เมื่อพูดถึงการเรียนภาษาอังกฤษ การเรียนรู้ไวยากรณ์มักจะเป็นอุปสรรคที่ยากที่สุดสำหรับผู้เรียนหลายคน หลายคนมักจะเจอปัญหา เช่น ลืมหลักการที่เคยเรียนไปแล้ว หรือไม่สามารถนำกฎไวยากรณ์ไปใช้ได้ในสถานการณ์จริง เช่น การพูดหรือการเขียน ดังนั้น บทความนี้จาก PREP จึงขอแนะนำวิธีการจดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพ เรียกว่า The Cornell Notes วิธีนี้ช่วยให้การจำกฎไวยากรณ์ได้ดีขึ้นอย่างไร มาดูกันเลย!

I. วิธีการจดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย: The Cornell Notes
1. 1. การแบ่งหน้ากระดาษออกเป็น 3 ส่วน
2. 2. ตัวอย่างการใช้ The Cornell Notes
II. เคล็ดลับการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจดโน้ตไวยากรณ์

The Cornell Notes: วิธีการจดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้เข้าใจง่ายและจำได้นาน

I. วิธีการจดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย: The Cornell Notes

1. การแบ่งหน้ากระดาษออกเป็น 3 ส่วน

ส่วนใหญ่ที่สุด (ประมาณ 2/3 ของหน้ากระดาษด้านขวา): Note column

ใช้สำหรับเขียนความรู้ที่ได้รับระหว่างการเรียน
ควรเลือกเขียนเฉพาะข้อมูลสำคัญ โดยใช้สัญลักษณ์ คำย่อ หรือแผนภาพ แทนการเขียนประโยคเต็ม

ส่วนด้านซ้าย: Recall column (หรือ Question/Keywords column)

หลังจากเรียนเสร็จ ให้เขียนคำถามหรือคำสำคัญสำหรับทบทวนความรู้
เวลาทบทวน ให้ปิดส่วน Note column ด้วยมือ และพยายามตอบคำถามที่เขียนไว้ใน Recall column
หลังจากนั้น เปิด Note column เพื่อตรวจสอบว่าเราจำเนื้อหาได้ครบถ้วนหรือไม่

ส่วนด้านล่าง (ประมาณ 5-7 บรรทัดสุดท้ายของหน้า): สรุป

ใช้สำหรับสรุปเนื้อหาที่เขียนในหน้านั้น
เมื่อทบทวน จะช่วยให้สามารถอ้างอิงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วโดยดูจากสรุปในแต่ละหน้า

2. ตัวอย่างการใช้ The Cornell Notes

นี่คือตัวอย่างวิธีการจดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดยเน้นไปที่ 2 กาล: Past Perfect Simple และ Past Perfect Continuous

RECALL

NOTE

จุดประสงค์ของกาลทั้งสอง
ความเหมือนของกาลทั้งสอง
ความแตกต่างของกาลทั้งสอง
อธิบายกาลทั้งสองบนไทม์ไลน์

Past Perfect Simple + Past Perfect Continuous:

Past Perfect Simple: ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดก่อนการกระทำอื่นในอดีต
Past Perfect Continuous: ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่มีการกระทำอื่นในอดีต

Present perfect tense:

Present perfect progressive tense:

สรุป:

เปรียบเทียบการใช้ Present Perfect และ Present Perfect Progressive Tense

RECALL	NOTE
RECALL	Past Perfect Simple	Past Perfect Continuous
Affirmative	S + had + V(pII) ตัวอย่าง: She turned over and remembered how she had learned to swim. (เธอพลิกตัวและจำได้ว่าเธอเรียนว่ายน้ำได้อย่างไร)	S + had been + V-ing. ตัวอย่าง: She had been preparing for the next day and now she couldn’t sleep. (เธอเตรียมตัวสำหรับวันรุ่งขึ้นและตอนนี้เธอนอนไม่หลับ)
Negative	S + had not + V(pII) ตัวอย่าง: I had not eaten at that restaurant before today. (วันนี้ฉันไม่ได้กินข้าวที่ร้านนั้นมาก่อน)	S + had not been + V-ing. ตัวอย่าง: It had not been raining for hours before the sun finally came out. (ฝนไม่ตกมาหลายชั่วโมงก่อนที่ดวงอาทิตย์จะออกมาในที่สุด)
Interrogative	Had + S + V(pII)? ตัวอย่าง: Had you cleaned up the mess by the time they came home? (คุณได้ทำความสะอาดก่อนที่พวกเขาจะกลับถึงบ้านหรือยัง)	Had + S + been + V-ing? ตัวอย่าง: Had you been working at your job for a long time before you quit? (คุณทำงานที่นี่มานานหรือยังก่อนจะลาออก)
สรุป: เปรียบเทียบโครงสร้างของ Present perfect tense และ Present perfect progressive tense

ด้วยวิธีการจดโน้ตนี้ คุณสามารถทบทวนและเสริมสร้างความเข้าใจในแนวคิดไวยากรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำไว้ว่า การจดโน้ตไม่ใช่แค่การอ่านผ่านๆ แต่ควรมีการ Recall (เรียกความรู้ที่เรียนมา) และ Application (ฝึกใช้) เพื่อให้เกิดการจดจำและการนำไปใช้ที่ดียิ่งขึ้น!

