควบคุมโครงสร้างภาษาต่างๆ
Pronunciation (P)
ความชัดเจนในการออกเสียงที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ง่ายและไม่เหนื่อยในการฟัง ไม่จำเป็นต้องออกเสียงแบบเจ้าของภาษาแต่ต้องสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
IV. การตีความหมายคะแนน IELTS ในแต่ละระดับ
Band Score |
ระดับผู้ใช้ |
ความสามารถหลัก |
การใช้งานจริง |
ข้อผิดพลาด |
9 |
Expert User |
ใช้ภาษาได้คล่องแคล่วและแม่นยำอย่างสมบูรณ์ |
สื่อสารได้ในทุกสถานการณ์ เข้าใจความหมายโดยนัย |
ไม่มีข้อผิดพลาด |
8 |
Very Good User |
ควบคุมภาษาได้ดีมาก เข้าใจแนวคิดซับซ้อน |
ใช้ในการศึกษาและทำงานระดับสูง |
มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเป็นครั้งคราว |
7 |
Good User |
ใช้ภาษาได้ดี จัดการกับความซับซ้อนได้ |
เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ทำงานมืออาชีพ |
มีข้อผิดพลาดในสถานการณ์ใหม่ |
6 |
Competent User |
ใช้ภาษาได้มีประสิทธิภาพในสถานการณ์คุ้นเคย |
ทำงานทั่วไป เรียนระดับปริญญาตรี |
เข้าใจผิดเมื่อเจอสถานการณ์ไม่คุ้นเคย |
5 |
Modest User |
ใช้ภาษาได้บางส่วน จัดการกับความหมายรวมได้ |
ใช้ในการทำงานพื้นฐาน |
มีข้อผิดพลาดบ่อย แต่เข้าใจความหมายรวม |
4 |
Limited User |
ความสามารถจำกัดในสถานการณ์คุ้นเคย |
ใช้ในชีวิตประจำวันง่ายๆ |
มีปัญหาในการเข้าใจและสื่อสาร |
3 |
Extremely Limited User |
เข้าใจความหมายทั่วไปในสถานการณ์คุ้นเคยมาก |
การสื่อสารพื้นฐานที่สุด |
การสื่อสารขาดหายบ่อย |
2 |
Intermittent User |
ใช้คำและวลีเดี่ยวๆ ในสถานการณ์ทันที |
การสื่อสารเร่งด่วนเท่านั้น |
เข้าใจได้ยากมาก |
1 |
Non User |
ไม่มีความสามารถในการใช้ภาษา |
ไม่สามารถสื่อสารได้ |
ไม่สามารถใช้ภาษาได้ |
ข้อมูลเพิ่มเติมสำคัญเกี่ยวกับการตีความคะแนน:
-
Band 7-9: ระดับที่IELTS มี กี่ ระดับสูงพอสำหรับการศึกษาระดับสูงและการทำงานมืออาชีพ
-
Band 5-6: IELTS ระดับพื้นฐานที่เหมาะสำหรับการเรียนต่อและทำงานทั่วไป
-
Band 1-4: ต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมอย่างมากก่อนใช้งานจริง
