ค้นหาบทความการศึกษา
เจาะลึก TOEIC Reading: ทำความรู้จักโครงสร้างข้อสอบ และแนวทางการเตรียมตัว
การสอบ TOEIC เป็นมาตรฐานการวัดระดับภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารระหว่างประเทศ โดยส่วนที่ท้าทายคือ TOEIC Reading บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกโครงสร้างของ toeic reading test พร้อมกลยุทธ์การเตรียมตัวอย่างมีประสิทธิภาพ

I. TOEIC Reading คืออะไร?
1. ความหมาย: บทบาทของพาร์ท Reading ในการสอบ TOEIC
TOEIC Reading คือส่วนที่สองของการสอบ TOEIC ที่วัดความสามารถในการอ่านและเข้าใจภาษาอังกฤษในบริบทการทำงานและชีวิตประจำวัน พาร์ทนี้ประเมินว่าผู้สอบเข้าใจข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรในรูปแบบต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด
2. ความสำคัญ: ทำไมคะแนน Reading ถึงมีผลต่อคะแนนรวมและโอกาสต่างๆ
คะแนนส่วน Reading มีน้ำหนักถึง 495 คะแนนจากคะแนนเต็ม 990 คะแนน การทำคะแนนส่วนนี้ได้ดีจึงส่งผลอย่างมากต่อคะแนนรวม ทักษะการอ่านที่ดียังเป็นสิ่งที่นายจ้างให้ความสำคัญ เนื่องจากการทำงานจริงต้องอาศัยการอ่านเอกสารภาษาอังกฤษอยู่เสมอ
II. โครงสร้างข้อสอบ TOEIC Reading (ฉบับอัปเดตล่าสุด): สิ่งที่คุณต้องเผชิญ
จำนวนข้อสอบทั้งหมด และเวลาที่กำหนดสำหรับส่วน Reading
TOEIC Reading มี 100 ข้อ เวลาทำ 75 นาที แบ่งเป็น:
-
Part 5: 30 ข้อ (ประโยคไม่สมบูรณ์)
-
Part 6: 16 ข้อ (การเติมเนื้อความให้สมบูรณ์)
-
Part 7: 54 ข้อ (ความเข้าใจในการอ่าน)
เวลาเฉลี่ยต่อข้อประมาณ 45 วินาที ซึ่งจำกัดมาก โดยเฉพาะใน Part 7 ที่มีเนื้อหาให้อ่านเยอะ

1. Part 5: Incomplete Sentences - สนามทดสอบไวยากรณ์ (Grammar) และคำศัพท์ (Vocabulary)
-
ลักษณะคำถาม: การเติมคำในช่องว่างให้ประโยคสมบูรณ์: ส่วนนี้นำเสนอประโยคที่มีส่วนหายไป คุณต้องเลือก 1 ตัวเลือกจาก 4 ตัวเลือกเพื่อเติมให้สมบูรณ์ เช่น:
"The marketing team ________ the new product campaign by next month." A. will complete B. completes C. completing D. completed
-
ประเภทไวยากรณ์ที่ออกบ่อยใน Part 5
-
Tenses (กาลในภาษาอังกฤษ)
-
Parts of Speech (ชนิดของคำ)
-
Prepositions (คำบุพบท)
-
Conjunctions (คำเชื่อม)
-
Subject-Verb Agreement
-
Modals (กริยาช่วย)
-
ประเภทคำศัพท์ที่มักเจอใน Part 5
-
คำศัพท์เกี่ยวกับการซื้อขายและการเงิน
-
คำศัพท์ด้านการเดินทาง
-
คำศัพท์เกี่ยวกับเทคโนโลยี
-
Collocations (คำที่มักใช้คู่กัน)

2. Part 6: Text Completion - เติมคำในเนื้อเรื่องสั้น วัดความเข้าใจบริบท
-
ลักษณะคำถาม: การเลือกคำศัพท์/ไวยากรณ์เติมในเนื้อเรื่อง: Part 6 เป็นเนื้อความต่อเนื่อง 3-4 ย่อหน้า มีช่องว่าง 4 แห่งให้เติม คุณต้องเลือกคำตอบที่เหมาะสมกับบริบทของเนื้อความทั้งหมด มักเป็นอีเมล จดหมาย ประกาศ หรือบทความสั้นๆ
-
ความแตกต่างสำคัญระหว่าง Part 6 และ Part 5: Part 6 ต้องพิจารณาบริบทของเนื้อความทั้งหมด ไม่ใช่แค่ประโยคเดียว ความเข้าใจความหมายรวมและความต่อเนื่องจึงสำคัญมาก นอกจากนี้ยังทดสอบการใช้คำเชื่อมและคำอ้างอิง (it, this, they) ซึ่งต้องเข้าใจว่าอ้างถึงส่วนใดในเนื้อความ
3. Part 7: Reading Comprehension - บททดสอบความเข้าใจในการอ่านเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ
-
รูปแบบ Passage: Single Passages: บทความเดี่ยวใน TOEIC Online Reading test มีความยาว 1-2 ย่อหน้า พร้อมคำถาม 2-4 ข้อต่อบทความ เนื้อหามักเกี่ยวกับเอกสารในการทำงาน เช่น อีเมล บันทึก ประกาศ โฆษณา หรือบทความสั้นๆ
-
รูปแบบ Passage: Double & Triple Passages: บทความคู่และบทความสามจะมีเอกสาร 2-3 ชิ้นที่เกี่ยวข้องกัน เช่น อีเมลโต้ตอบ พร้อมคำถาม 5-7 ข้อ ความท้าทายคือต้องหาความเชื่อมโยงระหว่างเอกสารและเข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูล
-
ประเภทเนื้อหาที่พบบ่อย (อีเมล, ประกาศ, บทความ, ตาราง, etc.): ใน แนว ข้อสอบ reading toeic Part 7 เนื้อหาที่พบบ่อยได้แก่:
-
อีเมลและจดหมายธุรกิจ
-
ประกาศและบันทึกภายในบริษัท
-
โฆษณาสินค้าและบริการ
-
ตารางเวลาและกำหนดการ
-
แบบฟอร์มและเอกสารสมัครงาน
-
ข่าวและบทความสั้นๆ
-
ประเภทคำถามที่พบบ่อย (หาข้อมูล สรุปใจความ ตีความ คำศัพท์): คำถามใน Part 7 มีหลายรูปแบบ:
-
คำถามเกี่ยวกับรายละเอียดที่ระบุชัดเจน
-
คำถามเกี่ยวกับใจความสำคัญ
-
คำถามเกี่ยวกับการอนุมาน
-
คำถามเกี่ยวกับคำศัพท์ในบริบท
-
คำถามเกี่ยวกับเหตุผลหรือจุดประสงค์
III. การเตรียมตัวสำหรับ TOEIC Reading: วางรากฐานสู่คะแนนเป้าหมาย
1. ประเมินตนเอง: จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณในทักษะการอ่านคืออะไร?
1.1. วิธีการทดสอบระดับความรู้ Grammar เบื้องต้น
-
ทำแบบทดสอบไวยากรณ์ออนไลน์เพื่อประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน
-
ทำ ข้อสอบ toeic reading พร้อม เฉลย ในส่วน Part 5 แล้วจดบันทึกรูปแบบข้อผิดพลาดซ้ำๆ
1.2. วิธีการประเมินคลังคำศัพท์ (Vocabulary) ของตนเอง
-
ทำแบบทดสอบคำศัพท์ TOEIC เพื่อประเมินคลังคำศัพท์ธุรกิจ
-
อ่านบทความภาษาอังกฤษและทำเครื่องหมายคำที่ไม่เข้าใจ
1.3. การจับเวลาทดลองอ่าน Passage เพื่อวัดความเร็วและความเข้าใจ
-
เลือกบทความภาษาอังกฤษความยาว 300-400 คำ
-
จับเวลาการอ่าน ตั้งเป้าไม่เกิน 2-3 นาที
-
หลังอ่านจบ ตอบคำถามโดยไม่กลับไปดูบทความเพื่อประเมินความเข้าใจ

2. ทักษะที่จำเป็นต้องพัฒนา (Incremental List)
-
ความแม่นยำด้านไวยากรณ์ (Grammar Accuracy): พัฒนาความแม่นยำในการใช้กาล ความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยา การใช้ Articles และ Prepositions การใช้ Passive Voice และ Conditionals ซึ่งพบบ่อยในบริบทธุรกิจ
-
คลังคำศัพท์ที่กว้างขวาง (Extensive Vocabulary): พัฒนาคลังคำศัพท์ธุรกิจพื้นฐาน คำศัพท์เฉพาะสาขา Phrasal Verbs และ Collocations ที่พบบ่อยในการสื่อสารธุรกิจ
-
ความเร็วในการอ่าน (Reading Speed): ฝึกเทคนิค Skimming และ Scanning อ่านบทความภาษาอังกฤษทุกวัน และค่อยๆ เพิ่มความเร็วในการอ่าน
-
ทักษะการอ่านจับใจความและตีความ (Comprehension & Inference Skills): ฝึกการหาใจความสำคัญ ข้อมูลสนับสนุน การอนุมานข้อมูลที่ไม่ได้ระบุชัดเจน และการตีความเจตนาของผู้เขียน
-
การบริหารจัดการเวลา (Time Management): แบ่งเวลาให้เหมาะสม: Part 5 (20 นาที), Part 6 (15 นาที), Part 7 (40 นาที) ฝึกทำข้อสอบโดยจับเวลาเสมอ และเรียนรู้เทคนิคการบริหารเวลา
3. การตั้งเป้าหมายคะแนนที่เป็นไปได้ และกำหนดระยะเวลาเตรียมตัว
-
ระดับต่ำ (คะแนนปัจจุบัน <350): ตั้งเป้า 450-500 คะแนน เตรียมตัว 6-12 เดือน (2+ ชั่วโมง/วัน)
-
ระดับพอใช้ (คะแนนปัจจุบัน 350-450): ตั้งเป้า 600+ คะแนน เตรียมตัว 4-6 เดือน (1-2 ชั่วโมง/วัน)
-
ระดับปานกลาง (คะแนนปัจจุบัน 450-500): ตั้งเป้า 600+ คะแนน เตรียมตัว 2-3 เดือน (1-2 ชั่วโมง/วัน)

บทความแนะนำอ่านต่อ: บริหารเวลาสอบ TOEIC เทคนิคจัดการเวลาในวันสอบอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ภาพรวมแนวทางการเตรียมตัวเบื้องต้น: ควรเริ่มต้นจากอะไร?
-
ทำแบบทดสอบประเมินตนเองเพื่อระบุจุดแข็งและจุดอ่อน
-
ศึกษาโครงสร้างข้อสอบและรูปแบบคำถามแต่ละส่วน
-
พัฒนาคลังคำศัพท์ธุรกิจและไวยากรณ์พื้นฐาน
-
ฝึกทำแบบฝึกหัดทีละส่วน เริ่มจาก Part 5 ไปสู่ Part 7
-
ฝึกทำข้อสอบเสมือนจริงโดยจับเวลาอย่างสม่ำเสมอ
IV. ไขข้อข้องใจ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเตรียมสอบ TOEIC Reading
1. จริงหรือไม่ที่ TOEIC Reading มักเป็นพาร์ทที่ทำคะแนนได้ยากกว่า Listening?
สำหรับผู้เรียนชาวไทยส่วนใหญ่ ความเชื่อนี้มักเป็นจริง ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ: เวลาที่จำกัด ความซับซ้อนของเนื้อหา และความเหนื่อยล้าจากการทำส่วน Listening ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ข้อดีของส่วน Reading คือสามารถกลับมาทบทวนและแก้ไขคำตอบได้ ซึ่งแตกต่างจาก Listening
2. "Skimming" และ "Scanning" ในการอ่าน TOEIC Reading คืออะไรและสำคัญอย่างไร?
Skimming คือการอ่านผ่านๆ อย่างรวดเร็วเพื่อจับใจความสำคัญ โดยอ่านประโยคแรกของแต่ละย่อหน้า สังเกตคำที่เน้น หัวข้อ และบทสรุป
Scanning คือการค้นหาข้อมูลเฉพาะในเนื้อความอย่างรวดเร็ว โดยระบุคำสำคัญจากคำถามและกวาดสายตาหาคำเหล่านั้นในเนื้อหา
ทั้งสองเทคนิคนี้ช่วยประหยัดเวลาในการทำข้อสอบซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญใน TOEIC Reading
3. ทรัพยากร TOEIC Reading Test พร้อม เฉลย มีกลุ่มไหนบ้าง?
1. หนังสือและตำรา
-
หนังสือข้อสอบจาก ETS (ผู้จัดสอบทางการ)
-
หนังสือเตรียมสอบจากสำนักพิมพ์ชั้นนำ
2. แพลตฟอร์มออนไลน์
-
เว็บไซต์ PREP ที่มีคอร์ส toeic reading test online
-
เว็บไซต์ที่มีแบบฝึกหัด ข้อสอบ toeic reading พร้อม เฉลย
3. แอปพลิเคชันมือถือ
-
แอปฝึกคำศัพท์และไวยากรณ์
-
แอปเตรียมสอบ TOEIC โดยเฉพาะ
4. คอร์สเรียนออนไลน์และออฟไลน์
-
คอร์สเฉพาะทางสำหรับการสอบ TOEIC
5. ชุมชนและกลุ่มเรียน
-
กลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเทคนิคการทำข้อสอบ
4. การเตรียมตัวสอบ TOEIC Reading ต่างจากการเตรียมสอบ Reading ทั่วไปอย่างไร?
การเตรียมตัวสอบ TOEIC Reading แตกต่างในด้าน:
1. เนื้อหาและบริบท - เน้นธุรกิจและการทำงานมากกว่าบทความวิชาการ
2. รูปแบบคำถาม - มีรูปแบบเฉพาะเน้นไวยากรณ์และคำศัพท์มากกว่าความเข้าใจ
3. เวลาและความเร็ว - มีข้อจำกัดเวลามาก (75 นาทีสำหรับ 100 ข้อ)
4. คำศัพท์ - เน้นคำศัพท์ธุรกิจและการทำงาน
5. กลยุทธ์ - ต้องการเทคนิคเฉพาะในการบริหารเวลาและจัดการข้อสอบแต่ละส่วน
การสอบ toeic reading เป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยทั้งความรู้พื้นฐานและทักษะเฉพาะทาง การประเมินตนเอง วางแผนการพัฒนา และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ
การทำ toeic reading test online และแบบฝึกหัดอย่างต่อเนื่อง การฝึกเทคนิค Skimming และ Scanning และการอ่านเอกสารในบริบทธุรกิจจะเพิ่มความเร็วและแม่นยำในการทำข้อสอบ
ที่ PREP เราเชื่อว่าการเตรียมตัวที่ดีคือกุญแจสู่ความสำเร็จ ข้อสอบ toeic reading พร้อม เฉลย และคอร์สเรียนที่ออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพของเราจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น เริ่มต้นวันนี้ และพัฒนาทักษะของคุณอย่างเป็นระบบ!

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
บทความที่เกี่ยวข้อง
ค้นหาบทความการศึกษา
แผนที่เฉพาะบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

เชื่อมต่อกับ Prep
