ค้นหาบทความการศึกษา
วิธีคำนวณและเกณฑ์คะแนน TOEIC ที่คุณต้องรู้!
ในยุคที่ความสามารถภาษาอังกฤษเป็นตัวกำหนดโอกาสในการทำงาน การศึกษา และความก้าวหน้าในอาชีพ การทำความเข้าใจระบบ คะแนน TOEIC กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการประเมินและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกระบบการให้คะแนน TOEIC ตั้งแต่วิธี คำนวณ คะแนน TOEIC ไปจนถึงการตีความผลคะแนนเพื่อวางแผนพัฒนาภาษาอังกฤษที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ
การทำความเข้าใจ TOEIC คะแนนเต็ม และระบบการประเมินไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายการเรียนได้อย่างชัดเจน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโอกาสทางอาชีพในยุคโลกาภิวัตน์ ตาราง คะแนน TOEIC ที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าระดับความสามารถปัจจุบันของคุณอยู่ที่ไหน และต้องพัฒนาอะไรบ้างเพื่อไปถึงเป้าหมาย
นอกจากการเข้าใจระบบคะแนนแล้ว การรู้จัก TOEIC score ในมาตรฐานสากลยังช่วยให้คุณเปรียบเทียบความสามารถของตนเองกับมาตรฐาน CEFR ที่ใช้ทั่วโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการสมัครงาน การศึกษาต่อ หรือการพัฒนาอาชีพในระดับนานาชาติ การเข้าใจเกณฑ์คะแนนที่องค์กรต่างๆ ต้องการจะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้โครงสร้างการให้คะแนนแบบละเอียด วิธีแปลผลคะแนนของคุณเทียบกับมาตรฐานสากล เกณฑ์คะแนนที่องค์กรชั้นนำต้องการ และเทคนิคการวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนเพื่อวางแผนการเรียนที่มีประสิทธิภาพ
มาเริ่มต้นการเดินทางสู่ความเข้าใจ คะแนน TOEIC อย่างถ่องแท้ เพื่อปลดล็อกศักยภาพภาษาอังกฤษของคุณให้เต็มที่

I. เจาะลึกโครงสร้างคะแนน TOEIC
1. คะแนนเต็ม 990 คะแนน: มาจากไหน?
TOEIC คะแนนเต็มคือ 990 คะแนน ซึ่งเป็นผลรวมจากสองส่วนหลัก การออกแบบระบบคะแนนนี้มาจากการวิเคราะห์ทางสถิติที่ครอบคลุมผู้สอบหลายล้านคนทั่วโลก โดย Educational Testing Service (ETS) ได้กำหนดมาตรฐานการให้คะแนนที่สะท้อนความสามารถภาษาอังกฤษในการใช้งานจริง
TOEIC full score ถูกแบ่งออกเป็นสองทักษะหลัก ได้แก่ Listening (การฟัง) และ Reading (การอ่าน) โดยแต่ละส่วนจะมีคะแนนสูงสุด 495 คะแนน
2. การแบ่งคะแนนระหว่างพาร์ท Listening (การฟัง) 495 คะแนน และ Reading (การอ่าน) 495 คะแนน
ส่วนการสอบ |
คะแนนเต็ม |
จำนวนข้อ |
เวลาทำการสอบ |
Listening |
495 คะแนน |
100 ข้อ |
45 นาที |
Reading |
495 คะแนน |
100 ข้อ |
75 นาที |
รวม |
990 คะแนน |
200 ข้อ |
120 นาที |
คะแนน TOEIC ในส่วน Listening ประกอบด้วย 4 พาร์ท ได้แก่ Photographs (รูปภาพ), Question-Response (คำถาม-คำตอบ), Conversations (บทสนทนา) และ Talks (การบรรยาย) ส่วน Reading ประกอบด้วย 3 พาร์ท คือ Incomplete Sentences (ประโยคที่ไม่สมบูรณ์), Text Completion (การเติมข้อความ) และ Reading Comprehension (ความเข้าใจในการอ่าน)

II. ตารางเทียบและวิธีคำนวณคะแนน TOEIC
1. จาก "คะแนนดิบ" (Raw Score) สู่ "คะแนนจริง" (Scaled Score)
