ภาษา

ค้นหาบทความการศึกษา

ไขความลับการเรียน TOEIC 600 พิชิตเป้าไว!

คุณเคยรู้สึกว่าการสอบ TOEIC ให้ได้คะแนน 600+ เป็นเรื่องยากและต้องลงทุนกับคอร์สเรียนราคาแพงหรือไม่? ความจริงแล้ว คุณสามารถเตรียมตัวสอบด้วยตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เพียงแผนการเรียนที่เป็นระบบ แหล่งข้อมูลที่เหมาะสม และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องเสียเงินมากมาย

การเรียน TOEIC 600 เป็นเป้าหมายที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานหรือศึกษาต่อ คะแนนระดับนี้แสดงถึงความสามารถในการสื่อสารในบริบทธุรกิจทั่วไปและเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่หลายองค์กรยอมรับ

การเตรียมตัวสอบ TOEIC ให้ได้ 600+ นั้นต้องครอบคลุมทั้งการฝึกทักษะ Listening และ Reading โดยมีพื้นฐานคำศัพท์และไวยากรณ์ที่เพียงพอ ความท้าทายของการเรียนด้วยตัวเองอยู่ที่การจัดสรรเวลาและการเลือกเนื้อหาที่เหมาะสม การจัดสรรเวลาอย่างสมดุลระหว่างทักษะต่างๆ เป็นกุญแจสำคัญ ควรแบ่งเวลาประมาณ 30-40% สำหรับ Listening, 30-40% สำหรับ Reading, และอีก 15-20% สำหรับทั้ง Grammar และ Vocabulary

สำหรับผู้เริ่มต้น การประเมินระดับความสามารถปัจจุบันเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ โดยการทำแบบทดสอบจำลอง (Mock Test) เพื่อวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน จากนั้นวางแผนการเรียนระยะเวลา 2-6 เดือน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานเดิม แหล่งข้อมูลการเรียนมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เลือกลงทุนในหนังสือเตรียมสอบคุณภาพดี 1-2 เล่ม และใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์ฟรีเสริม

ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีเตรียมตัวสอบ TOEIC ให้ได้ 600+ อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางแผน การเลือกแหล่งข้อมูล เทคนิคเฉพาะส่วน และวิธีรักษาแรงจูงใจ เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายโดยไม่ต้องพึ่งคอร์สเรียนราคาแพง

พร้อมแล้วหรือยังที่จะเริ่มเส้นทางสู่ TOEIC 600+ ด้วยตัวคุณเอง? มาเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่าคะแนนระดับนี้บ่งบอกถึงอะไรกันแน่

เรียน TOEIC 600 ยังไงให้ได้คะแนนจริง? สรุปเทคนิค + แหล่งฝึกสอบที่ช่วยให้ถึงเป้าไว!
สรุปเทคนิคเรียน TOEIC 600 แหล่งฝึกสอบที่ช่วยให้ถึงเป้าไว!
  1. I. TOEIC 600 ยาก ไหม? บอกอะไรเกี่ยวกับระดับภาษาของคุณ?
  2. II. ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง: เรียน TOEIC 600 ใช้เวลาแค่ไหน?
  3. III. สร้างแผนที่สู่เป้าหมาย: ออกแบบตารางเรียน TOEIC 600+ ฉบับส่วนตัว
    1. 1. กำหนดกรอบเวลาและเป้าหมายย่อย (Milestones) ที่ชัดเจน
    2. 2. จัดสรรเวลาเรียน TOEIC 600 อย่างสมดุล
    3. 3. ตัวอย่างตารางเรียน TOEIC 600 รายวัน/รายสัปดาห์
  4. IV. คลังอาวุธลับฉบับเรียน TOEIC 600 เอง
    1. 1. หนังสือเตรียมสอบ: เลือกเล่มไหนดีที่อธิบายเข้าใจง่าย เหมาะกับคนเรียนเอง?
    2. 2. เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน: ตัวช่วยฝึกฝนและจำศัพท์ที่ไม่ควรพลาด
  5. V. เจาะลึกเทคนิคทำคะแนน: กลยุทธ์เฉพาะส่วนสู่ TOEIC 600+
    1. 1. เทคนิคการฟัง (Listening): เน้นจับใจความหลักและ Keyword ใน Part ง่าย
    2. 2. เทคนิคการอ่าน (Reading): ความแม่นยำต้องมาก่อนความเร็ว
  6. VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) และข้อมูลเสริมเกี่ยวกับการเรียน TOEIC 600+ ด้วยตัวเอง
    1. 1. การเรียน TOEIC ด้วยตัวเองเพื่อให้ได้ 600+ เป็นไปได้จริงสำหรับทุกคนหรือไม่?
    2. 2. นอกจากความรู้ภาษาอังกฤษแล้ว ทักษะ "การเรียนรู้ด้วยตนเอง" (Self-Learning Skill) ที่สำคัญคืออะไร?
    3. 3. นอกจากหนังสือและแอปแล้ว แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ฟรีประเภทอื่นๆ (เช่น YouTube Channels, Podcasts) ที่ช่วยเสริมการเรียน TOEIC 600+ มีอะไรบ้าง?

