อยากใช้ Other กับ Another ให้ถูกต้อง? รวมตัวอย่างการใช้เข้าใจง่าย

คุณเคยรู้สึกลังเลไหมเวลาที่ต้องเลือกใช้ระหว่าง "other" กับ "another" ในภาษาอังกฤษ? หลายคนมักสับสนว่าควรใช้คำไหนในสถานการณ์ใด แม้จะดูเหมือนคล้ายกัน แต่ทั้งสองคำนี้มีหลักการใช้ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การใช้ผิดอาจทำให้ประโยคฟังดูแปลกและสื่อความหมายผิดไปจากที่ต้องการ

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง other กับ another ซึ่งเป็นคำที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ พร้อมอธิบายหลักการใช้ที่ถูกต้องและยกตัวอย่างประกอบที่ชัดเจน

เมื่อพูดถึง other กับ another เราต้องเข้าใจก่อนว่า another มาจาก "an + other" ซึ่งบอกใบ้ว่าใช้กับคำนามเอกพจน์ ส่วน other นั้นมีความยืดหยุ่นกว่ามาก ใช้ได้ทั้งกับคำนามพหูพจน์ คำนามนับไม่ได้ และในบางกรณีก็ใช้กับคำนามเอกพจน์ได้ (เมื่อมี determiner นำหน้า) นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบเป็น "others" ที่เป็นคำสรรพนาม ซึ่งแตกต่างไปจาก other ที่เป็น adjective อีกด้วย

คำว่า another แปล ว่า "อีกหนึ่ง" หรือ "อันอื่น" ใช้เฉพาะกับคำนามนับได้เอกพจน์ เช่น "another book" (หนังสืออีกเล่ม) หรือ "another chance" (โอกาสอีกครั้ง) ในขณะที่ other แปล ว่า "อื่นๆ" ใช้กับคำนามพหูพจน์หรือนับไม่ได้ เช่น "other books" (หนังสือเล่มอื่นๆ) หรือ "other information" (ข้อมูลอื่นๆ) และถ้าต้องการใช้ other กับคำนามเอกพจน์ จะต้องมี determiner นำหน้า เช่น "the other book" (หนังสืออีกเล่มที่เหลือ)

ความเข้าใจเรื่อง other and another นี้จะช่วยให้คุณสื่อสารได้ถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น ในหัวข้อถัดไป เราจะเจาะลึกวิธีการใช้ทั้งสองคำนี้ในรูปแบบต่างๆ พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน และวิธีแยกแยะว่าเมื่อไหร่ควรใช้ others คือ อะไร และต่างจาก other vs another อย่างไร

I. ทำความเข้าใจ Other กับ Another

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักความแตกต่างพื้นฐานระหว่าง other vs another กันก่อน หากสังเกตดีๆ คำว่า "another" มาจาก "an + other" ซึ่งให้เบาะแสว่าเกี่ยวข้องกับคำนามเอกพจน์ ส่วน "other" นั้นมีความหมายกว้างกว่าและใช้ได้หลากหลายกว่า

1. Another คืออะไร?

"Another" คือคำที่หมายถึง "อีกหนึ่งอัน/คน" (one more, an additional one) หรือ "อัน/คน อื่นที่ไม่ใช่" (a different one) โดยมีเงื่อนไขการใช้คือ ต้องตามด้วยคำนามนับได้เอกพจน์เท่านั้น

ตัวอย่างการใช้ another:

• Can I have another cup of coffee? (ขอกาแฟอีกแก้วได้ไหม?)

• I need another day to finish this project. (ฉันต้องการเวลาอีกวันเพื่อทำโปรเจคนี้ให้เสร็จ)

• Let's try another approach. (ลองใช้วิธีอื่นกันดีกว่า)

2. Other คืออะไร? 

"Other" มีความหมายว่า "อื่นๆ" (different, remaining) สามารถใช้ได้หลากหลายกว่า another โดยมีรูปแบบการใช้ดังนี้:

1. ใช้กับคำนามนับได้พหูพจน์ (other books, other students)

2. ใช้กับคำนามนับไม่ได้ (other information, other advice)

3. ใช้หลัง Determiner (the, my, his, some, any, no...) ตามด้วยคำนามนับได้เอกพจน์ (the other book, my other car)

ตัวอย่างการใช้ other:

• Do you have any other questions? (คุณมีคำถามอื่นๆ อีกไหม?)