การคำนวณ คะแนน TOEIC ไม่ได้เป็นไปแบบตรงไปตรงมา เพราะ ETS ใช้ระบบการปรับคะแนนตามความยากง่ายของแต่ละชุดข้อสอบ คะแนนดิบ (Raw Score) คือจำนวนข้อที่ทำถูก ส่วนคะแนนจริง (Scaled Score) คือคะแนนที่ปรากฏในใบรายงานผล
-
Equating Process: กระบวนการปรับคะแนนเพื่อให้เป็นธรรมระหว่างชุดข้อสอบที่มีความยากแตกต่างกัน
-
Statistical Analysis: การวิเคราะห์ทางสถิติจากผู้สอบนับล้านคนทั่วโลก
-
Consistent Standards: การรักษามาตรฐานคะแนนให้สอดคล้องกันในทุกรอบการสอบ
2. ตารางเทียบช่วงคะแนน Listening & Reading โดยประมาณ
ข้อถูก (จาก 100 ข้อ) |
Listening Score |
Reading Score |
ข้อถูก (จาก 100 ข้อ) |
Listening Score |
Reading Score |
95-100 |
470-495 |
460-495 |
50-54 |
250-290 |
240-280 |
90-94 |
440-470 |
430-460 |
45-49 |
220-250 |
210-240 |
85-89 |
410-440 |
400-430 |
40-44 |
190-220 |
180-210 |
80-84 |
380-410 |
370-400 |
35-39 |
160-190 |
150-180 |
75-79 |
350-380 |
340-370 |
30-34 |
130-160 |
120-150 |
70-74 |
320-350 |
310-340 |
25-29 |
100-130 |
90-120 |
65-69 |
290-320 |
280-310 |
20-24 |
70-100 |
60-90 |
60-64 |
260-290 |
250-280 |
15-19 |
40-70 |
30-60 |
55-59 |
230-260 |
220-250 |
10-14 |
20-40 |
10-30 |
3. ตัวอย่างการคำนวณทีละขั้นตอน: "สมมติว่าคุณทำถูก...คะแนนรวมของคุณคือ..."
สมมติว่าคุณทำข้อสอบ TOEIC ได้ผลดังนี้:
-
Listening: ทำถูก 75 ข้อจาก 100 ข้อ = ประมาณ 350-380 คะแนน
-
Reading: ทำถูก 70 ข้อจาก 100 ข้อ = ประมาณ 310-340 คะแนน
ใช้ค่าเฉลี่ย: Listening 365 + Reading 325 = คะแนน TOEIC รวม 690 คะแนน
ผลนี้แสดงให้เห็นว่าคุณมีระดับความสามารถอยู่ในเกณฑ์ "Working Proficiency Plus" ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานในสายงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ

III. ระดับคะแนน TOEIC บอกอะไร?
1. ระดับคะแนน 10 - 400 (CEFR A1-A2): ระดับพื้นฐาน
คะแนน TOEIC |
ระดับ CEFR |
ความสามารถ |
การใช้งานในชีวิตจริง |
10-215 |
A1 |
เบื้องต้นมาก |
สื่อสารขั้นพื้นฐาน แนะนำตัว ถามข้อมูลส่วนตัว |
220-400 |
A2 |
เบื้องต้น |
เข้าใจข้อมูลทั่วไป การซื้อของ การสั่งอาหาร |
ผู้ที่ได้ TOEIC คะแนนในช่วงนี้สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษในสถานการณ์ที่คุ้นเคย มีคำศัพท์พื้นฐานประมาณ 1,000-2,000 คำ และสามารถใช้ประโยคง่ายๆ ในการสื่อสาร
บทความแนะนำอ่านต่อ:
เคล็ดลับเรียน TOEIC 450: เคล็ดลับพิชิต
2. ระดับคะแนน 405 - 780 (CEFR B1): ระดับทำงานได้จำกัด
ผู้ที่อยู่ในระดับนี้สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานพื้นฐานได้ เข้าใจเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานประจำวัน และสามารถอธิบายความคิดเห็นหรือแผนการได้อย่างเรียบง่าย คำศัพท์ที่ควรรู้ประมาณ 3,000-4,000 คำ
3. ระดับคะแนน 785 - 944 (CEFR B2): ระดับทำงานได้ดี
ตาราง คะแนน TOEIC ในช่วงนี้แสดงให้เห็นความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน เข้าร่วมการประชุม และสื่อสารกับผู้ร่วมงานต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่ว
4. ระดับคะแนน 945 - 990 (CEFR C1): ระดับมืออาชีพ
ผู้ที่ได้คะแนน TOEIC 990 มีความสามารถใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานระดับนานาชาติ เจรจาต่อรอง และนำเสนอผลงานได้อย่างมืออาชีพ
IV. เกณฑ์คะแนน TOEIC ที่องค์กรชั้นนำต้องการ
1. กลุ่มธุรกิจการบินและการโรงแรม (เกณฑ์ทั่วไป 650+)
ตำแหน่งงาน |
คะแนนขั้นต่ำ |
เหตุผล |
แอร์โฮสเตส/สจ๊วต |
650-750 |
ต้องสื่อสารกับผู้โดยสารต่างชาติ |
เจ้าหน้าที่โรงแรม |
600-700 |
บริการลูกค้านานาชาติ |
ไกด์นำเที่ยว |
650-800 |
อธิบายข้อมูลท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยว |
2. กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (เกณฑ์ทั่วไป 550-700+)
บริษัทในกลุ่มนี้มักต้องการพนักงานที่สามารถอ่านคู่มือเทคนิค เข้าใจมาตรฐานสากล และสื่อสารกับพันธมิตรต่างประเทศโท อิ ค คะแนน เต็ม เท่า ไหร่ที่จำเป็นขึ้นอยู่กับลักษณะงาน โดยตำแหน่งวิศวกรและผู้จัดการมักต้องการคะแนน 650+ ส่วนพนักงานระดับปฏิบัติการต้องการ 550+
3. กลุ่มสถาบันการเงินและธนาคาร (เกณฑ์ทั่วไป 550-650+)
การทำงานในสถาบันการเงินต้องการความแม่นยำในการใช้ภาษา เพราะต้องจัดการเอกสารทางการเงิน สื่อสารกับลูกค้าต่างชาติ และเข้าใจกฎระเบียบสากล
4. กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและโทรคมนาคม (เกณฑ์ทั่วไป 600+)
-
Software Developer: ต้องอ่านเอกสารเทคนิคภาษาอังกฤษ คะแนนขั้นต่ำ 550
-
Project Manager: ต้องสื่อสารกับทีมต่างชาติ คะแนนขั้นต่ำ 650
-
Technical Support: ต้องแก้ปัญหาให้ลูกค้าต่างชาติ คะแนนขั้นต่ำ 600
5. กลุ่มหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (เกณฑ์ทั่วไป 550+)
หน่วยงานรัฐวิสาหกิจมักกำหนดเกณฑ์คํา น วณ คะแนน TOEIC เพื่อประเมินความพร้อมในการทำงานระดับสากล โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศหรือดำเนินโครงการระหว่างประเทศ
V. จุดอ่อนที่พบบ่อยในแต่ละช่วงคะแนนและวิธีแก้ไข (Grammar Focus)
1. ช่วง 400-550: โฟกัสเรื่อง Tenses พื้นฐาน และ Subject-Verb Agreement
ผู้ที่ได้คะแนนในช่วงนี้มักมีปัญหาเรื่องการใช้ Tenses ที่ถูกต้อง เช่น การแยกความแตกต่างระหว่าง Present Perfect และ Past Simple หรือการทำ Subject-Verb Agreement ที่ซับซ้อน แนวทางแก้ไขคือการฝึกฝนผ่านตัวอย่างประโยคในชีวิตประจำวันและการทำแบบฝึกหัดเป็นประจำ
2. ช่วง 550-750: โฟกัสเรื่อง Part of Speech, Connectors และ Prepositions
ในระดับนี้ ผู้เรียนต้องเน้นการแยกแยะ Part of Speech ให้ได้อย่างแม่นยำ เรียนรู้การใช้ Connectors เพื่อเชื่อมโยงความคิด และฝึกฝนการใช้ Prepositions ที่ถูกต้องตามบริบท
3. ช่วง 750+: โฟกัสเรื่อง Advanced Vocabulary และการตีความประโยคซับซ้อน (Inference)
ผู้ที่ต้องการยกระดับคะแนนสู่ระดับสูงต้องพัฒนาคำศัพท์ระดับสูง เรียนรู้การตีความความหมายโดยนัย (Inference) และฝึกฝนการอ่านเข้าใจข้อความที่มีโครงสร้างซับซ้อน
เมื่อเข้าใจวิธีคำนวณ เกณฑ์ และการวิเคราะห์คะแนนเชิงลึกแล้ว หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยปลีกย่อยที่สำคัญอื่นๆ ในส่วนถัดไป เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยและน่าสนใจเพื่อไขทุกข้อข้องใจเกี่ยวกับคะแนน TOEIC ของคุณ
บทความแนะนำอ่านต่อ:
12 หัวข้อ TOEIC Grammar ที่ต้องรู้ ถ้าอยากได้ 990 คะแนนเต็ม!
VI. คำถามที่พบบ่อยและข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคะแนน TOEIC
1. คะแนน TOEIC มีวันหมดอายุหรือไม่? และทำไม?
คะแนน TOEIC มีอายุ 2 ปี เนื่องจากความสามารถทางภาษาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการใช้งานจริง หากไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ ทักษะอาจลดลง ในทางกลับกัน หากมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ความสามารถก็อาจดีขึ้น การกำหนดอายุใบรับรองช่วยให้คะแนนสะท้อนความสามารถปัจจุบันได้อย่างแม่นยำ
2. การตอบผิดมีผลให้ติดลบคะแนนหรือไม่?
ไม่ การสอบ TOEIC ไม่มีระบบหักคะแนนจากการตอบผิด ดังนั้นคุณควรตอบทุกข้อแม้ว่าจะไม่แน่ใจ เพราะการเดาก็ยังมีโอกาสได้คะแนนมากกว่าการไม่ตอบ
3. ะหว่างคะแนน Listening และ Reading นายจ้างส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับส่วนไหนมากกว่ากัน?
นายจ้างส่วนใหญ่มองคะแนนรวมเป็นหลัก แต่บางองค์กรอาจให้ความสำคัญกับส่วนที่เกี่ยวข้องกับลักษณะงานมากกว่า เช่น งานบริการลูกค้าอาจเน้น Listening ส่วนงานที่ต้องอ่านเอกสารมากอาจเน้น Reading
4. มีการสอบ TOEIC รูปแบบอื่นอีกหรือไม่นอกจากการฟังและการอ่าน? (เช่น Speaking & Writing, TOEIC Bridge®)
-
TOEIC Speaking & Writing: วัดทักษะการพูดและการเขียน คะแนนเต็ม 200 คะแนนต่อส่วน
-
TOEIC Bridge: สำหรับผู้เริ่มต้น ข้อสอบสั้นกว่าและง่ายกว่า TOEIC ปกติ
-
TOEIC Institutional Program (IP): ใช้สำหรับองค์กรที่ต้องการจัดสอบภายในหน่วยงาน
การเข้าใจระบบคะแนน TOEIC และเกณฑ์การประเมินเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาภาษาอังกฤษ คะแนนที่ดีจะเปิดโอกาสในการทำงานและการศึกษา แต่การนำภาษาไปใช้ในชีวิตจริงอย่างมีประสิทธิภาพต่างหากที่เป็นเป้าหมายสูงสุด
การพัฒนาภาษาอังกฤษเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้อง commitment และความสม่ำเสมอ เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองผ่าน TOEIC คะแนนแล้วจึงวางแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสม การลงทุนเวลาและความพยายามในการพัฒนาภาษาอังกฤษจะเป็นสมบัติที่มีค่าตลอดชีวิตของคุณ
Prep Edu - แพลตฟอร์มเรียนและติวสอบอัจฉริยะ ที่ใช้ AI สุดล้ำ ช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษของคุณเป็นเรื่องง่าย เรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมเตรียมสอบ IELTS, TOEIC หรือฝึกภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารได้อย่างมั่นใจ เทคโนโลยี AI ช่วยให้คุณพัฒนาทักษะตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับสูง
เริ่มคอร์ส โท อิ ค กับ PREP วันนี้ เตรียมสอบแบบมั่นใจทุกขั้นตอน กดที่นี่ หรือโทร HOTLINE +6624606789 เพื่อรับคำปรึกษาแบบละเอียด! ดาวน์โหลดแอป PREP แล้วเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์คุณภาพสูงได้เลย!

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดค้นหาบทความการศึกษา
แผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