-
การพัฒนาระหว่างระดับ: การขึ้นหนึ่งระดับใช้เวลาประมาณ 200-300 ชั่วโมงการเรียน
V. คะแนน IELTS ควรได้เท่าไหร่?
1. สำหรับการยื่นเรียนต่อระดับปริญญาตรี-โท-เอก
คะแนน IELTS ควร ได้ เท่า ไหร่ขึ้นอยู่กับสถาบันและสาขาวิชาที่คุณสนใจ การวางแผนเป้าหมายควรพิจารณาทั้งข้อกำหนดขั้นต่ำและคะแนนที่แนะนำเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการตอบรับ
ระดับการศึกษา |
คะแนนขั้นต่ำ |
คะแนนแนะนำ |
สาขาที่ต้องการคะแนนสูง |
ปริญญาตรี |
5.5-6.0 |
6.5+ |
วิศวกรรม แพทย์ กฎหมาย |
ปริญญาโท |
6.0-6.5 |
7.0+ |
MBA การจัดการ ธุรกิจ |
ปริญญาเอก |
6.5-7.0 |
7.5+ |
วิจัย วิทยาศาสตร์ |
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับการเรียนต่อ:
-
มหาวิทยาลัยชั้นนำ: มักต้องการคะแนนสูงกว่าขั้นต่ำ 0.5-1.0 แบนด์
-
สาขาเฉพาะทาง: บางสาขาอาจกำหนดคะแนนขั้นต่ำแต่ละส่วนแยกกัน
-
การแข่งขัน: คะแนนสูงช่วยเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับผู้สมัครคนอื่น
-
ทุนการศึกษา: การได้ทุนการศึกษามักต้องการคะแนนสูงกว่ามาตรฐาน

2. สำหรับการย้ายถิ่นฐาน (Immigration) ไปยังประเทศต่างๆ
ประเทศต่างๆ มีข้อกำหนดไอ เอ ล คะแนน เต็มแตกต่างกันตามนโยบายการให้วีซ่าและการอพยพ การเตรียมตัวควรศึกษาข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละประเทศ
แคนาดา (Express Entry System):
-
คะแนนขั้นต่ำ: 6.0 ทุกส่วนสำหรับ Canadian Language Benchmark (CLB) 7
-
คะแนนแนะนำ: 7.0+ เพื่อเพิ่มคะแนน CRS (Comprehensive Ranking System)
-
การได้คะแนนสูงช่วยเพิ่มโอกาสได้รับเชิญในการจับฉลาก Express Entry
ออสเตรเลีย (Skilled Migration):
-
คะแนนขั้นต่ำ: 6.0 ทุกส่วนสำหรับวีซ่าบางประเภท
-
คะแนนแนะนำ: 7.0-8.0 เพื่อรับคะแนนเพิ่มในระบบ Points Test
-
แต่ละประเภทวีซ่ามีข้อกำหนดแตกต่างกันตามอาชีพและรัฐที่สมัคร
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการย้ายถิ่นฐาน:
-
นิวซีแลนด์: ต้องการ 6.5 ทุกส่วนสำหรับ Skilled Migrant Category
-
สหราชอาณาจักร: ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่า โดยทั่วไปต้องการ 5.5-7.0
-
การประเมินซ้ำ: คะแนน IELTS มีอายุ 2 ปี ต้องวางแผนการสอบให้เหมาะสม
3. สำหรับการสมัครงานในองค์กรนานาชาติ
องค์กรต่างๆ มีข้อกำหนด IELTS band ตามลักษณะงานและระดับการใช้ภาษาอังกฤษ การมีคะแนน IELTS ที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการได้งาน
งานที่ต้องสื่อสารภาษาอังกฤษมาก:
-
คะแนนขั้นต่ำ: 7.0-7.5 โดยรวม
-
ตำแหน่งผู้จัดการ ที่ปรึกษา นักการตลาดระหว่างประเทศ
-
งานด้านการศึกษา การฝึกอบรม การนำเสนอ
งานทั่วไปในองค์กรนานาชาติ:
-
คะแนนขั้นต่ำ: 6.0-6.5 โดยรวม
-
งานด้านเทคนิค การเงิน ทรัพยากรบุคคล IT
-
งานที่ต้องอ่านเอกสารและเขียนรายงานเป็นภาษาอังกฤษ
VII. คำถามที่พบบ่อยและข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม (FAQs & Advanced Insights)
1. Band Score กับ Raw Score คืออะไรและต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างระหว่าง Raw Score และ Band Score เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สอบควรเข้าใจ:
-
Raw Score: จำนวนข้อที่ทำถูกจากข้อสอบทั้งหมด (เช่น 35/40 ข้อ)
-
Band Score: คะแนนมาตรฐานที่แปลงจาก Raw Score (เช่น Band 8.0)
-
วัตถุประสงค์: ให้ผลสอบมีความเป็นธรรมและเปรียบเทียบได้ทั่วโลก
2. คะแนน IELTS มีวันหมดอายุหรือไม่?
