ค้นหาบทความการศึกษา

วิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening ฉบับสมบูรณ์ พร้อมเทคนิคอัปคะแนน

หลายคนที่เตรียมสอบ IELTS มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบการให้คะแนน Listening ทำให้วางแผนการเตรียมตัวไม่ตรงจุดและเสียโอกาสในการทำคะแนนตามเป้าหมาย การไม่รู้ว่าต้องทำข้อถูกเท่าไหร่เพื่อได้ Band Score ที่ต้องการ เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขวางไม่ให้คุณเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง

บทความนี้จะอธิบายวิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening อย่างละเอียด รวมถึงตารางแปลง ielts listening score และเทคนิคขั้นสูงที่จะช่วยยกระดับ ielts listening band score ให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

ระบบการประเมิน IELTS Listening มีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด โดยใช้การแปลงคะแนนดิบ (Raw Score) จากจำนวนข้อที่ตอบถูกเป็นคะแนนแบนด์ที่มาตรฐานสากล การเข้าใจ ielts listening band และ ielts listening score scale จะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์การเตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โครงสร้างข้อสอบ 4 ส่วนที่มีระดับความยากแตกต่างกัน ตั้งแต่บทสนทนาในชีวิตประจำวันไปจนถึงการบรรยายเชิงวิชาการ ส่งผลต่อการวางแผนการทำข้อสอบและการจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสม รูปแบบคำถามที่หลากหลาย เช่น การเติมคำ การเลือกตอบ และการจับคู่ ต้องการทักษะและกลยุทธ์เฉพาะ

นอกจากการเข้าใจระบบการให้คะแนนแล้ว การฝึกทักษะการฟังเชิงรุก เทคนิค Shadowing และ Dictation รวมถึงการเข้าใจไวยากรณ์พื้นฐานที่ส่งผลต่อความถูกต้องของคำตอบ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำคะแนนสูงขึ้น

ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ตารางแปลงคะแนนที่แม่นยำ เทคนิคการวิเคราะห์โครงสร้างข้อสอบ กลยุทธ์การจัดการคำถามแต่ละประเภท และข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมด้วยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยยกระดับความสามารถการฟังของคุณสู่ Band 7.5+

มาเริ่มต้นการเดินทางสู่คะแนน IELTS Listening ที่คุณตั้งเป้าไว้ด้วยการทำความเข้าใจระบบการให้คะแนนกันก่อน

สอนวิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening เข้าใจง่ายใน 5 นาที
สอนวิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening เข้าใจง่ายใน 5 นาที
  1. I. IELTS Listening คิดคะแนนอย่างไร? 
    1. 1. ทำความเข้าใจ "คะแนนดิบ" (Raw Score) คืออะไร?
    2. 2. ตารางแปลงคะแนนดิบ (Raw Score) เป็นคะแนนแบนด์ (Band Score)
    3. 3. ความหมายของคะแนนแต่ละแบนด์ (Band 0-9 Descriptors)
  2. II. โครงสร้างข้อสอบ IELTS Listening
    1. 1. ภาพรวม 4 ส่วน (Sections) ของข้อสอบ
    2. 2. รูปแบบคำถามที่พบบ่อยและกลยุทธ์รับมือเบื้องต้น
  3. III. ยกระดับการฟังสู่ Band 7.5+ ด้วยเทคนิคขั้นสูงจากผู้เชี่ยวชาญ
    1. 1. การฟังเชิงรุก (Active Listening): มากกว่าแค่ได้ยิน แต่คือการจับใจความและคาดเดา
    2. 2. เทคนิค "Shadowing" และ "Dictation": เครื่องมือสร้างความคุ้นเคยกับเสียงและสำเนียง
    3. 3. ไวยากรณ์ (Grammar) ที่ต้องรู้: จุดเล็กๆ ที่ตัดสินคะแนน (Plurals, Verb Tenses)
  4. IV. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรระวังเพื่อการเตรียมตัวที่สมบูรณ์แบบ
    1. 1. "Signposting Language" ในการฟังคืออะไรและสำคัญอย่างไร?
    2. 2. จำเป็นต้องเขียนคำตอบเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดหรือไม่?
    3. 3. ข้อผิดพลาดด้านการสะกดคำและไวยากรณ์แบบใดบ้างที่ทำให้เสียคะแนนบ่อยที่สุด?
    4. 4. การฟังในข้อสอบ IELTS Academic และ General Training แตกต่างกันหรือไม่?
  5. V. สรุป

I. IELTS Listening คิดคะแนนอย่างไร? 

1. ทำความเข้าใจ "คะแนนดิบ" (Raw Score) คืออะไร?