• Other people might disagree with you. (คนอื่นๆ อาจไม่เห็นด้วยกับคุณ)

• Where are the other keys? (กุญแจอันอื่นๆ อยู่ไหน?)

บทความแนะนำอ่านต่อ:

• มาแยกแยะความแตกต่างของคำนามนับได้ นามนับไม่ได้ พร้อมกับแบบฝึกหัด

II. เจาะลึกการใช้งาน Other กับ Another

มาดูรายละเอียดการใช้งานในแต่ละรูปแบบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมตัวอย่างประกอบที่หลากหลาย

1. Another ใช้​กับคำนามนับได้เอกพจน์

จุดสำคัญคือ another ต้องใช้กับคำนามนับได้เอกพจน์เท่านั้น ไม่ว่าจะในความหมาย "เพิ่มอีกหนึ่ง" หรือ "อันอื่นที่แตกต่าง"

ตัวอย่างการใช้ในบริบทต่างๆ:

• Would you like another piece of cake? (คุณต้องการเค้กอีกชิ้นไหม?)

• She's looking for another job. (เธอกำลังหางานใหม่)

• We'll need another volunteer. (เราต้องการอาสาสมัครอีกคน)

• That's another story we can discuss later. (นั่นเป็นอีกเรื่องที่เราค่อยคุยกันทีหลัง)

2. การใช้ Other กับคำนามรูปแบบต่างๆ

Other มีความยืดหยุ่นกว่า another มาก สามารถใช้ได้หลายรูปแบบตามประเภทของคำนาม

Other + คำนามนับได้พหูพจน์

เมื่อใช้ other กับคำนามนับได้พหูพจน์ จะหมายถึง "อันอื่นๆ/คนอื่นๆ" ที่ไม่ได้เจาะจง หรือที่เหลือ:

• These shoes are too small. Do you have other sizes? (รองเท้าพวกนี้เล็กเกินไป คุณมีไซส์อื่นๆ ไหม?)

• She loves dogs, but other animals scare her. (เธอชอบหมา แต่สัตว์อื่นๆ ทำให้เธอกลัว)

• I've read these books, but not the other ones. (ฉันอ่านหนังสือพวกนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านเล่มอื่นๆ)

Other + คำนามนับไม่ได้

เมื่อใช้ other กับคำนามนับไม่ได้ จะหมายถึง "ข้อมูล/สิ่งอื่นๆ" ที่เป็นนามนับไม่ได้:

• Do you need other information? (คุณต้องการข้อมูลอื่นๆ อีกไหม?)

• We received other advice from the expert. (เราได้รับคำแนะนำอื่นๆ จากผู้เชี่ยวชาญ)

• I prefer tea, but other beverages are fine too. (ฉันชอบชามากกว่า แต่เครื่องดื่มอื่นๆ ก็ไม่เป็นไร)

การใช้ Other คู่กับ Determiners + คำนามนับได้เอกพจน์

กรณีนี้ other ไม่ได้มาเดี่ยวๆ แต่ต้องมี Determiner นำหน้า ได้แก่ the, my, your, his, her, some, any, no เป็นต้น

ความสำคัญของ Determiners หน้า Other

Determiner มีความสำคัญมากเมื่อใช้ other กับคำนามเอกพจน์ เพราะถ้าไม่มี Determiner ประโยคจะผิดไวยากรณ์ (ต้องใช้ another แทน) เช่น:

• ผิด: I want other book.

• ถูก: I want another book. หรือ I want the other book.

ตัวอย่าง: The other day vs. Another day

"The other day" และ "Another day" มีความหมายต่างกัน:

• The other day: หมายถึง "วันก่อน" หรือ "เมื่อไม่นานมานี้" (เป็นวันในอดีต) เช่น: I met your sister the other day. (ฉันเจอพี่สาวคุณเมื่อวันก่อน)

• Another day: หมายถึง "วันอื่น" หรือ "อีกวันหนึ่ง" (มักเป็นวันในอนาคต) เช่น: Let's discuss this another day. (มาคุยเรื่องนี้กันในวันอื่นดีกว่า)

III. Others และ The others

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ "Others" และ "The others" ไม่ใช่แค่รูปพหูพจน์ของ Other ที่เป็น Adjective หรือ Determiner แต่ทำหน้าที่เป็น "คำสรรพนาม" (Pronoun) แทนที่คำนามที่ละไว้

1. Others ใช้แทนอะไร? ต่างจาก Other อย่างไร?

"Others" ใช้เป็นคำสรรพนามแทน "other people" หรือ "other things" โดยไม่ระบุเจาะจง ความแตกต่างหลักคือ:

• Other (Adj./Det.): ต้องมีคำนามตามหลัง (other books, other people)

• Others (Pronoun): ใช้เดี่ยวๆ ได้เลย ไม่ต้องมีคำนามตาม

ตัวอย่าง:

• Some students finished early, others needed more time. (นักเรียนบางคนทำเสร็จเร็ว คนอื่นๆ ต้องการเวลามากกว่า)

• I like this shirt, but not the others. (ฉันชอบเสื้อตัวนี้ แต่ไม่ชอบตัวอื่นๆ)

2. The other vs. The others: ระบุเจาะจงให้ชัดเจน

การเติม "The" ข้างหน้า other หรือ others ทำให้ความหมายเปลี่ยนเป็นการระบุเจาะจงถึงกลุ่มที่เหลือ

The other (อัน/คน ที่เหลือจากสอง หรือ กลุ่มที่เฉพาะเจาะจง - เอกพจน์)

"The other" มักใช้เมื่อพูดถึงสิ่งที่เหลือจากสองสิ่ง หรือกลุ่มที่มีเพียงหนึ่งอัน/คนที่เหลือ:

• I have two brothers. One lives here, the other lives abroad. (ฉันมีพี่น้องสองคน คนหนึ่งอยู่ที่นี่ อีกคนอยู่ต่างประเทศ)

• My left eye is blue, the other is green. (ตาซ้ายฉันสีฟ้า อีกข้างเป็นสีเขียว)

The others (อัน/คน ที่เหลือทั้งหมดจากกลุ่มที่เฉพาะเจาะจง - พหูพจน์)

"The others" ใช้เมื่อพูดถึงสิ่งที่เหลือทั้งหมดจากกลุ่มที่ระบุไว้ก่อนหน้า:

• Ten people came. Two left early, the others stayed until the end. (มีคนมา 10 คน 2 คนกลับก่อน ที่เหลือทั้งหมดอยู่จนจบ)

• Keep this pen, give the others back to me. (เก็บปากกาด้ามนี้ไว้ ส่วนที่เหลือทั้งหมดคืนให้ฉัน)

IV. ตารางสรุปและตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด

เพื่อให้เห็นภาพรวมและเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น นี่คือตารางสรุปการใช้งาน other กับ another และคำที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างประโยคเปรียบเทียบที่มักสับสน

• Give me another chance. (ขอโอกาสอีกครั้ง = ขอเพิ่มอีกหนึ่งโอกาส)

• Give me the other chance. (ขอโอกาสที่เหลือ = กรณีมีแค่ 2 โอกาส)

• Some students like math, others prefer English. (นักเรียนบางคนชอบคณิตศาสตร์ คนอื่นๆ ชอบภาษาอังกฤษ)

• Some students like math, the others prefer English. (นักเรียนบางคนชอบคณิตศาสตร์ ที่เหลือทั้งหมดชอบภาษาอังกฤษ = มีแค่ 2 กลุ่ม)

V. เคล็ดลับจำง่ายๆ และข้อควรระวัง

เพื่อให้จำได้ง่ายและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด ลองใช้เทคนิคเหล่านี้:

1. เทคนิคช่วยจำความแตกต่างหลัก

• Another = an + other (นึกถึง 'a/an' -> เอกพจน์)

• Other + นามพหูพจน์/นับไม่ได้

• Determiner + Other + นามเอกพจน์

• Others = คำสรรพนาม (แทน other + plural noun)

• The = เจาะจง (The other/The others = เจาะจงที่เหลือ)

2. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีหลีกเลี่ยง

• ใช้ another กับนามพหูพจน์ (ผิด: another books) ยกเว้นกรณีพิเศษเมื่อมีตัวเลขตามหลัง

• ใช้ other กับนามเอกพจน์โดยไม่มี Determiner (ผิด: I want other book)

• สับสนระหว่าง other (Adj) กับ others (Pronoun) (ผิด: Some people agree, other disagree)