วิธีคำนวณคะแนน IELTSที่ได้มีอายุการใช้งาน 2 ปีนับจากวันที่สอบ หลังจากนั้นผลสอบจะหมดอายุและไม่สามารถใช้ได้
เหตุผลของการกำหนดอายุ:
-
ทักษะภาษาอาจเปลี่ยนแปลงตามการใช้งาน
-
เป็นมาตรฐานสากลในการประเมินความสามารถภาษา
-
ช่วยให้ผลการประเมินสะท้อนความสามารถปัจจุบัน
3. เกณฑ์การให้คะแนนส่วน Writing และ Speaking มีปัจจัยอะไรบ้างที่เหมือนหรือต่างกัน?
เกณฑ์การประเมิน |
Writing |
Speaking |
ความเหมือน/ต่าง |
Lexical Resource (LR) |
✓ |
✓ |
เหมือนกัน - วัดการใช้คำศัพท์ |
Grammatical Range and Accuracy (GRA) |
✓ |
✓ |
เหมือนกัน - วัดไวยากรณ์ |
Task Achievement/Response |
✓ |
✗ |
Writing เท่านั้น |
Coherence and Cohesion |
✓ |
✗ |
Writing เท่านั้น |
Fluency and Coherence |
✗ |
✓ |
Speaking เท่านั้น |
Pronunciation |
✗ |
✓ |
Speaking เท่านั้น |
4. ระหว่าง IELTS Academic และ General Training การให้คะแนนพาร์ท Reading แตกต่างกันมากน้อยเพียงใด?
ความแตกต่างในการให้คะแนน Reading:
-
ระดับคะแนนสูง (Band 7-9): ใช้เกณฑ์เดียวกัน
-
ระดับคะแนนกลาง (Band 5-6): General Training มีโอกาสได้คะแนนสูงกว่าเล็กน้อย
-
เหตุผล: Academic มีเนื้อหาที่ซับซ้อนกว่า General Training
การเข้าใจวิธีคำนวณคะแนน IELTSอย่างละเอียดช่วยให้คุณวางแผนการเตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้จริง ระบบการให้คะแนน IELTS มีความซับซ้อนแต่เมื่อเข้าใจหลักการแล้วจะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีทิศทาง
ประโยชน์ของการเข้าใจระบบคะแนน: การวางแผนที่แม่นยำ: รู้ว่าต้องพัฒนาทักษะส่วนไหนมากที่สุด การตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม: กำหนดคะแนนเป้าหมายตามวัตถุประสงค์การใช้งาน การจัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ: เน้นการฝึกฝนในส่วนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ความมั่นใจในการสอบ: เข้าใจระบบการประเมินทำให้สามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่
การรู้จักตารางแปลงคะแนน เกณฑ์การประเมิน และกฎการปัดเศษจะทำให้คุณมั่นใจมากขึ้นเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องสอบ นอกจากนี้ การเข้าใจความหมายของแต่ละระดับคะแนนยังช่วยให้คุณประเมินความก้าวหน้าได้อย่างถูกต้องและวางแผนการพัฒนาต่อไปได้อย่างเหมาะสม
สำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมตัวสอบ IELTS อย่างเป็นระบบ PREP มีหลักสูตรที่ครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะพร้อมระบบวิเคราะห์คะแนนแบบละเอียด ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลา
เลือก PREP สำหรับเส้นทางการเรียน IELTS ของคุณ! ด้วยเทคโนโลยี Prep AI คุณสามารถเรียนออนไลน์ที่บ้าน เรียนด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ และพิชิตเป้าหมายด้วยคอร์ส IELTS ที่ครบครัน นอกจากนี้ คุณยังได้รับการสนับสนุนแบบ 1-1 จาก Teacher Bee AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดการเรียน
ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัครเรียนทันที!
ดาวน์โหลดแอป PREP วันนี้ เพื่อเรียน IELTS ที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมโปรแกรมฝึกสอบออนไลน์คุณภาพสูง ที่จะช่วยให้คุณทำคะแนนได้อย่างน่าประทับใจ!

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดค้นหาบทความการศึกษา
แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