คะแนนดิบ หรือ Raw Score คือจำนวนข้อที่คุณตอบถูกจากข้อสอบทั้งหมด 40 ข้อ โดยไม่มีการหักคะแนนจากข้อที่ตอบผิด ระบบการให้คะแนนนี้เป็นมิตรกับผู้สอบเพราะคุณสามารถเดาคำตอบได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคะแนนติดลบ

วิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening เริ่มต้นจากการนับจำนวนข้อที่ถูกต้อง หากคุณตอบถูก 30 ข้อจาก 40 ข้อ คะแนนดิบของคุณคือ 30 คะแนน ข้อสำคัญคือทุกข้อมีน้ำหนักเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นข้อง่ายในส่วนแรกหรือข้อยากในส่วนสุดท้าย

2. ตารางแปลงคะแนนดิบ (Raw Score) เป็นคะแนนแบนด์ (Band Score)

คะแนนดิบ (จำนวนข้อถูก)

Band Score

ระดับความสามารถ

39-40

9.0

Expert User

37-38

8.5

Very Good User

35-36

8.0

Very Good User

32-34

7.5

Good User

30-31

7.0

Good User

26-29

6.5

Competent User

23-25

6.0

Competent User

18-22

5.5

Modest User

16-17

5.0

Limited User

13-15

4.5

Limited User

10-12

4.0

Limited User

ตารางนี้แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของคะแนนแบนด์ในระดับสูงต้องการความแม่นยำมากขึ้น เช่น การขยับจาก Band 7.0 ไป 7.5 ต้องทำข้อเพิ่ม 2 ข้อ แต่จาก Band 6.0 ไป 6.5 ต้องเพิ่ม 3 ข้อ

วิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening ที่คุณต้องรู้!
ตารางแปลงคะแนนดิบ (Raw Score) เป็นคะแนนแบนด์ (Band Score)

3. ความหมายของคะแนนแต่ละแบนด์ (Band 0-9 Descriptors)

Band Score

ความสามารถด้านการฟัง

Band 9

เข้าใจการสื่อสารทุกรูปแบบได้อย่างสมบูรณ์แม่นยำ รวมถึงนัยซ่อนเร้นและความหมายโดยปริยาย

Band 8

เข้าใจเนื้อหาส่วนใหญ่ได้ดี อาจพลาดรายละเอียดบางอย่างในบริบทที่ไม่คุ้นเคย

Band 7

เข้าใจแนวคิดหลักและรายละเอียดส่วนใหญ่ สามารถตามเหตุผลในการสนทนาที่ซับซ้อน

Band 6

เข้าใจประเด็นหลักในบริบทที่คุ้นเคย อาจมีปัญหากับคำศัพท์เฉพาะทาง

Band 5

เข้าใจความหมายโดยรวมในสถานการณ์ที่คุ้นเคย มีข้อจำกัดในเรื่องรายละเอียด

II. โครงสร้างข้อสอบ IELTS Listening

1. ภาพรวม 4 ส่วน (Sections) ของข้อสอบ

การเข้าใจโครงสร้างข้อสอบช่วยให้การคำนวณ ielts listening score มีความแม่นยำมากขึ้น เพราะแต่ละส่วนมีลักษณะและความยากง่ายที่แตกต่างกัน

Section 1: บทสนทนาในชีวิตประจำวัน

ส่วนนี้มักเป็นส่วนที่ทำคะแนนได้ง่ายที่สุด โดยเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทั่วไป:

  • การจองห้องพักในโรงแรมหรือที่พัก

  • การสอบถามข้อมูลบริการต่างๆ เช่น สปอร์ตคลับ หรือสำนักงานประกันภัย

  • การกรอกแบบฟอร์มสมัครสมาชิกหรือลงทะเบียนกิจกรรม

  • การสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวหรือการเดินทาง

ความเร็วในการพูดปานกลาง และใช้คำศัพท์ที่ไม่ซับซ้อน รูปแบบคำถามที่พบบ่อย ได้แก่ การเติมข้อมูลส่วนตัว ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และรายละเอียดการจองบริการต่างๆ

Section 2: บทพูดคนเดียวในบริบททั่วไป

เป็นการบรรยายของผู้พูดคนเดียวในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับชุมชนหรือการบริการสาธารณะ:

  • การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหรือสถานที่สำคัญในเมือง

  • กิจกรรมในมหาวิทยาลัยหรือชุมชน

  • ข้อมูลเกี่ยวกับบริการสาธารณะ เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์

