Cleft Sentence คืออะไร? เรียนรู้การใช้และตัวอย่างในภาษาอังกฤษ
ทำไมบางครั้งเมื่อคุณพูดภาษาอังกฤษ คนฟังดูเหมือนไม่เข้าใจว่าส่วนไหนของประโยคที่คุณต้องการเน้น หรือทำไมการสื่อสารของคุณยังขาดความชัดเจนและน่าสนใจ คำตอบอาจอยู่ที่การใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า Cleft Sentence ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประโยคที่มีพลังและเน้นจุดสำคัญได้อย่างแม่นยำ
Cleft sentence คือ โครงสร้างประโยคแยกส่วนที่ช่วยเน้นย้ำข้อมูลสำคัญในการสื่อสาร โดยแบ่งประโยคออกเป็นสองส่วนเพื่อสร้าง emphasis ที่ชัดเจนและทรงพลัง
ในโลกของภาษาศาสตร์สมัยใหม่ การเข้าใจ cleft sentences ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษขั้นสูง เทคนิคนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณสื่อสารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญทางภาษาที่แตกต่างจากผู้เรียนทั่วไป
Cleft sentences examples ที่พบในชีวิตประจำวันมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ It-cleft sentences ที่ใช้เน้นผู้กระทำหรือวัตถุ ไปจนถึง wh cleft sentences ที่เน้นการกระทำหรือสถานการณ์ทั้งหมด การทำความเข้าใจ what is a cleft sentence จะเปิดประตูสู่การใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีศิลปะ ทำให้การสนทนาและการเขียนของคุณน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โครงสร้างของ Clause ในประโยคเคล็ฟต์ทำงานร่วมกับเทคนิค to add emphasis เพื่อสร้างผลกระทบทางภาษาที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูดในที่สาธารณะ การเขียนอีเมลทางธุรกิจ หรือการสนทนาในชีวิតประจำวัน
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของ ประโยคแยกส่วน และ ประโยคเคล็ฟต์ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน ประเภทต่างๆ ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง รวมถึงข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงและเทคนิคขั้นสูงที่จะทำให้คุณใช้ clef clause ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
มาเริ่มต้นการเดินทางสู่การเชี่ยวชาญ Cleft Sentence with emphasis ที่จะเปลี่ยนการสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณไปตลอดกาล
I. ทำความเข้าใจ Cleft Sentence
ความหมายของ Cleft Sentence (ประโยคแยกส่วน/ประโยคเคล็ฟต์)
Cleft sentence คือ โครงสร้างประโยคที่แยกข้อมูลออกเป็นสองส่วนเพื่อเน้นย้ำส่วนใดส่วนหนึ่งโดยเฉพาะ คำว่า "cleft" มาจากรากศัพท์ที่หมายถึง "แยก" หรือ "แบ่ง" ซึ่งสะท้อนลักษณะของโครงสร้างที่แบ่งประโยคธรรมดาออกเป็นสองส่วน ประโยคเคล็ฟต์เป็นเครื่องมือทางภาษาที่ช่วยให้ผู้พูดสามารถควบคุมการเน้นย้ำในประโยคได้อย่างแม่นยำ
|
ประโยคธรรมดา |
Cleft Sentence |
จุดที่เน้น |
|
Tom bought the car yesterday |
It was Tom who bought the car yesterday |
ผู้กระทำ (Tom) |
|
Tom bought the car yesterday |
It was the car that Tom bought yesterday |
วัตถุ (the car) |
|
Tom bought the car yesterday |
It was yesterday that Tom bought the car |
เวลา (yesterday) |
วัตถุประสงค์และประโยชน์ของการใช้ Cleft Sentence
หลักการสำคัญของ cleft sentence คือ การสร้าง emphasis ในส่วนที่ต้องการของประโยค การใช้เทคนิค to add emphasis ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจความสำคัญของข้อมูลได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเน้นผู้กระทำ สิ่งของ สถานที่ หรือเวลา
ประโยชน์หลักของการใช้ประโยคแยกส่วนมี 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ การช่วยให้ผู้ฟังจับใจความสำคัญได้ง่ายขึ้น การเพิ่มความน่าสนใจและความหลากหลายทางภาษา และการแสดงเจตนาของผู้พูดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การใช้โครงสร้าง cleft sentences ช่วยให้การพูดและการเขียนมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่จำเจกับประโยคธรรมดา
II. ประเภทหลักของ Cleft Sentences ที่ควรรู้จัก
1. It-Cleft Sentences: การเน้นผู้กระทำ กรรม และส่วนขยาย
It-cleft sentences เป็นประเภทแรกที่ผู้เรียนควรทำความเข้าใจ
โครงสร้างพื้นฐาน:
It + be + [ส่วนที่เน้น] + that/who + [ส่วนที่เหลือของ Clause]
การใช้ that หรือ who ขึ้นอยู่กับว่าส่วนที่เน้นเป็นคนหรือสิ่งของ
ตัวอย่าง cleft sentences examples ประเภท It-cleft:
เน้นผู้กระทำ:
-
ประโยคธรรมดา: Maria called me last night
-
It-cleft: It was Maria who called me last night
-
แปล: มาเรียนั่นแหละที่โทรหาฉันเมื่อคืน
เน้นกรรม:
-
ประโยคธรรมดา: We need your help now
-
It-cleft: It is your help that we need now
-
แปล: ความช่วยเหลือของเธอนั่นแหละที่เราต้องการตอนนี้
เน้นสถานที่:
-
ประโยคธรรมดา: The accident happened at the intersection
-
It-cleft: It was at the intersection that the accident happened
-
แปล: ที่สี่แยกนั่นแหละที่อุบัติเหตุเกิดขึ้น
สิ่งที่สามารถเน้นได้ด้วย It-cleft มีหลากหลาย ทั้งคำนาม สรรพนาม วลีบุพบท และ clause ที่บอกเวลา สถานที่ หรือเหตุผล ความยืดหยุ่นนี้ทำให้ It-cleft เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสื่อสาร
2. Wh-Cleft Sentences: การเน้นการกระทำและข้อมูลทั้งหมด
Wh cleft sentences หรือที่เรียกว่า Pseudo-cleft Sentences
โครงสร้าง:
Wh-word (What, Where, When, Why, How, Who) + [Subject + Verb] + be + [ส่วนที่เน้น]
ประเภทนี้เหมาะสำหรับการเน้นการกระทำหรือแนวคิดทั้งหมด
|
Wh-word |
ตัวอย่างประโยค |
ความหมาย |
ส่วนที่เน้น |
|
What |
What she did was call the police |
สิ่งที่เธอทำคือโทรเรียกตำรวจ |
การกระทำ |
|
Where |
Where we met was at the library |
ที่ที่เราพบกันคือที่ห้องสมุด |
สถานที่ |
|
When |
When he arrived was at midnight |
เวลาที่เขามาถึงคือเที่ยงคืน |
เวลา |
|
Why |
Why she left was because of work |
เหตุผลที่เธอไปคือเพราะงาน |
เหตุผล |
|
How |
How we solved it was by teamwork |
วิธีที่เราแก้ปัญหาคือการทำงานเป็นทีม |
วิธีการ |
การตอบคำถาม what is a cleft sentence ประเภท Wh-cleft สามารถเข้าใจได้ง่ายจากตัวอย่างนี้: "What I want is some peace and quiet" (สิ่งที่ฉันต้องการคือความสงบ) ประโยคนี้เน้นที่สิ่งที่ต้องการ โดยใช้ What-clause เป็นตัวนำ
III. วิธีการสร้างและใช้ Cleft Sentences อย่างถูกต้อง
1. ขั้นตอนการเปลี่ยนประโยคธรรมดาเป็น Cleft Sentence
การเปลี่ยนประโยคธรรมดาเป็น cleft sentence คือ กระบวนการที่ต้องคิดก่อนว่าส่วนไหนของประโยคที่เราต้องการเน้น ขั้นตอนแรกคือการระบุองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในบริบทของการสื่อสาร
ตัวอย่างการวิเคราะห์: ประโยคต้นฉบับ: "The students organized the charity event last weekend"
-
เน้นผู้กระทำ: It was the students who organized the charity event last weekend
-
เน้นเหตุการณ์: It was the charity event that the students organized last weekend
-
เน้นเวลา: It was last weekend that the students organized the charity event
การตัดสินใจเลือกใช้ It-cleft หรือ Wh-cleft ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลที่ต้องการเน้น It-cleft เหมาะกับการเน้นองค์ประกอบเฉพาะ ส่วน Wh-cleft เหมาะกับการเน้นการกระทำหรือแนวคิดทั้งหมด
2. การใช้ในบริบทต่างๆ และข้อควรระวัง
ประโยคแยกส่วนใช้ได้ทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน ในภาษาพูด cleft sentences ช่วยให้การสื่อสารมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในการโต้แย้งหรือชี้แจง ส่วนในภาษาเขียน โครงสร้างนี้ช่วยสร้างความหลากหลายและความน่าสนใจให้กับข้อความ
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ประโยคเคล็ฟต์ ได้แก่:
-
การใช้ that/who ไม่ถูกต้องตามประเภทของส่วนที่เน้น
-
การวางส่วนที่เน้นผิดตำแหน่งในโครงสร้าง
-
การใช้ cleft sentence มากเกินไปในข้อความเดียวกัน ทำให้ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
IV. เจาะลึก Cleft Sentences ในเชิงภาษาศาสตร์
1. Reversed Wh-Cleft Sentences และ Inferential Clefts
Reversed cleft sentence หรือ All-cleft Sentences มีโครงสร้าง [ส่วนที่เน้น] + be + Wh-word + [Subject + Verb] การย้อนกลับโครงสร้างนี้ช่วยให้ข้อมูลสำคัญมาอยู่ในตำแหน่งแรกของประโยค ทำให้การเน้น with emphasis มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างการเปรียบเทียบ:
-
Wh-cleft ปกติ: What I need is more time
-
Reversed cleft: More time is what I need (เวลามากกว่านี้แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ)
Inferential cleft เป็นการใช้ประโยคเคล็ฟต์เพื่อสื่อความหมายที่ซ่อนอยู่หรือข้อสรุปที่ผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจ โครงสร้างนี้มักใช้ในการโต้แย้งหรือการชี้แจงประเด็นที่ซับซ้อน
2. บทบาทของ Clause ในโครงสร้าง Cleft Sentence
Clause มีบทบาทสำคัญในโครงสร้าง cleft sentence คือ ส่วนที่ทำหน้าที่เป็นข้อมูลเพิ่มเติมหรือรายละเอียดของส่วนที่เน้น การเข้าใจโครงสร้างของ clef clause จะช่วยให้คุณใช้เทคนิคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย clause ในประโยคเคล็ฟต์จะต้องสมบูรณ์และสามารถอธิบายหรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับส่วนที่ถูกเน้นได้อย่างชัดเจน
บทความที่แนะนำ:
การลดรูป Adverb Clause พร้อมตัวอย่างใช้งานจริง
สรุปครบทุกชนิดของประโยคในภาษาอังกฤษ
เรียน Compound Complex Sentence เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
V. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Cleft Sentences
1. การใช้ในภาษาพูดและภาษาเขียน
Cleft sentences examples พบในทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน แต่มีลักษณะการใช้ที่แตกต่างกัน ในภาษาพูดมักใช้เพื่อเน้นย้ำในการโต้แย้งหรือชี้แจง ส่วนในภาษาเขียนเชิงวิชาการ การใช้ประโยคเคล็ฟต์ควรทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ดูเป็นทางการเกินไป หรือทำให้ข้อความยืดยาวเกินความจำเป็น
|
บริบทการใช้ |
ความเหมาะสม |
ตัวอย่าง |
|
การสนทนาทั่วไป |
สูงมาก |
It was John who called, not Peter |
|
การนำเสนองาน |
ปานกลาง |
What we found was significant improvement |
|
งานเขียนเชิงวิชาการ |
ต่ำ |
ควรใช้อย่างจำกัดเพื่อความเป็นทางการ |
|
การเขียนเรียงความ |
สูง |
It is education that transforms society |
2. ความเข้าใจเกี่ยวกับ Cleft Clause และโครงสร้างประโยค
Clef clause หรือ cleft clause คือส่วนของประโยคที่ถูกแยกออกมาใน cleft sentence โดยทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนที่ถูกเน้น Clause นี้ต้องมีความสมบูรณ์ในตัวเอง คือมีทั้งประธานและกริยา และสามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน
ประโยคเคล็ฟต์จัดอยู่ในกลุ่ม complex sentences และเป็น sentences for emphasis โดยเฉพาะ โครงสร้างอื่นที่ทำหน้าที่คล้ายกันได้แก่ fronting (การย้ายคำหรือวลีมาข้างหน้า) และ inversion (การสลับตำแหน่งประธานและกริยา) แต่แต่ละโครงสร้างมีจุดเน้นและการใช้งานที่แตกต่างกัน
3. ความแตกต่างกับโครงสร้างอื่น
การใช้ cleft sentence คือ เทคนิคที่แตกต่างจาก passive voice อย่างชัดเจน Passive voice เน้นที่การกระทำและผลลัพธ์ โดยไม่เน้นผู้กระทำ ส่วน cleft sentence เน้นที่องค์ประกอบเฉพาะของประโยคตามที่ผู้พูดต้องการ การเลือกใช้โครงสร้างที่เหมาะสมจะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การทำความเข้าใจ Cleft Sentence หรือประโยคแยกส่วนและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเน้นข้อมูลที่สำคัญในประโยคได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความหลากหลายในการเขียนภาษาอังกฤษ Cleft Sentence คือโครงสร้างประโยคที่ใช้เพื่อเน้นส่วนใดส่วนหนึ่งของข้อมูลโดยแยกประโยคออกเป็นสองส่วน มีรูปแบบหลักสองแบบ คือ It-cleft ที่ใช้โครงสร้าง "It is/was + ส่วนที่ต้องการเน้น + that/who + ส่วนที่เหลือ" เช่น "It was Tom who broke the window" (ทอมคือคนที่ทำหน้าต่างแตก - เน้นที่ Tom) และ Wh-cleft ที่ใช้โครงสร้าง "What + clause + is/was + ส่วนที่ต้องการเน้น" เช่น "What I need is more time" (สิ่งที่ฉันต้องการคือเวลามากขึ้น - เน้นที่ more time) การใช้โครงสร้างนี้ช่วยให้ประโยคมีความน่าสนใจและเน้นจุดสำคัญได้ชัดเจนกว่าประโยคธรรมดา
การเรียนรู้รูปแบบต่างๆ ของ Cleft Sentence เช่น "It was not until...that..." (จนกระทั่ง...จึง), "All...is/was..." (ทั้งหมดที่...คือ), "The reason why...is that..." (เหตุผลที่...คือ) จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน นอกจากนี้ การฝึกฝนการแปลงประโยคธรรมดาให้เป็น Cleft Sentence เพื่อเน้นข้อมูลที่แตกต่างกัน เช่น "Tom broke the window yesterday" สามารถเปลี่ยนเป็น "It was Tom who broke the window" (เน้นคน), "It was the window that Tom broke" (เน้นสิ่งของ) หรือ "It was yesterday that Tom broke the window" (เน้นเวลา) จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจการใช้งานได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การใช้ Cleft Sentence อย่างเหมาะสมเป็นทักษะขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มคะแนน IELTS Writing โดยเฉพาะในเกณฑ์ Grammatical Range and Accuracy
PREP English จัดเตรียมคอร์สเรียนเตรียมสอบ IELTS ออนไลน์ที่สอนโครงสร้างไวยากรณ์ขั้นสูงอย่าง Cleft Sentence เพื่อช่วยให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายคะแนนสูง หลักสูตร Writing Intermediate เริ่มแนะนำโครงสร้างนี้และอธิบายวิธีการใช้งานเพื่อเน้นข้อมูลที่สำคัญ ส่วนหลักสูตร Writing Advance มุ่งเน้นการใช้ Cleft Sentence อย่างคล่องแคล่วและเหมาะสมกับบริบทต่างๆ โดยเฉพาะในการเขียน Task 2 เมื่อต้องการเน้นเหตุผลหรือตัวอย่างที่สำคัญ ระบบ Virtual Writing Room วิเคราะห์โครงสร้างประโยคและแนะนำโอกาสที่สามารถใช้ Cleft Sentence เพื่อทำให้งานเขียนน่าสนใจและมีความหลากหลายมากขึ้น หลักสูตร Reading ช่วยให้ผู้เรียนเห็นการใช้ Cleft Sentence ในบทความวิชาการและเข้าใจว่าโครงสร้างนี้ช่วยเน้นข้อมูลสำคัญอย่างไร การทดสอบและแบบฝึกหัดที่หลากหลายช่วยให้ผู้เรียนเชี่ยวชาญโครงสร้างนี้และสามารถนำไปใช้ได้อย่างอัตโนมัติ อาจารย์ผู้สอนแนะนำว่า Cleft Sentence เป็นหนึ่งในโครงสร้างที่ช่วยแยกความแตกต่างระหว่างผู้เรียนที่ได้ band 6.5 กับ 7.5 ขึ้นไปและพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อให้ผู้เรียนใช้งานได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
















