เจาะลึก TOEIC Listening test: โครงสร้าง เทคนิค และข้อสอบตัวอย่าง
ในโลกที่การสื่อสารภาษาอังกฤษกลายเป็นสิ่งจำเป็น การสอบ TOEIC กลายเป็นมาตรฐานสำคัญที่องค์กรชั้นนำใช้วัดความสามารถ แต่หลายคนยังคงประสบปัญหากับส่วน Listening ที่ต้องใช้สมาธิเข้มข้นตลอด 45 นาที ทำให้คะแนนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
TOEIC listening test เป็นครึ่งหนึ่งของการทดสอบที่กำหนดอนาคตในสายอาชีพ การเข้าใจโครงสร้าง เทคนิค และการฝึกฝนอย่างเป็นระบบจะช่วยยกระดับ listening toeic คะแนน ให้บรรลุเป้าหมาย
การทดสอบ listen TOEIC ประกอบด้วย 4 ส่วนหลักที่แต่ละส่วนมีลักษณะและความท้าทายแตกต่างกัน ตั้งแต่ Part 1 ที่ต้องวิเคราะห์รูปภาพไปจนถึง Part 4 ที่ต้องฟังบทพูดยาว การเตรียมตัวสำหรับ test listening TOEIC ต้องอาศัยความเข้าใจในรูปแบบข้อสอบ เทคนิคการฟังเฉพาะ และการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน listening test TOEIC online ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากความสะดวกในการเข้าถึงและการฝึกซ้อมได้ตลอดเวลา ขณะที่ TOEIC part 2 listening ยังคงเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดสำหรับผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ เพราะไม่มีข้อความหรือภาพช่วย ต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทและการฟังที่แม่นยำเป็นหลัก
บทความนี้จะนำเสนอโครงสร้างข้อสอบทั้ง 4 ส่วนอย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างข้อสอบจริงและเฉลยที่ชัดเจน เทคนิคเฉพาะของแต่ละ Part ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตอบ กลยุทธ์การบริหารเวลาและสมาธิ รวมถึงวิธีการฝึกฝนนอกห้องเรียนเพื่อพัฒนาทักษะการฟังอย่างยั่งยืน
มาเริ่มต้นการเดินทางสู่ความเชี่ยวชาญใน TOEIC Listening กันด้วยการทำความเข้าใจพื้นฐานที่สำคัญก่อน
I. ทำความรู้จัก TOEIC Listening Test
การทดสอบ listen TOEIC มีความสำคัญต่อคะแนนรวมของการสอบ TOEIC อย่างมาก เนื่องจากเป็นครึ่งหนึ่งของคะแนนเต็ม 990 คะแนน การพัฒนาทักษะการฟังจึงเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งใจไว้
คะแนน listening TOEIC คะแนน มีค่าสูงสุด 495 คะแนน จากคะแนนรวม 990 คะแนน โดยคะแนนส่วนนี้จะสะท้อนความสามารถในการรับฟังและเข้าใจภาษาอังกฤษในบริบทธุรกิจและชีวิตประจำวัน หากได้คะแนน Listening สูง จะช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับส่วน Reading ที่ตามมา
ภาพรวมโครงสร้างข้อสอบ (4 Parts, 100 ข้อ, 45 นาที)
โครงสร้างของ Test Listening TOEIC ประกอบด้วย 4 ส่วนหลักที่มีลักษณะการทดสอบแตกต่างกัน:
|
Part |
ประเภท |
จำนวนข้อ |
เวลา |
รูปแบบ |
|
1 |
Photographs |
6 ข้อ |
~3 นาที |
รูปภาพ + เสียงบรรยาย |
|
2 |
Question-Response |
25 ข้อ |
~9 นาที |
คำถาม-คำตอบสั้น |
|
3 |
Conversations |
39 ข้อ (13 ชุด) |
~17 นาที |
บทสนทนา 2-3 คน |
|
4 |
Talks |
30 ข้อ (10 ชุด) |
~16 นาที |
บทพูดคนเดียว |
II. โครงสร้าง TOEIC Listening Test
1. Part 1: Photographs