  • การแนะนำเส้นทางการเดินทางหรือการใช้บริการขนส่ง

ความท้าทายในส่วนนี้คือการติดตามเนื้อหาที่ผู้พูดนำเสนออย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการโต้ตอบ ต้องใช้ทักษะการจับประเด็นหลักและรายละเอียดสำคัญ

Section 3: บทสนทนากลุ่มในเชิงวิชาการ

เป็นบทสนทนาระหว่างนักศึกษา 2-4 คน หรือระหว่างนักศึกษากับอาจารย์ในบริบทการศึกษา เช่น การหารือเกี่ยวกับงานมอบหมาย การวางแผนการนำเสนอ หรือการปรึกษาปัญหาทางวิชาการ

ความยากในส่วนนี้อยู่ที่การแยกแยะเสียงของผู้พูดหลายคน และการติดตามการสนทนาที่มีการโต้แย้งหรือเปลี่ยนหัวข้อ

Section 4: บรรยายเชิงวิชาการ

เป็นส่วนที่ท้าทายที่สุด ประกอบด้วยการบรรยายของอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อทางวิชาการ เช่น ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์

คำศัพท์ที่ใช้มีความซับซ้อนและเฉพาะทาง โครงสร้างประโยคยาวและซับซ้อน ต้องการความเข้าใจในเนื้อหาเชิงวิชาการ

2. รูปแบบคำถามที่พบบ่อยและกลยุทธ์รับมือเบื้องต้น

กลุ่มคำถามเติมคำ (Completion Tasks: Form, Note, Sentence)

ประเภทคำถาม

ลักษณะเฉพาะ

เทคนิคการทำ

Form Completion

กรอกแบบฟอร์มด้วยข้อมูลเฉพาะ

อ่านคำถามล่วงหน้า คาดเดาประเภทข้อมูล

Note Completion

เติมข้อมูลในบันทึกย่อ

มองหาคำสัญญาณ (signaling words)

Sentence Completion

เติมคำให้ประโยคสมบูรณ์

ใส่ใจไวยากรณ์และรูปแบบคำ

วิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening ที่คุณต้องรู้!
รูปแบบคำถามที่พบบ่อย

กลุ่มคำถามเลือกตอบ (Multiple Choice)

คำถามแบบเลือกตอบใน IELTS Listening มี 2 รูปแบบหลัก คือ แบบเลือก 1 ตัวเลือกจาก 3 ตัวเลือก และแบบเลือกหลายตัวเลือกจากรายการที่กำหนด ความท้าทายคือการแยกแยะข้อมูลที่ถูกต้องจากข้อมูลที่เป็นเพียงการกล่าวถึงหรือการหลอกลวง

กลุ่มคำถามจับคู่ (Matching)

รูปแบบนี้ต้องการการจับคู่ข้อมูลจาก 2 คอลัมน์ เช่น จับคู่ชื่อบุคคลกับความคิดเห็น หรือจับคู่สถานที่กับกิจกรรม ความยากอยู่ที่การติดตามข้อมูลหลายรายการพร้อมกัน

กลุ่มคำถามระบุตำแหน่ง (Map/Plan/Diagram Labelling)

ต้องระบุตำแหน่งหรือชื่อส่วนต่างๆ ในแผนที่ แผนผัง หรือแผนภาพ จำเป็นต้องมีทักษะการอ่านแผนที่และการติดตามคำบอกทิศทาง

III. ยกระดับการฟังสู่ Band 7.5+ ด้วยเทคนิคขั้นสูงจากผู้เชี่ยวชาญ

1. การฟังเชิงรุก (Active Listening): มากกว่าแค่ได้ยิน แต่คือการจับใจความและคาดเดา

การฟังเชิงรุกเป็นเทคนิคที่แยกผู้ทำคะแนนสูงออกจากผู้ทำคะแนนปานกลาง โดยเฉพาะสำหรับการยก ielts listening band score ให้ถึงระดับ 7.5 ขึ้นไป

เทคนิคการฟังเชิงรุกประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้:

  • อ่านคำถามล่วงหน้าอย่างละเอียดเพื่อสร้างความคาดหวังเกี่ยวกับเนื้อหา

  • คาดเดาประเภทของคำตอบ เช่น ตัวเลข ชื่อเฉพาะ หรือคำคุณศัพท์

  • เตรียมสมองให้พร้อมรับข้อมูลและประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว

  • จับ "คำสัญญาณ" (signaling words) เช่น "however", "on the other hand", "most importantly"