• ใช้ the other/the others ไม่ถูกบริบทความเจาะจง

VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) และเกร็ดความรู้เพิ่มเติม

นี่คือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ other and another และประเด็นเสริมที่น่าสนใจ

1. Determiners คืออะไร และเกี่ยวข้องกับการใช้ Other อย่างไร?

Determiners คือคำนำหน้านาม เช่น a, an, the, my, your, his, her, its, our, their, some, any, no, each, every, this, that เป็นต้น มีความสำคัญมากเมื่อใช้กับ other ที่ตามด้วยคำนามนับได้เอกพจน์ โดยจะทำให้ประโยคถูกต้องและสมบูรณ์ เช่น my other car, any other reason, the other option

2. ใช้ Another กับคำนามพหูพจน์ได้หรือไม่? (มีข้อยกเว้นไหม?)

โดยทั่วไป another ใช้ ไม่ได้กับคำนามพหูพจน์ แต่มีข้อยกเว้นเมื่อ another ตามด้วยตัวเลข + คำนามพหูพจน์ หรือคำที่เกี่ยวกับเวลา/ระยะทาง/เงินที่มองเป็นหน่วยเดียว เช่น:

• We need another two weeks to finish. (เราต้องการอีก 2 สัปดาห์เพื่อทำให้เสร็จ)

• I walked another five kilometers. (ฉันเดินต่อไปอีก 5 กิโลเมตร)

3. นอกจาก Another, Other, Others ยังมีคำที่คล้ายกันอีกไหม?

มีคำอื่นๆ ที่แสดงความแตกต่างหรือเพิ่มเติม เช่น:

• Different (แตกต่าง): This is a different approach. (นี่เป็นวิธีที่แตกต่าง)

• Additional (เพิ่มเติม): We need additional information. (เราต้องการข้อมูลเพิ่มเติม)

• Alternative (ทางเลือกอื่น): Is there an alternative solution? (มีทางออกอื่นไหม?)

• Remaining (ที่เหลืออยู่): The remaining students passed the test. (นักเรียนที่เหลือสอบผ่าน)

4. ความแตกต่างสำคัญที่สุดระหว่าง Other และ Others คืออะไร?

Other (ส่วนใหญ่) ต้องมีคำนามตามหลังเพื่อขยาย (other books, the other person) ทำหน้าที่เหมือนคำคุณศัพท์หรือคำนำหน้านาม ในขณะที่ Others เป็นคำสรรพนามใช้แทนที่ other + plural noun และไม่ต้องมีนามตามหลัง (Some agree, others disagree)

เมื่อเข้าใจความแตกต่างระหว่าง other กับ another แล้ว คุณจะเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจมากขึ้น หัวใจสำคัญคือ ดูว่าเราต้องการสื่อความหมายแบบใด และคำนามที่ตามหลังเป็นประเภทใด นอกจากนี้ อย่าลืมว่า others และ the others เป็นคำสรรพนามที่ใช้แทนนามพหูพจน์ได้โดยไม่ต้องมีคำนามตามหลัง การฝึกฝนใช้อย่างถูกต้องบ่อยๆ จะช่วยให้คุณใช้ other กับ another และคำที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นธรรมชาติในที่สุด

PREP – แพลตฟอร์มการเรียนและฝึกสอบอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี Prep AI ช่วยให้คุณเรียนรู้ไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีการเรียนที่มีประสิทธิภาพ เช่น Context-based Learning, Task-based Learning และ Guided Discovery ที่ช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น

PREP ยังมี Mindmap สรุปเนื้อหาที่ช่วยให้คุณทบทวนและค้นหาความรู้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ด้วยความช่วยเหลือจาก AI คุณจะสามารถตรวจจับข้อผิดพลาดในการออกเสียง และพัฒนาทักษะการออกเสียงตั้งแต่คำเดี่ยวจนถึงประโยคสมบูรณ์

นอกจากนี้ คุณยังสามารถฝึกฟังและจดตามคำบอกเพื่อเสริมคำศัพท์ใหม่ และคุ้นเคยกับสำเนียงและจังหวะการพูดของเจ้าของภาษา

ดาวน์โหลดแอป PREP แล้วเริ่มเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้าน พร้อมโปรแกรมฝึกสอบออนไลน์คุณภาพสูง

ติดต่อ HOTLINE +6624606789 หรือคลิกที่นี่เพื่อสมัครเรียนเลย!