Part 1 เป็นส่วนเปิดของ listening test TOEIC online ที่ต้องอาศัยทักษะการสังเกตรูปภาพและการฟังประโยคบรรยาย ซึ่งแม้จะมีเพียง 6 ข้อ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างความมั่นใจ
รูปแบบคำถาม: สิ่งที่ต้องฟังและวิเคราะห์จากภาพ
ในแต่ละข้อจะมีรูปภาพหนึ่งภาพและเสียงบรรยาย 4 ตัวเลือก (A, B, C, D) ผู้เข้าสอบต้องเลือกประโยคที่บรรยายภาพได้ถูกต้องและชัดเจนที่สุด โดยต้องเน้นการสังเกตรายละเอียด เช่น การกระทำของผู้คน ตำแหน่งของวัตถุ และสภาพแวดล้อมในภาพ
ตัวอย่างข้อสอบพร้อมเสียงและคำอธิบายเฉลยอย่างละเอียด
สมมติภาพแสดงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือบนม้านั่งในสวนสาธารณะ:
-
(A) A woman is walking through the park. (ผู้หญิงกำลังเดินผ่านสวนสาธารณะ)
-
(B) A woman is sitting on a bench reading. (ผู้หญิงกำลังนั่งบนม้านั่งอ่านหนังสือ) ✓
-
(C) A woman is talking on the phone. (ผู้หญิงกำลังพูดโทรศัพท์)
-
(D) A woman is feeding the birds. (ผู้หญิงกำลังให้อาหารนก)
เฉลย: ตัวเลือก (B) ถูกต้อง เพราะบรรยายสิ่งที่เห็นในภาพได้ตรงที่สุด
บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม: กลยุทธ์ฝึก TOEIC Listening Part 1 พิชิตคะแนนเต็ม 6/6
เทคนิคพิชิต Part 1: การตัดตัวเลือก (Elimination) และระวังคำศัพท์พ้องเสียง
เทคนิคสำคัญคือการสังเกตภาพให้ละเอียดก่อนเสียงเริ่ม จากนั้นใช้วิธีการตัดตัวเลือกที่ผิดออกไปทีละข้อ อย่าลืมระวังคำที่มีเสียงคล้ายกันแต่ความหมายต่างกัน เช่น walking vs. working หรือ sitting vs. setting
คลังศัพท์ที่ต้องรู้: คำกริยา (Actions) และคำนาม (Objects) ที่ออกบ่อย
คำศัพท์พื้นฐานที่ควรทำความคุ้นเคย:
-
การกระทำ: sitting, standing, walking, carrying, holding, pushing, pulling
-
วัตถุ: chair, table, computer, phone, bag, document, vehicle
-
สถานที่: office, restaurant, park, station, building, parking lot
200+ คำศัพท์ TOEIC ที่จะช่วยเพิ่มคะแนนในการสอบ TOEIC
2. Part 2: Question-Response
TOEIC Part 2 Listening เป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดสำหรับผู้เข้าสอบหลายคน เนื่องจากไม่มีภาพหรือข้อความช่วย ต้องอาศัยการฟังและความเข้าใจในบริบทเป็นหลัก
1. ประเภทคำถามหลัก: 5W1H, Yes/No, Choice, Statement
|
ประเภทคำถาม |
ตัวอย่าง |
คำตอบที่เหมาะสม |
|
What |
What time does the meeting start? |
At 9:00 AM |
|
When |
When is the deadline? |
Next Friday |
|
Where |
Where should I put these files? |
On my desk, please |
|
Who |
Who is presenting today? |
Sarah from marketing |
|
Why |
Why was the meeting postponed? |
Because the room is unavailable |
|
How |
How can I contact Mr. Johnson? |
Try his mobile phone |
|
Yes/No |
Are you attending the conference? |
Yes, I'll be there |
|
Choice |
Would you like coffee or tea? |
Coffee, please |
2. ตัวอย่างข้อสอบพร้อมวิเคราะห์ "คำตอบหลอก"
คำถาม: Where did you put my presentation slides?
-
(A) I put them on your desk. ✓
-
(B) The presentation was excellent. (หลอกด้วยคำ presentation)
-
(C) Yes, I attended the meeting. (คำตอบไม่ตรงคำถาม)
เฉลย: ตัวเลือก (A) ตอบคำถาม Where อย่างตรงประเด็น
3. เทคนิคขั้นสูง: การฟังเพื่อจับ Keyword และการรับมือกับคำตอบทางอ้อม
สำหรับคำตอบทางอ้อม เช่น: คำถาม: Are you going to the lunch meeting? คำตอบ: I have another appointment. (แทนที่จะตอบ Yes/No โดยตรง)
ความหมาย: ไม่สามารถไปได้เพราะมีนัดอื่น
3. Part 3: Conversations
Part 3 เป็นส่วนที่ต้องใช้ทักษะการฟังเพื่อความเข้าใจในระดับสูง โดยการฟังบทสนทนาระหว่าง 2-3 คน และตอบคำถาม 3 ข้อต่อแต่ละบทสนทนา
1. ลักษณะบทสนทนา: 2-3 คน, สถานการณ์ และประเภทคำถามที่พบบ่อย
บทสนทนามักเกิดขึ้นในสถานการณ์:
-
การประชุมในสำนักงาน
-
การโทรศัพท์ติดต่อธุรกิจ
-
การสนทนาในร้านอาหารหรือโรงแรม
-
การซื้อขายสินค้าหรือบริการ
2. ตัวอย่างข้อสอบ (ชุด 3 ข้อ) พร้อมเทคนิคการอ่านคำถามล่วงหน้า
|
คำถามที่ |
ประเภท |
ตัวอย่าง |
|
1 |
Main Topic |
What are the speakers discussing? |
|
2 |
Specific Detail |
When will the project be completed? |
|
3 |
Inference |
What will the woman probably do next? |
เทคนิคสำคัญคือการอ่านคำถามทั้ง 3 ข้อก่อนเสียงเริ่ม เพื่อรู้ว่าต้องฟังหาข้อมูลอะไรบ้าง
3. กลยุทธ์การฟัง: การจับใจความหลัก (Main Idea) และรายละเอียดเฉพาะ (Specific Details)
การฟังเพื่อจับใจความหลักต้องมุ่งเน้นที่ประเด็นหลักของการสนทนา ขณะที่การฟังรายละเอียดเฉพาะต้องจับข้อมูลที่เจาะจง เช่น เวลา สถานที่ ชื่อคน หรือตัวเลข
4. เทคนิคการอนุมาน (Inference) จากน้ำเสียงและบริบทของผู้พูด
การอนุมานต้องอาศัยการสังเกตน้ำเสียง บริบทของสถานการณ์ และข้อมูลที่ไม่ได้พูดออกมาโดยตรง เช่น ความรู้สึกของผู้พูด หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม: เก่ง TOEIC Listening Part 3 ด้วยเทคนิคที่ได้ผล
4. Part 4: Talks (บทพูดคนเดียว)
Part 4 เป็นส่วนปิดท้ายของ TOEIC listening test ที่ต้องฟังบทพูดคนเดียวและตอบคำถาม 3 ข้อต่อแต่ละบทพูด รวม 10 บทพูด 30 ข้อ
1. ประเภทของ Talk: ประกาศ, รายงาน, ข้อความเสียง, โฆษณา
ประเภทของบทพูดที่พบบ่อย:
|
ประเภท |
เนื้อหา |
ตัวอย่าง |
|
ประกาศ |
ข่าวสารในสำนักงาน |
การประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบาย |
|
รายงาน |
สรุปผลการดำเนินงาน |
รายงานยอดขายรายเดือน |
|
ข้อความเสียง |
ข้อความตอบรับอัตโนมัติ |
ระบบตอบรับของบริษัท |
|
โฆษณา |
การโปรโมทสินค้า |
โฆษณาสินค้าใหม่ |
2. ตัวอย่างข้อสอบพร้อมกลยุทธ์การ Skim & Scan คำถามและตัวเลือก
ก่อนเสียงเริ่ม ให้ใช้เวลาประมาณ 8-10 วินาทีในการอ่านคำถามและตัวเลือกอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมความพร้อมในการฟังข้อมูลที่ต้องการ
3. วิธีการจดโน้ตย่ออย่างมีประสิทธิภาพระหว่างฟัง
การจดโน้ตสั้นๆ สามารถช่วยจำรายละเอียดสำคัญได้ เช่น:
-
ตัวเลข: เวลา วันที่ จำนวนเงิน
-
ชื่อ: ชื่อคน สถานที่ บริษัท
-
คำสำคัญ: การกระทำ เหตุการณ์สำคัญ
บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม: เคล็ดลับเก่ง TOEIC Listening Part 4: Short Talks!