การฝึกทักษะเหล่านี้จะช่วยให้คุณคาดเดาการเปลี่ยนแปลงของเนื้อหาและรู้ว่าข้อมูลสำคัญกำลังจะมา

2. เทคนิค "Shadowing" และ "Dictation": เครื่องมือสร้างความคุ้นเคยกับเสียงและสำเนียง

Shadowing คือการพูดตามเสียงที่ได้ยินทันทีโดยความล่าช้าประมาณ 2-3 วินาที เทคนิคนี้ช่วยฝึกการประมวลผลเสียงและความหมายพร้อมกัน ทำให้สมองคุ้นเคยกับจังหวะและลีลาการพูดของเจ้าของภาษา

ขั้นตอนการฝึก Shadowing ที่มีประสิทธิภาพ:

  • เริ่มต้นด้วยเนื้อหาง่ายๆ เช่น ข่าวหรือการสนทนาทั่วไป

  • ค่อยๆ เพิ่มความยากเป็นการบรรยายทางวิชาการ

  • ฝึก 15-20 นาทีต่อวันอย่างสม่ำเสมอ

  • มุ่งเน้นการจับจังหวะและลีลาการพูดมากกว่าความถูกต้อง 100%

Dictation คือการฟังและเขียนตามคำต่อคำ ช่วยฝึกทักษะการฟังรายละเอียดและการสะกดคำ เริ่มจากประโยคสั้นๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็นย่อหน้า เทคนิคนี้จะเห็นผลในการยก ielts listening band ได้อย่างชัดเจน

วิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening ที่คุณต้องรู้!
ขั้นตอนการฝึก Shadowing ที่มีประสิทธิภาพ

3. ไวยากรณ์ (Grammar) ที่ต้องรู้: จุดเล็กๆ ที่ตัดสินคะแนน (Plurals, Verb Tenses)

การเข้าใจไวยากรณ์พื้นฐานมีผลต่อการคำนวณ ielts listening score scale อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้พหูพจน์และกาล

ประเภทไวยากรณ์

ตัวอย่างข้อผิดพลาด

วิธีแก้ไข

Singular/Plural

เขียน "book" แทน "books"

ฟังคำนำหน้าและบริบท

Verb Tenses

ใช้ Past แทน Present

สังเกตคำบอกเวลา

Articles

ลืมใส่ "a", "an", "the"

อ่านคำถามดูว่าต้องการหรือไม่

การฝึกการฟังไวยากรณ์ควรเน้นที่การสังเกตรูปแบบประโยค คำบอกเวลา และคำนำหน้านาม ซึ่งจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับรูปแบบคำตอบที่ถูกต้อง

IV. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรระวังเพื่อการเตรียมตัวที่สมบูรณ์แบบ

1. "Signposting Language" ในการฟังคืออะไรและสำคัญอย่างไร?

Signposting Language คือคำหรือวลีที่ผู้พูดใช้เพื่อบอกทิศทางของเนื้อหา เปรียบเสมือนป้ายบอกทางในการสนทนาหรือการบรรยาย การเข้าใจคำเหล่านี้จะช่วยให้คุณคาดเดาข้อมูลที่จะตามมาและเตรียมพร้อมรับข้อมูลสำคัญ

คำสัญญาณเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น คำที่บอกการเปลี่ยนหัวข้อ ("Moving on to...", "Now let's look at...") คำที่บอกการยกตัวอย่าง ("For instance", "Such as") และคำที่บอกการสรุป ("In conclusion", "To sum up")

การฝึกจับคำสัญญาณเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำข้อสอบและส่งผลดีต่อ ielts listening score ของคุณอย่างชัดเจน

2. จำเป็นต้องเขียนคำตอบเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดหรือไม่?

คำตอบสำหรับคำถามนี้คือ ไม่จำเป็น แต่แนะนำให้เขียนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย IELTS ยอมรับทั้งตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก แต่การเขียนตัวพิมพ์ใหญ่จะช่วยหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการเขียนผิดรูปแบบ

ตัวอย่างเช่น หากคำตอบคือ "Monday" คุณสามารถเขียน "MONDAY", "Monday", หรือ "monday" ได้ทั้งหมด แต่การเขียน "MONDAY" จะปลอดภัยที่สุดเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ขึ้นต้น

3. ข้อผิดพลาดด้านการสะกดคำและไวยากรณ์แบบใดบ้างที่ทำให้เสียคะแนนบ่อยที่สุด?