I. TOEIC 600 ยาก ไหม? บอกอะไรเกี่ยวกับระดับภาษาของคุณ?

TOEIC 600 score แสดงถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษระดับกลาง ที่ผู้สอบสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษในบริบทการทำงานทั่วไปได้อย่างเหมาะสม ในระดับนี้ น้องๆ จะสามารถสื่อสารในสถานการณ์ทางธุรกิจทั่วไปได้ เข้าใจการสนทนาและข้อความที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อนจนเกินไป และสื่อสารความต้องการพื้นฐานในที่ทำงานได้

TOEIC 600 สมัคร งานในตลาดแรงงานไทย คะแนนระดับ 600+ ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่องค์กรหลายแห่งกำหนดเป็นคุณสมบัติขั้นต่ำในการรับสมัครงานสำหรับตำแหน่งที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ หรือในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังเป็นเกณฑ์ที่หลายมหาวิทยาลัยในประเทศไทยยอมรับสำหรับการจบการศึกษาหรือเข้าศึกษาต่อในบางหลักสูตร

II. ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง: เรียน TOEIC 600 ใช้เวลาแค่ไหน?

ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียน TOEIC 600 ขึ้นอยู่กับระดับพื้นฐานภาษาอังกฤษของแต่ละคน โดยทั่วไปสามารถประมาณได้ดังนี้:

  • สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานระดับปานกลาง (คะแนนปัจจุบันประมาณ 450-500) จะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน โดยศึกษา 1-2 ชั่วโมงต่อวัน

  • สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานระดับพอใช้ (คะแนนปัจจุบันประมาณ 350-450) จะใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน โดยศึกษา 1-2 ชั่วโมงต่อวัน

  • สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานระดับต่ำ (คะแนนปัจจุบันต่ำกว่า 350) จะใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน โดยต้องศึกษาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน

ความสม่ำเสมอในการฝึกฝนมีความสำคัญมากกว่าการใช้เวลาเรียนนานๆ ในแต่ละครั้ง การเรียนอย่างต่อเนื่องวันละ 1-2 ชั่วโมงทุกวันจะได้ผลดีกว่าการเรียนรวด 5-6 ชั่วโมงในวันหยุด แล้วไม่ได้ทบทวนในวันธรรมดา

เรียน TOEIC 600 ยังไงให้ได้คะแนนจริง? สรุปเทคนิค + แหล่งฝึกสอบที่ช่วยให้ถึงเป้าไว!
ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียน TOEIC 600 

บทความแนะนำอ่านต่อ: เรียน TOEIC 450 - เทคนิคการทำคะแนน TOEIC 450 ให้สำเร็จ

III. สร้างแผนที่สู่เป้าหมาย: ออกแบบตารางเรียน TOEIC 600+ ฉบับส่วนตัว

1. กำหนดกรอบเวลาและเป้าหมายย่อย (Milestones) ที่ชัดเจน

การสร้างแผนการเรียนที่มีโครงสร้างชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเรียน TOEIC ด้วยตัวเอง เริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายใหญ่และเป้าหมายย่อยที่วัดผลได้จริง เช่น:

เป้าหมายระยะยาว: ทำคะแนน TOEIC ได้ 600+ ภายใน 4 เดือน (ตัวอย่างสำหรับผู้ที่มีคะแนนปัจจุบัน 450)

เป้าหมายระยะกลาง (รายเดือน):

  • เดือนที่ 1: เพิ่มคลังคำศัพท์ธุรกิจพื้นฐาน 300 คำ และทบทวนไวยากรณ์หลัก 3 เรื่อง

  • เดือนที่ 2: ทำคะแนน Mock Test ได้ 500+ และเข้าใจกลยุทธ์การทำข้อสอบ Part 1-4

  • เดือนที่ 3: ทำคะแนน Mock Test ได้ 550+ และเข้าใจกลยุทธ์การทำข้อสอบ Part 5-7

  • เดือนที่ 4: ทำคะแนน Mock Test ได้ 600+ และฝึกทำข้อสอบเต็มรูปแบบอย่างน้อย 5 ชุด

เป้าหมายระยะสั้น (รายสัปดาห์): กำหนดเป้าหมายเฉพาะที่จะทำในแต่ละสัปดาห์ เช่น เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ 50-70 คำ ทำแบบฝึกหัด Part 5 จำนวน 100 ข้อ หรือฝึกฟัง Part 3 จำนวน 20 บทสนทนา

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้น้องๆ มีทิศทางในการเรียนและสามารถวัดความก้าวหน้าได้ ทำให้ไม่รู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องยากหรือไม่มีจุดสิ้นสุด

2. จัดสรรเวลาเรียน TOEIC 600 อย่างสมดุล

การจัดสรรเวลาเรียนอย่างสมดุลระหว่างทักษะต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ โดยควรแบ่งเวลาตามจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง แต่ไม่ควรละเลยทักษะใดทักษะหนึ่งโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างการจัดสรรเวลาโดยทั่วไป:

สำหรับทักษะ Listening (ควรจัดสรรเวลา 30-40% ของเวลาเรียนทั้งหมด):

  • ฝึกฟังบทสนทนาและการบรรยายที่หลากหลาย รวมถึงสำเนียงต่างๆ

  • ฝึกจับใจความสำคัญและรายละเอียดจากการฟัง

  • ฝึกฟังและจดบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น ตัวเลข วันที่ และชื่อเฉพาะ

สำหรับทักษะ Reading (ควรจัดสรรเวลา 30-40% ของเวลาเรียนทั้งหมด):

  • ฝึกอ่านเพื่อความเข้าใจทั้งแบบ scanning (หาข้อมูลเฉพาะ) และ skimming (จับใจความหลัก)

  • ฝึกการอ่านข้อความประเภทต่างๆ ที่พบในข้อสอบ เช่น อีเมล ประกาศ บทความ และโฆษณา

  • ฝึกทำข้อสอบ Part 5-7 โดยจับเวลา

สำหรับไวยากรณ์ (ควรจัดสรรเวลา 15-20% ของเวลาเรียนทั้งหมด):

  • ทบทวนไวยากรณ์พื้นฐานที่จำเป็นและออกสอบบ่อย เช่น Tenses, Prepositions, Articles

  • ฝึกทำแบบฝึกหัดเฉพาะไวยากรณ์และนำไปประยุกต์ใช้ในข้อสอบ Part 5-6

สำหรับคำศัพท์ (ควรจัดสรรเวลา 15-20% ของเวลาเรียนทั้งหมด):

  • เรียนรู้คำศัพท์ธุรกิจที่พบบ่อยในข้อสอบ TOEIC

  • ฝึกใช้คำศัพท์ในบริบทต่างๆ เพื่อจดจำได้ดีขึ้น

  • ทบทวนคำศัพท์อย่างสม่ำเสมอด้วยเทคนิคการจำที่เหมาะกับตัวเอง

3. ตัวอย่างตารางเรียน TOEIC 600 รายวัน/รายสัปดาห์

น้องๆ สามารถนำตารางเรียนต่อไปนี้ไปปรับใช้ตามความเหมาะสมกับตารางเวลาและไลฟ์สไตล์ของตัวเอง:

ตัวอย่างตารางเรียนรายวัน (1.5-2 ชั่วโมงต่อวัน):

  • 20-30 นาที: เรียนรู้/ทบทวนคำศัพท์ใหม่ (10-15 คำ) ด้วย flashcards หรือแอปพลิเคชัน

  • 30-40 นาที: ฝึกทักษะ Listening หรือ Reading สลับกันไปในแต่ละวัน

  • 20-30 นาที: ทบทวนไวยากรณ์หรือทำแบบฝึกหัดเฉพาะเรื่อง

  • 10-20 นาที: ทบทวนคำศัพท์ที่เรียนในวันก่อนๆ

ตัวอย่างตารางเรียนรายสัปดาห์:

  • วันจันทร์: เน้น Listening Part 1-2 และคำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ทำงาน

  • วันอังคาร: เน้น Reading Part 5 (ไวยากรณ์และคำศัพท์) และทบทวนไวยากรณ์ Tenses

  • วันพุธ: เน้น Listening Part 3-4 และคำศัพท์เกี่ยวกับการประชุมและโทรศัพท์

  • วันพฤหัสบดี: เน้น Reading Part 6-7 และทบทวนไวยากรณ์ Prepositions

  • วันศุกร์: ทำ Mini Mock Test (ครึ่งข้อสอบ) และวิเคราะห์ข้อผิดพลาด

  • วันเสาร์: ทบทวนคำศัพท์ทั้งสัปดาห์และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่

  • วันอาทิตย์: ทำแบบทดสอบเต็มรูปแบบ (Full Mock Test) ทุก 2-3 สัปดาห์

ให้ยืดหยุ่นกับตารางเรียน แต่พยายามรักษาความสม่ำเสมอให้มากที่สุด สามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาการเรียนตามความเหมาะสม แต่ควรกำหนดเวลาเรียนที่แน่นอนในแต่ละวันเพื่อสร้างนิสัยการเรียนที่ดี

เรียน TOEIC 600 ยังไงให้ได้คะแนนจริง? สรุปเทคนิค + แหล่งฝึกสอบที่ช่วยให้ถึงเป้าไว!
ตัวอย่างตารางเรียน TOEIC 600 รายวัน/รายสัปดาห์

IV. คลังอาวุธลับฉบับเรียน TOEIC 600 เอง

1. หนังสือเตรียมสอบ: เลือกเล่มไหนดีที่อธิบายเข้าใจง่าย เหมาะกับคนเรียนเอง?

เกณฑ์การเลือกหนังสือสำหรับเป้าหมาย 600+ (เน้นพื้นฐานและคำอธิบาย)

การเลือกหนังสือเตรียมสอบที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับการเรียน TOEIC ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะสำหรับเป้าหมาย 600+ น้องๆ ควรพิจารณาเกณฑ์ต่อไปนี้:

แนะนำหนังสือ (ตัวอย่าง 2-3 เล่ม พร้อมเหตุผล)

หนังสือเตรียมสอบ TOEIC ที่แนะนำสำหรับผู้เรียนด้วยตัวเองที่ตั้งเป้าหมาย 600+ มีดังนี้:

  1. Target TOEIC Second Edition (โดย Anne Taylor และ Garrett Byrne) - เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเตรียมสอบ TOEIC เพราะมีการอธิบายโครงสร้างข้อสอบและกลยุทธ์อย่างละเอียด มีคำอธิบายเฉลยที่ชัดเจน พร้อมคำศัพท์ที่จำเป็นสำหรับข้อสอบ นอกจากนี้ยังมีแบบทดสอบจำลองหลายชุดที่ใกล้เคียงกับข้อสอบจริง

  2. Longman Preparation Series for the TOEIC Test: Listening and Reading (โดย Lin Lougheed) - หนังสือนี้แนะนำสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษระดับปานกลาง มีการแบ่งระดับความยากและมีคำอธิบายเทคนิคการทำข้อสอบแต่ละส่วนอย่างละเอียด รวมถึงมีแบบฝึกหัดจำนวนมากเพื่อฝึกฝนทุกทักษะ

  3. TOEIC Practice Exams (โดย Barron's) - เป็นหนังสือที่รวมข้อสอบจำลองคุณภาพสูงถึง 6 ชุด พร้อมเฉลยละเอียดที่อธิบายว่าทำไมคำตอบนั้นถึงถูกต้อง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทำข้อสอบเพื่อความคุ้นเคยก่อนสอบจริง

สำหรับผู้ที่ต้องการเจาะลึกเฉพาะส่วน แนะนำเพิ่มเติม:

  • TOEIC Listening and Reading Skills (โดย Collins) - เน้นพัฒนาทักษะการฟังและอ่าน มีแบบฝึกหัดเฉพาะทางที่ช่วยปรับปรุงจุดอ่อน

  • TOEIC Grammar (โดย Oxford) - รวบรวมไวยากรณ์ที่จำเป็นสำหรับการสอบ โดยเฉพาะสำหรับ Part 5 และ 6

2. เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน: ตัวช่วยฝึกฝนและจำศัพท์ที่ไม่ควรพลาด

2.1. แหล่งฝึกทำข้อสอบออนไลน์ (ฟรีและเสียเงิน) ที่เหมาะกับระดับ 600+

น้องๆ สามารถใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์ต่อไปนี้เพื่อฝึกทำข้อสอบ TOEIC เพิ่มเติม:

แหล่งฝึกฟรี:

  • PREP TOEIC - เว็บไซต์ที่รวบรวมแบบฝึกหัดพร้อมคำอธิบายภาษาไทย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

  • Exam-English.com - มีแบบทดสอบสั้นๆ แยกตาม Part และคำแนะนำในการทำข้อสอบ

  • English Club TOEIC Practice - มีแบบฝึกหัดรายส่วนพร้อมเฉลยและคำอธิบาย

  • English Test Store - มีข้อสอบย่อยๆ แบ่งตามหมวดหมู่สำหรับฝึกฝนทักษะเฉพาะทาง

แหล่งฝึกแบบเสียเงิน:

  • GlobalExam - แพลตฟอร์มเตรียมสอบออนไลน์ที่มีแบบทดสอบเสมือนจริงจำนวนมาก พร้อมระบบติดตามความก้าวหน้าและคำอธิบายโดยละเอียด

  • EnglishScore TOEIC Practice - แอปพลิเคชันที่มีข้อสอบคุณภาพสูงและมีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ

  • ETS Official TOEIC Tests Online - ข้อสอบจากผู้จัดสอบจริง แม้จะมีราคาสูงแต่มีความใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุด

สำหรับระดับ 600+ ควรเริ่มต้นจากแหล่งข้อมูลฟรีเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ แล้วจึงค่อยพิจารณาลงทุนในแหล่งข้อมูลแบบเสียเงินหากต้องการข้อสอบที่มีคุณภาพใกล้เคียงข้อสอบจริงมากขึ้น

บทความแนะนำอ่านต่อ: ข้อสอบ TOEIC ออนไลน์ – ทดลองทำ TOEIC Mock Test ฟรีเพื่อเตรียมตัวสอบ

2.2. แอปพลิเคชันช่วยจำศัพท์และทบทวนแกรมมาร์

แอปพลิเคชันต่อไปนี้จะช่วยให้การเรียนรู้คำศัพท์และทบทวนไวยากรณ์เป็นเรื่องสนุกและมีประสิทธิภาพ:

แอปพลิเคชันสำหรับจำศัพท์:

  • Anki - แอปพลิเคชัน flashcards ที่ใช้ระบบ spaced repetition ช่วยให้จำคำศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างชุดคำศัพท์เองหรือดาวน์โหลดชุดคำศัพท์ TOEIC ที่มีผู้สร้างไว้แล้ว

  • Quizlet - แพลตฟอร์มที่มีเกมหลากหลายรูปแบบเพื่อช่วยในการจำคำศัพท์ มีชุดคำศัพท์ TOEIC มากมายให้เลือกใช้

  • Memrise - ใช้เทคนิคการจำที่หลากหลายและสนุกสนาน รวมถึงมีแนวทางการเรียนรู้แบบเล่นเกม

  • TOEIC Vocabulary Quiz - แอปพลิเคชันเฉพาะทางที่รวบรวมคำศัพท์ที่พบบ่อยในข้อสอบ TOEIC

แอปพลิเคชันสำหรับทบทวนไวยากรณ์:

  • Duolingo - แม้จะไม่เฉพาะเจาะจงกับ TOEIC แต่เป็นแอปที่ช่วยฝึกไวยากรณ์พื้นฐานได้อย่างสนุกสนาน

  • English Grammar in Use - แอปพลิเคชันจาก Cambridge ที่มีแบบฝึกหัดไวยากรณ์หลากหลาย

  • TOEIC Grammar - รวบรวมโจทย์ไวยากรณ์ในรูปแบบคล้ายข้อสอบ TOEIC Part 5

  • EF English Grammar - มีแบบฝึกหัดไวยากรณ์หลากหลายระดับพร้อมคำอธิบาย

สิ่งสำคัญคือการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ แนะนำให้ใช้เวลาวันละ 15-20 นาทีกับแอปจำคำศัพท์และไวยากรณ์ แทนที่จะใช้เวลานานๆ เพียงวันเดียวในสัปดาห์

V. เจาะลึกเทคนิคทำคะแนน: กลยุทธ์เฉพาะส่วนสู่ TOEIC 600+

1. เทคนิคการฟัง (Listening): เน้นจับใจความหลักและ Keyword ใน Part ง่าย

ส่วน Listening ของข้อสอบ TOEIC มี 100 ข้อ (495 คะแนน) แบ่งเป็น 4 ส่วนย่อย การทำคะแนนในส่วนนี้ให้ได้มากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำคะแนนรวมถึง 600+ ได้อย่างมาก

กลยุทธ์ Part 1 & 2: ส่วนเก็บคะแนนที่ไม่ควรมองข้าม

Part 1: Picture Description (6 ข้อ)

  • อ่านตัวเลือกทั้ง 4 ข้อล่วงหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อรู้ว่าต้องฟังอะไร

  • มองภาพให้ครบทุกส่วน สังเกตองค์ประกอบสำคัญเช่น คน สิ่งของ ตำแหน่ง และการกระทำ

  • ระวังคำที่เสียงคล้ายกัน (เช่น sitting/standing, open/closed) ซึ่งมักใช้เป็นตัวลวง

  • ฟังให้ดีว่าประโยคพูดถึงสิ่งที่เห็นในภาพจริงๆ หรือไม่ (บางประโยคอาจพูดถึงสิ่งที่ไม่ปรากฏในภาพ)

Part 2: Question-Response (25 ข้อ)

  • ฟังคำถามให้ดี โดยเฉพาะคำแรกซึ่งมักบอกประเภทของคำถาม (What, When, Where, Who, Why, How)

  • ทำความเข้าใจว่าคำถามต้องการข้อมูลใด และมองหาคำตอบที่ตอบคำถามนั้นโดยตรง

  • ระวังคำถามที่ใช้คำปฏิเสธ (เช่น Didn't you...?) ซึ่งต้องการการตอบรับหรือปฏิเสธที่ตรงข้ามกับคำถามปกติ

  • ระวังตัวลวงที่อาจใช้คำศัพท์เดียวกับในคำถามแต่ไม่ได้ตอบคำถามนั้น

ข้อแนะนำสำหรับการฝึกฝน Part 1 & 2:

  • ฝึกการ Respond อย่างรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชันหรือบทเรียนออนไลน์

  • ฝึกฟังบทสนทนาสั้นๆ ในชีวิตประจำวัน และลองตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหานั้น

  • ฟังโต้ตอบภาษาอังกฤษในหลากหลายสถานการณ์ เช่น ในร้านอาหาร โรงแรม ที่ทำงาน

เรียน TOEIC 600 ยังไงให้ได้คะแนนจริง? สรุปเทคนิค + แหล่งฝึกสอบที่ช่วยให้ถึงเป้าไว!
กลยุทธ์ Part 1 & 2: ส่วนเก็บคะแนน Listening ที่ไม่ควรมองข้าม

กลยุทธ์ Part 3 & 4: การฟังเพื่อหา Main Idea และคำตอบพื้นฐาน

Part 3: Conversations (39 ข้อ)

  • อ่านคำถามและตัวเลือกล่วงหน้าเพื่อรู้ว่าต้องฟังข้อมูลใด

  • จดบันทึกข้อมูลสำคัญระหว่างฟัง เช่น ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไม

  • ให้ความสำคัญกับประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของบทสนทนา ซึ่งมักมีข้อมูลสำคัญ

  • ฟังเพื่อจับ Main Idea (ใจความหลัก) ของบทสนทนา และสังเกตโทนเสียงของผู้พูด

Part 4: Talks (30 ข้อ)

  • อ่านคำถามและตัวเลือกล่วงหน้าเพื่อเตรียมหาคำตอบ

  • จดบันทึกข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะตัวเลข วันที่ เวลา และชื่อเฉพาะ

  • ฟังคำเชื่อม (Connectors) เช่น however, therefore, in addition ซึ่งมักนำไปสู่ข้อมูลสำคัญ

  • สรุปใจความหลักของการบรรยายเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับหัวข้อหรือวัตถุประสงค์

เคล็ดลับในการฝึกฝน Part 3 & 4:

  • ฝึกฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษหรือข่าวสั้นๆ ทุกวัน วันละ 10-15 นาที แล้วสรุปใจความสำคัญ

  • ฝึกจดบันทึกขณะฟัง โดยใช้สัญลักษณ์และคำย่อเพื่อความรวดเร็ว

  • ฝึกฟังบทสนทนาและการบรรยายในสถานการณ์ทางธุรกิจ เช่น การประชุม การนำเสนอ ประกาศในที่ทำงาน

2. เทคนิคการอ่าน (Reading): ความแม่นยำต้องมาก่อนความเร็ว

ส่วน Reading ของข้อสอบ TOEIC มี 100 ข้อ (495 คะแนน) แบ่งเป็น 3 ส่วนย่อย การทำคะแนนในส่วน Reading ถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้สอบหลายคน เนื่องจากมีความกดดันด้านเวลา

กลยุทธ์ Part 5 & 6: กุญแจสำคัญอยู่ที่ Grammar และ Vocab พื้นฐาน

Part 5: Incomplete Sentences (30 ข้อ)

  • เน้นความแม่นยำในการตอบมากกว่าความเร็ว โดยเฉพาะในระดับ 600+

  • วิเคราะห์โครงสร้างประโยคเพื่อหา part of speech ที่เหมาะสม (เช่น ต้องการ noun, verb, adjective หรือ adverb)

  • ตรวจสอบความสอดคล้องของเวลา (tense) และความสอดคล้องระหว่างประธานและกริยา (subject-verb agreement)

  • ระวังตัวลวงที่ใช้ศัพท์ถูกต้องแต่ผิดหลักไวยากรณ์ หรือศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงแต่ใช้ในบริบทไม่ถูกต้อง

Part 6: Text Completion (16 ข้อ)

  • อ่านย่อหน้าทั้งหมดก่อนเพื่อจับใจความหลัก

  • พิจารณาบริบทรอบๆ ช่องว่างเพื่อหาตัวชี้แนะ (clues) ทางไวยากรณ์หรือความหมาย

  • ตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างประโยคโดยสังเกตคำเชื่อม (connectors) ที่ใช้

  • ตรวจสอบความต่อเนื่องของเนื้อหาและความสัมพันธ์ของแนวคิดในย่อหน้า

เคล็ดลับในการฝึกฝน Part 5 & 6:

  • ทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์เฉพาะเรื่องที่เป็นจุดอ่อน เช่น tenses, prepositions, articles

  • อ่านบทความภาษาอังกฤษทุกวันและสังเกตโครงสร้างประโยคที่ใช้

  • ทำแบบฝึกหัด Part 5 วันละ 10-15 ข้อเพื่อสร้างความคุ้นเคย

  • สร้าง checklist ไวยากรณ์ที่พบบ่อยใน Part 5 & 6 เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ

กลยุทธ์ Part 7: เทคนิค Skimming/Scanning หาคำตอบข้อที่ตรงไปตรงมา

Part 7: Reading Comprehension (54 ข้อ)

  • อ่านคำถามก่อนเพื่อรู้ว่าต้องหาข้อมูลใดในบทอ่าน

  • ใช้เทคนิค scanning เพื่อหาคำสำคัญ (keywords) ที่เกี่ยวข้องกับคำถาม

  • ใช้เทคนิค skimming เพื่ออ่านเนื้อหาอย่างรวดเร็วและจับใจความหลัก

  • ระวังคำถามประเภท inference (การอนุมาน) ซึ่งต้องการการตีความมากกว่าการหาข้อมูลโดยตรง

สำหรับส่วนที่มีบทอ่านเดียวกับหลายคำถาม:

  • อ่านคำถามทั้งหมดก่อนเพื่อให้ทราบว่าต้องหาข้อมูลใดบ้าง

  • อ่านบทอ่านอย่างรวดเร็วเพื่อจับใจความหลัก แล้วกลับมาหาคำตอบทีละข้อ

  • จัดลำดับการตอบคำถามจากง่ายไปยาก หรือตามลำดับที่ข้อมูลปรากฏในบทอ่าน

สำหรับส่วนที่มีหลายบทอ่าน (double passages):

  • อ่านบทอ่านแรกให้เข้าใจก่อนไปอ่านบทที่สอง

  • หาความเชื่อมโยงระหว่างบทอ่านทั้งสอง

  • ตอบคำถามที่เกี่ยวกับบทใดบทหนึ่งโดยเฉพาะก่อน แล้วค่อยตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองบท

การบริหารเวลาในส่วน Reading สำหรับเป้าหมาย 600+

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากในส่วน Reading เนื่องจากมีเวลาจำกัด (75 นาที สำหรับ 100 ข้อ) แนะนำให้จัดสรรเวลาดังนี้:

  • Part 5 (30 ข้อ): ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที (40-50 วินาทีต่อข้อ)

  • Part 6 (16 ข้อ): ใช้เวลาประมาณ 10-12 นาที (35-45 วินาทีต่อข้อ)

  • Part 7 (54 ข้อ): ใช้เวลาประมาณ 35-40 นาที

เคล็ดลับในการบริหารเวลา:

  • ทำข้อที่ง่ายก่อน ข้ามข้อที่ยากหรือใช้เวลานานไปก่อน แล้วค่อยกลับมาทำภายหลัง

  • ถ้าใช้เวลากับข้อใดนานเกิน 1 นาที ให้เดาคำตอบและทำข้อต่อไป

  • ฝึกจับเวลาในการทำแบบฝึกหัดเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับแรงกดดันด้านเวลา

  • สำหรับเป้าหมาย 600+ ไม่จำเป็นต้องทำถูกทุกข้อ เน้นทำข้อที่มั่นใจให้ถูกต้องก่อน

VI. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) และข้อมูลเสริมเกี่ยวกับการเรียน TOEIC 600+ ด้วยตัวเอง

1. การเรียน TOEIC ด้วยตัวเองเพื่อให้ได้ 600+ เป็นไปได้จริงสำหรับทุกคนหรือไม่?

คำตอบคือ "เป็นไปได้" สำหรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นและวางแผนอย่างเป็นระบบ การทำTOEIC 600 score ด้วยตัวเองเป็นเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้โดยไม่ต้องพึ่งคอร์สเรียนราคาแพง

อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้นี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ:

  • ระดับพื้นฐานเดิม - ผู้ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษระดับปานกลาง (400+) จะใช้เวลาน้อยกว่าผู้ที่มีพื้นฐานน้อย

  • ความสม่ำเสมอในการเรียน - การเรียนวันละ 1-2 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องให้ผลดีกว่าการเรียนหนัก 5-6 ชั่วโมงเฉพาะวันหยุด

  • ยุทธศาสตร์การเรียนที่เหมาะสม - การใช้แหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพและวิธีการเรียนที่เหมาะกับตัวเอง

  • การบริหารเวลา - ความสามารถในการจัดสรรเวลาเรียนท่ามกลางภาระอื่นๆ

ผู้ที่มีพื้นฐานต่ำมาก (ต่ำกว่า 300) อาจต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่า แต่ยังสามารถทำได้หากมีแผนการเรียนที่ดีและความมุ่งมั่นเพียงพอ บางครั้งอาจต้องพิจารณาเรียนพื้นฐานภาษาอังกฤษทั่วไปก่อนที่จะเริ่มเตรียมสอบ TOEIC โดยเฉพาะ

2. นอกจากความรู้ภาษาอังกฤษแล้ว ทักษะ "การเรียนรู้ด้วยตนเอง" (Self-Learning Skill) ที่สำคัญคืออะไร?

การเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยทักษะที่นอกเหนือจากความรู้ภาษาอังกฤษ ทักษะสำคัญเหล่านี้ได้แก่:

1. ทักษะการจัดการเวลา (Time Management)

  • ความสามารถในการวางแผนและจัดสรรเวลาเรียนอย่างเหมาะสม

  • การทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาโดยไม่มีคนมาควบคุม

  • การแบ่งเวลาระหว่างการเรียนกับภาระอื่นๆ ในชีวิต

2. ทักษะการตั้งเป้าหมายและติดตามผล (Goal Setting & Tracking)

  • การกำหนดเป้าหมายที่ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound)

  • การแตกเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อยที่จัดการได้

  • การติดตามและประเมินความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ

3. ทักษะการวิเคราะห์ตนเอง (Self-Analysis)

  • ความสามารถในการประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง

  • การเข้าใจรูปแบบการเรียนรู้ (Learning Style) ของตนเอง

  • การปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนให้เหมาะกับความถนัด

4. ความมีวินัยในตนเอง (Self-Discipline)

  • ความสามารถในการควบคุมตนเองให้ทำตามแผนที่วางไว้

  • การอดทนต่ออุปสรรคและความยากลำบาก

  • การไม่หลงไปกับสิ่งเร้าหรือการเบี่ยงเบนความสนใจ

5. ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Flexibility & Adaptability)

  • การปรับเปลี่ยนแผนเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป

  • การเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุงวิธีการเรียน

  • การลองวิธีการใหม่ๆ เมื่อวิธีเดิมไม่ได้ผล

6. ทักษะการค้นคว้าข้อมูล (Research Skills)

  • การค้นหาและประเมินแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

  • การกลั่นกรองข้อมูลที่เกี่ยวข้องและมีประโยชน์

  • การรวบรวมและจัดระเบียบข้อมูลที่ได้มา

7. ทักษะการสร้างแรงจูงใจตนเอง (Self-Motivation)

  • การกระตุ้นตัวเองให้เริ่มต้นและดำเนินการต่อเมื่อไม่มีใครคอยผลักดัน

  • การค้นหาและรักษาแรงบันดาลใจในระยะยาว

  • การให้รางวัลตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมาย

8. ความอดทนและการจัดการความเครียด (Resilience & Stress Management)

  • การรับมือกับความท้อแท้และความล้มเหลว

  • การฟื้นตัวจากอุปสรรคและก้าวต่อไป

  • การรักษาสมดุลเพื่อป้องกันการเรียนหนักเกินไปจนเครียด

การพัฒนาทักษะเหล่านี้ควบคู่ไปกับการเรียนภาษาอังกฤษจะช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย TOEIC 600+ ด้วยตัวเอง และยังเป็นทักษะที่มีประโยชน์ในทุกด้านของชีวิต

3. นอกจากหนังสือและแอปแล้ว แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ฟรีประเภทอื่นๆ (เช่น YouTube Channels, Podcasts) ที่ช่วยเสริมการเรียน TOEIC 600+ มีอะไรบ้าง?

แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ฟรีเป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับผู้เรียน TOEIC ด้วยตัวเอง น้องๆ สามารถใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่อเสริมการเรียนจากหนังสือและแอปพลิเคชัน:

YouTube Channels ที่แนะนำ:

  1. English with Lucy - สอนการออกเสียงและไวยากรณ์ที่ใช้บ่อยในการสื่อสาร

  2. TEDx Talks - ฟังสุนทรพจน์หลากหลายหัวข้อเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง

  3. Business English Pod - เน้นภาษาอังกฤษธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน TOEIC

  4. EnglishClass101 - รวมบทเรียนภาษาอังกฤษหลากหลายระดับและหัวข้อ

Podcasts ที่มีประโยชน์:

  1. 6 Minute English (BBC) - พอดแคสต์สั้นๆ ที่เหมาะสำหรับฝึกฟัง

  2. English Learning for Curious Minds - หัวข้อน่าสนใจที่ช่วยพัฒนาคำศัพท์และการฟัง

  3. All Ears English - เน้นภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตจริงและการสื่อสารทางธุรกิจ

  4. The English We Speak (BBC) - สอนสำนวนและคำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

เว็บไซต์และทรัพยากรออนไลน์อื่นๆ:

  1. Coursera และ edX - มีคอร์สเรียนฟรีเกี่ยวกับทักษะภาษาอังกฤษและการเตรียมสอบ

  2. YouTube Live Study Groups - กลุ่มเรียนออนไลน์ที่มีการถ่ายทอดสดและแลกเปลี่ยนเทคนิค

  3. Facebook Groups - ชุมชนผู้เรียน TOEIC ที่แบ่งปันเทคนิคและแหล่งข้อมูล

  4. Reddit (r/TOEIC) - ฟอรัมที่รวบรวมคำถาม คำแนะนำ และประสบการณ์จากผู้เรียนทั่วโลก

  5. The British Council's Learn English Website - แหล่งรวมแบบฝึกหัดไวยากรณ์และการฟังฟรี

แหล่งข้อมูลเฉพาะทาง:

  1. English Grammar in Use (หน้าเว็บทดลองใช้) - แบบฝึกหัดไวยากรณ์ออนไลน์จากหนังสือชื่อดัง

  2. News in Levels - ข่าวภาษาอังกฤษที่ปรับระดับความยากให้เหมาะกับผู้เรียน

  3. VoiceTube - วิดีโอภาษาอังกฤษพร้อมคำบรรยาย ช่วยในการฟังและอ่าน

  4. Dictation Exercises Online - เว็บไซต์ที่มีแบบฝึกหัด dictation สำหรับฝึกการฟังและเขียน

การเรียน TOEIC 600 ด้วยตัวเองเป็นความท้าทายที่สามารถทำได้จริง กุญแจสู่ความสำเร็จคือการวางแผนอย่างเป็นระบบ การประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมา และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

จัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่าง Listening, Reading, Grammar และ Vocabulary โดยเน้นที่จุดอ่อนแต่ไม่ละเลยจุดแข็ง การทำแบบทดสอบจำลองสม่ำเสมอจะช่วยให้เห็นพัฒนาการและสิ่งที่ต้องปรับปรุง

อุปสรรคเป็นเรื่องปกติในการเรียนด้วยตัวเอง การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การรักษาแรงจูงใจ และการมีวินัยจะช่วยให้คุณก้าวข้ามขีดจำกัดได้

ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณเรียนที่ไหนหรือเสียเงินเท่าไร แต่ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและวิธีการที่ถูกต้อง เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง TOEIC 600 score เป็นเป้าหมายที่จับต้องได้สำหรับทุกคนที่มุ่งมั่น

Mook
Product Content Admin

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมุก ปัจจุบันดูแลด้านเนื้อหาผลิตภัณฑ์ของ Prep Education ค่ะ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการเรียน IELTS ออนไลน์ด้วยตนเอง ฉันเข้าใจดีถึงความท้าทายที่ผู้เรียนต้องเผชิญ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ก
มุกอยากเอาประสบการณ์ตรงนี้มาช่วยแชร์ แล้วก็ซัพพอร์ตเพื่อน ๆ ให้ได้คะแนนที่ดีที่สุดค่ะ

ความคิดเห็นความคิดเห็น

0/300 อักขระ
Loading...
เข้าสู่ระบบ
เพื่อสัมผัสเนื้อหาพรีเมียมที่ปรับให้เหมาะกับคุณ

เนื้อหาแบบพรีเมียมเนื้อหาแบบพรีเมียม

ดูทั้งหมด

แผนที่เฉพาะบุคคล

TH30

อ่านมากที่สุด

ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน

กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

bg contact

เชื่อมต่อกับ Prep

facebookyoutubeinstagram
logo footer Prep
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์
get prep on Google Playget Prep on app store
หลักสูตร
คุณสมบัติเด่น
ห้องฝึกการเขียน IELTS AI
ห้องฝึกพูด IELTS AI
Teacher Bee AI
เชื่อมต่อกับเรา
mail icon - footerfacebook icon - footer
คุณอาจสนใจ
Prep Technology Co., LTD.

Address: ตึก C.P. Tower 2 (ฟอร์จูนทาวน์) ชั้น 21 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
Hotline: +6624606789
Email: sawatdee@prepedu.com

ได้รับการรับรองโดย
global sign trurst seal