III. กลยุทธ์รวมเพื่ออัปคะแนน TOEIC listening test
การพัฒนาทักษะ TOEIC Listening ต้องใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถจัดการกับข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การบริหารเวลาและสมาธิในห้องสอบจริง
-
ใช้เวลาระหว่างข้อในการอ่านคำถามข้อต่อไป
-
หากพลาดข้อใดให้ข้ามไปทันที เพื่อไม่ให้เสียสมาธิสำหรับข้อถัดไป
-
เก็บสมาธิให้ครบทั้ง 45 นาที โดยไม่ให้ความเหนื่อยล้ามากระทบต่อการฟัง
2. วิธีสร้างสภาพแวดล้อมการฟัง (Immersion) เพื่อพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน
การสร้างสภาพแวดล้อมการฟังภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน:
-
ฟังข่าวภาษาอังกฤษ 15-20 นาทีต่อวัน
-
ดูรายการเกี่ยวกับธุรกิจและการทำงาน
-
ฝึกฟังสำเนียงที่หลากหลาย เช่น อเมริกัน อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย
3. แนะนำแหล่งฝึกทำข้อสอบ Online ที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ
แหล่งฝึกซ้อมที่แนะนำ:
-
เว็บไซต์ทางการของ ETS
-
แอปพลิเคชันฝึกทำข้อสอบมาตรฐาน
-
หนังสือเตรียมสอบจากสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง
IV. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและการแก้ไข:
|
ข้อผิดพลาด |
สาเหตุ |
วิธีแก้ไข |
|
ตกข้อเยอะใน Part 2 |
ไม่เข้าใจคำตอบทางอ้อม |
ฝึกฟังบทสนทนาจริงเพิ่มขึ้น |
|
อ่านคำถามไม่ทัน |
บริหารเวลาไม่ดี |
ฝึกการอ่านแบบ Scanning |
|
จำรายละเอียดไม่ได้ |
ไม่จดโน้ต |
ฝึกการจดโน้ตแบบสั้นๆ |
V. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) และเกร็ดความรู้เพื่อความเป็นเลิศ
1. จำเป็นต้องเข้าใจทุกคำศัพท์ในบทสนทนาเพื่อตอบคำถามให้ถูกหรือไม่?
ไม่จำเป็น ความสามารถในการจับใจความสำคัญและการใช้บริบทช่วยในการเดาความหมายมีความสำคัญมากกว่าการรู้ศัพท์ทุกคำ การมุ่งเน้นที่คำสำคัญ (Keywords) และการเชื่อมโยงข้อมูลจะช่วยให้ตอบคำถามได้ถูกต้อง
2. Accent ที่แตกต่างกันในข้อสอบ TOEIC คืออะไร และมีผลต่อการฟังแค่ไหน?
ข้อสอบ TOEIC ใช้สำเนียงหลัก 4 ประเภท คือ อเมริกัน แคนาดา อังกฤษ และออสเตรเลีย การฝึกฟังสำเนียงที่หลากหลายจะช่วยให้คุ้นเคยกับความแตกต่างของการออกเสียงและจังหวะการพูด
3. คำถามประเภท 'Inference' (การอนุมาน) มักปรากฏใน Part ใดของข้อสอบ Listening บ้าง?
คำถาม Inference พบได้ทุก Part แต่มักพบมากใน Part 3 และ 4 เนื่องจากมีบริบทที่ซับซ้อนกว่า คำถามเหล่านี้มักเริ่มด้วย What will..., What does the speaker imply..., หรือ What can be inferred...
4. การฝึกฟังจากหนัง/เพลง กับการฝึกจากข้อสอบ TOEIC โดยตรง แบบไหนให้ผลดีกว่ากัน?
การฝึกจากข้อสอบ TOEIC โดยตรงจะให้ผลที่ดีกว่าในระยะสั้น เพราะคุ้นเคยกับรูปแบบและเทคนิคการทำข้อสอบ แต่การฝึกจากสื่อหลากหลายจะช่วยพัฒนาทักษะการฟังโดยรวมในระยะยาว การผสมผสานทั้งสองวิธีจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การทำ TOEIC listening test ให้ได้คะแนนสูงต้องอาศัยการเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ การฝึกฝนเทคนิคเฉพาะของแต่ละ Part และการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เหมาะสม โดยที่สำคัญที่สุดคือการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอและการวิเคราะห์จุดอ่อนของตนเองเพื่อนำไปปรับปรุง
ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าสอบจะสามารถพัฒนาทักษะการฟังให้มีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายคะแนนที่ตั้งใจไว้ได้อย่างแน่นอน
PREP Edu มีความพร้อมในการสนับสนุนการเตรียมตัวสอบ TOEIC ของคุณด้วย คอร์ส เรียน โท อิ ค ที่ครอบคลุมทุกทักษะ พร้อมด้วยเทคนิคเฉพาะและข้อสอบจำลองที่ใกล้เคียงกับข้อสอบจริง ร่วมกับระบบติดตามผลการเรียนแบบ Real-time ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนา เพื่อการเตรียมสอบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็น
เนื้อหาแบบพรีเมียม
ดูทั้งหมดแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคล
อ่านมากที่สุด
ติดต่อ Prep ผ่านโซเชียล
