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดและส่งผลกระทบต่อวิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening มีดังนี้:

การสะกดคำผิด เป็นสาเหตุการเสียคะแนนอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะคำที่มีการออกเสียงคล้ายกันแต่สะกดต่างกัน เช่น "their" กับ "there" หรือ "affect" กับ "effect" การฝึกฟังและสะกดคำที่มีรูปแบบเสียงที่คล้ายกันจะช่วยลดข้อผิดพลาดประเภทนี้

การใช้พหูพจน์ผิด เช่น เขียน "informations" แทน "information" หรือลืมใส่ "s" ในคำที่ควรเป็นพหูพจน์ การฟังบริบทและคำนำหน้าจะช่วยให้ระบุรูปแบบที่ถูกต้อง

การเขียนคำที่ไม่ตรงกับที่ได้ยิน เช่น เขียนคำย่อแทนคำเต็ม หรือเขียนตัวเลขเป็นตัวอักษรในกรณีที่โจทย์ต้องการตัวเลข

4. การฟังในข้อสอบ IELTS Academic และ General Training แตกต่างกันหรือไม่?

ข้อสอบ IELTS Listening สำหรับ Academic และ General Training เป็นข้อสอบเดียวกันทุกประการ ไม่มีความแตกต่างในเนื้อหา รูปแบบ หรือระยะเวลา การคำนวณ ielts listening score scale ก็ใช้เกณฑ์เดียวกันสำหรับทั้งสองประเภท

ความแตกต่างระหว่าง Academic และ General Training จะเห็นได้ในส่วนของ Reading และ Writing เท่านั้น ส่วน Listening และ Speaking ใช้ข้อสอบเดียวกัน ดังนั้นการเตรียมตัวสำหรับ Listening จึงไม่ต้องแยกตามประเภทการสอบ

สิ่งที่ควรโฟกัสคือการพัฒนาทักษะการฟังโดยรวม การเข้าใจรูปแบบข้อสอบ และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้คะแนน ielts listening band ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

V. สรุป

การเข้าใจวิธีคำนวณคะแนน IELTS Listening เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการวางแผนการเตรียมตัวสอบอย่างมีเป้าหมาย เมื่อคุณรู้ว่าต้องทำข้อถูกเท่าไหร่เพื่อได้คะแนนแบนด์ที่ต้องการ การฝึกฝนจะมีทิศทางที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ระบบการให้คะแนนที่โปร่งใสและยุติธรรมของ IELTS ทำให้ทุกข้อมีค่าเท่ากัน การเตรียมตัวจึงควรครอบคลุมทุกส่วนของข้อสอบ ตั้งแต่การฟังรายละเอียดในส่วนแรกไปจนถึงการติดตามเนื้อหาเชิงวิชาการในส่วนสุดท้าย

เทคนิคขั้นสูงอย่างการฟังเชิงรุก Shadowing และ Dictation จะช่วยยกระดับความสามารถของคุณให้ถึงเป้าหมาย การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการเข้าใจโครงสร้างข้อสอบจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

จำไว้ว่าการพัฒนาทักษะการฟังต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยการเตรียมตัวที่ถูกต้องและการฝึกฝนที่ตรงจุด คุณจะสามารถบรรลุเป้าหมายคะแนน IELTS Listening ที่ตั้งใจไว้ได้อย่างแน่นอน

PREP - แพลตฟอร์มเรียนและฝึกสอบสุดชิคด้วย AI คุณจะได้เรียนรู้ทักษะสำคัญในการทำข้อสอบ Reading & Listening ทุกรูปแบบ พร้อมฝึกกลยุทธ์ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง เพื่อให้จัดการกับคำถามได้ครบทุกประเภทและเพิ่มคะแนนให้สุด! โดยเฉพาะเมื่อสมัครเรียนตามแผน คุณจะได้เข้าใช้ห้องฝึกสอบ IELTS 3D AI ของ PREP ที่รวมข้อสอบ Reading & Listening สุดฮิต พร้อมคำอธิบายคำตอบแบบเจาะลึก แผนเรียน IELTS Reading & Listening ที่เข้าใจง่ายและครบจบในที่เดียว จะช่วยคุณหลีกเลี่ยงปัญหาการเรียนที่ท้อแท้หรือไม่เห็นผลแน่นอน อยากเรียนได้ผล คลิกที่นี่เลย หรือโทร HOTLINE +6624606789 เพื่อขอคำแนะนำแผนการเรียนที่ตอบโจทย์! ดาวน์โหลดแอป PREP เพื่อเรียน IELTS ที่บ้านกับโปรแกรมฝึกสอบออนไลน์คุณภาพเยี่ยม และทำคะแนนได้ตามที่หวัง

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 ตัวอักษร
Loading...

แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย