วิธีการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่ดียิ่งขึ้น

แต่ละประเทศก็ใช้หน่วยสกุลเงินที่แตกต่างกัน และมูลค่าของแต่ละสกุลเงินก็แตกต่างกันด้วย ดังนั้นคุณเข้าใจกฎเกณฑ์ในการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษ PREP จะรวบรวมเทคนิคการขานตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษเพื่อช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในบทความด้านล่าง! มาดูกันเลย!

I. ความสําคัญของการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษ 

ค่าเงินเป็นหัวข้อที่มักจะปรากฏขึ้นในการสื่อสารประจำวันของเรา การบอกค่าเงินให้ถูกต้องจะช่วยให้คุณสื่อสารได้แบบธรรมชาติมากยิ่งขึ้นในหลายสถานการณ์ เช่น การใช้บริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมยามพักผ่อน การแลกเปลี่ยนข้อมูลในที่ทํางาน (โดยเฉพาะภาคธุรกิจ) และสถานการณ์อื่นๆ 

นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับเงินมักจะปรากฏในส่วนที่ 1 ของการทดสอบการฟังของ IELTS ด้วย ซึ่งผู้สมัครต้องเข้าใจและให้คําตอบเกี่ยวกับจํานวนเงินและราคาให้ได้ ดังนั้น การจดจําวิธีการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารของคุณไม่ใช่แค่ในการสอบฟัง IELTS เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสื่อสารทั่วไปด้วย

II. หน่วยเงินที่พบบ่อยและคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง

ก่อนที่เราจะเรียนรู้วิธีการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษ คุณควรเรียนเกี่ยวกับหน่วยเงินที่พบบ่อยในการใช้งาน รวมถึงคำศัพท์เกี่ยวกับเงินในภาษาอังกฤษ มาดูกันในตารางนี้เลย!

1. หน่วยเงินที่พบบ่อย

2. คําศัพท์เกี่ยวกับการเงินธุรกิจที่พบบ่อย

III. วิธีเขียนจำนวนเงินเป็นภาษาอังกฤษ

ก่อนที่จะเรียนรู้วิธีการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษ เราเริ่มเรียนวิธีเขียนตัวเลขก่อน! การทําความเข้าใจวิธีเขียนให้กระจ่างจะช่วยสคุณในการใช้เกี่ยวกับการอังกฤษ และการทดสอบการฟังเกี่ยวกับค่าเงินได้อย่างถูกต้องมากขึ้น!

IV. วิธีการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษ 

ต่อไปนี้เป็นการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ โดยการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสื่อสารได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

กฎข้อแรกที่คุณต้องจำคือ: เพิ่ม "s" หลังหน่วยสกุลเงินหากจำนวนเงินนั้นมีค่ามากกว่าหนึ่ง ตัวอย่างเช่น:

• $48: Forty-eight dollars
• £60: sixty pounds 

สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือกฎนี้จะใช้กับหน่วยสกุลเงินบางสกุลที่แสดงไว้ที่ด้านล่างเท่านั้น:

กฎนี้จะไม่ใช้กับสกุลเงินบางสกุล เช่น ดองเวียดนาม เยนญี่ปุ่น หรือหยวนจีน

1. จำนวนเงินที่แน่นอน

1.1. จำนวนเต็ม

หากต้องการอ่านจำนวนเงินที่เป็นจำนวนเต็ม เราจะอ่านเหมือนเลขจำนวนนับแล้วต่อท้ายหน่วยสกุลเงิน ตัวอย่างเช่น:

• $500: “five hundred dollars”
• $123,456: “one hundred twenty-three thousand, four hundred and fifty-six dollars”
• 5000 THB: “five thousand baht” 

“one” จะถูกแทนที่ด้วย “a” ตัวอย่างเช่น: 125€ – A (one)  hundred and twenty-five euros. 

1.2. เลขทศนิยม

• หากต้องการอ่านค่าเงินที่มีทศนิยม ให้ปฏิบัติตามวิธีในการอ่านเลขทศนิยม จากนั้นเพิ่มหน่วยสกุลเงินต่อท้าย หรือแบบที่นิยมกว่าก็คืออ่านส่วนที่เป็นตัวเลขทั้งหมด ตามด้วยหน่วยสกุลเงิน + "and" + ส่วนทศนิยม + หน่วยสกุลเงินที่เล็กกว่า ตัวอย่างเช่น: $47.90: Forty-seven point nine dollars/ Forty-seven dollars and ninety cents. 
• มีกรณีพิเศษบางกรณีในการอ่านจำนวนเงินที่มีทศนิยมที่คุณควรเข้าใจให้ดี:

2. วิธีการการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษที่ไม่ชัดเจนด้วย “thousands of + dollar” และ “millions of + currency”

V. วิธีการอ่านค่าเงินภาษาอังกฤษด้วยหน่วยสกุลเงินทั่วไป

สำหรับหน่วยสกุลเงินแต่ละสกุล วิธีการอ่านยังคงเป็นไปตามกฎการออกเสียงทั่วไป แต่จะแตกต่างกันเฉพาะคำศัพท์สกุลเงินที่ใช้เท่านั้น โดยด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างเฉพาะของวิธีการอ่านสกุลเงินที่ใช้กันทั่วไปซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการอ้างอิง:

1. USD

USD เป็นสกุลเงินของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเรียกว่า "dollar" วิธีการออกเสียงมูลค่าเงินของเงินดอลลาร์ ก็เป็นไปตามกฎข้างต้นสำหรับการอ่านจำนวนเต็มและจำนวนทศนิยม ตัวอย่างเช่น:

• 598 USD ($598): Five hundred and ninety-eight dollars.
• 47.82 USD ($47.82): Forty-seven dollars and eighty-two cents

2. Euro

ในประเทศแถบยุโรป จำนวนเงินที่น้อยกว่า 1 ยูโรจะเรียกว่า "euro cent" ตัวอย่างเช่น: 52.93€: fifty two euros and ninety three cents or fifty two euros ninety-three. 

การเรียนรู้วิธีการพูดราคาภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณสื่อสารได้คล่องแคล่วมากขึ้น และหากคุณต้องการเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเริ่ม คอร์สเรียน IELTS ออนไลน์ เพื่อเสริมทักษะและความมั่นใจในการสอบได้ทันที