บทความที่แนะนำ:

Dictation: วิธีฝึกเขียนตามคำบอกเพื่อเพิ่มคะแนน IELTS Listening

เทคนิค Pomodoro จัดเวลาทำข้อสอบ IELTS แบบมือโปร

วิธีจัดการเวลาในการทำข้อสอบ IELTS Reading

II. เคล็ดลับการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจดโน้ตไวยากรณ์

เมื่อจดโน้ตเกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ สิ่งสำคัญคือต้องบันทึก 3 แง่มุมหลักของแต่ละหัวข้อ: Form (โครงสร้าง), Meaning (ความหมาย), Use (การใช้งาน)

ทั้งสามสิ่งนี้คือองค์ประกอบสำคัญที่สอนในบทเรียนไวยากรณ์ โดยแทนที่จะอ่านโน้ตซ้ำๆ ในการทบทวน ลองปฏิบัติตามขั้นตอนการจดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพด้วยวิธี The Cornell Notes ดังนี้:

ขั้นตอนการจดโน้ตด้วยวิธี The Cornell Notes

ขั้นตอนที่ 1: ระหว่างการเรียนหรือฟังบรรยาย ให้จดบันทึกเนื้อหาไวยากรณ์ใน Note column รวมถึงความหมาย การใช้งาน โครงสร้าง และตัวอย่างประกอบ

ขั้นตอนที่ 2: หลังจากเรียนจบ ให้เขียนคำถามสำหรับทบทวนลงใน Recall column โดยอิงจากเนื้อหาที่เรียน นอกจากนี้ สรุปเนื้อหาโดยย่อใน Summary section เพื่อช่วยในการค้นหาเนื้อหาเมื่อทบทวน (หมายเหตุ: อาจต้องใช้หลายหน้าในบทเรียนเดียวกัน)

ขั้นตอนที่ 3: เมื่อทบทวน ให้ดู Summary บนหน้าต่างๆ เพื่อระบุเนื้อหาที่ต้องการทบทวน

ขั้นตอนที่ 4: ระหว่างการทบทวน ให้ปิด Note column ด้วยมือ และพยายามตอบคำถามใน Recall column

ขั้นตอนที่ 5: หลังตอบคำถามเสร็จ เปิด Note column เพื่อตรวจสอบคำตอบของคุณว่า ถูกต้องหรือมีอะไรตกหล่นหรือไม่

➡️ ใช้ประโยชน์จาก "Testing Effect" หรือการฝึกฝนด้วยการทดสอบตัวเองโดยตอบคำถามที่เขียนไว้ แทนการอ่านซ้ำๆ เพื่อเสริมสร้างความจำในระยะยาว

นอกเหนือจากการทบทวนด้วยการจดจำโครงสร้างไวยากรณ์เพียงอย่างเดียว ลองฝึกสร้างประโยคตัวอย่างจากโครงสร้างเหล่านั้น วิธีนี้ช่วยกระตุ้นกระบวนการคิดในระดับที่สูงขึ้น โดยไม่เพียงแค่จดจำ แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ในบริบทได้อย่างถูกต้อง

เมื่อฝึกจดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ควรหลีกเลี่ยงการเขียนโน้ตที่ยาวเกินไป เพราะอาจทำให้ใช้เวลามากและยากต่อการทบทวน จุดสำคัญไม่ใช่การเขียนให้ได้มากที่สุด แต่คือการบันทึกประเด็นสำคัญที่สำคัญที่สุด

การทำความเข้าใจ The Cornell Notes และการนำมาใช้จดโน้ตไวยากรณ์ภาษาอังกฤษจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถจดจำและทบทวนความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ The Cornell Notes แบ่งหน้ากระดาษออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนบันทึกหลักสำหรับจดเนื้อหาสำคัญ ส่วนคำถามและคำสำคัญสำหรับเขียนคำถามทบทวน และส่วนสรุปสำหรับเขียนสรุปด้วยคำพูดของตนเอง การใช้วิธีนี้กับการเรียนไวยากรณ์ช่วยให้ผู้เรียนจัดระเบียบความรู้และสร้างคำถามเพื่อทบทวนได้ดีขึ้น

การประยุกต์ใช้กับไวยากรณ์ควรเริ่มจากการจดโครงสร้างและตัวอย่างในส่วนบันทึกหลัก จากนั้นเขียนคำถามทบทวนเช่น "เมื่อไหร่ใช้ Present Perfect?" ในส่วนคำสำคัญ และเขียนสรุปกฎไวยากรณ์ในส่วนสรุป การทบทวนโน้ตอย่างสม่ำเสมอโดยใช้คำถามปิดส่วนบันทึกหลักแล้วพยายามตอบจะช่วยเสริมสร้างความจำระยะยาว

PREP English จัดทำเรียนสอบ IELTS ที่ผสมผสานเทคนิคการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเข้ากับเนื้อหาหลักสูตรครอบคลุม หลักสูตร Grammar Foundation จัดเตรียม Mindmap ที่สังเคราะห์ความรู้ไวยากรณ์อย่างเป็นระบบ คล้ายกับแนวคิดของ The Cornell Notes การทดสอบย่อยที่แทรกสลับช่วยให้ผู้เรียนทบทวนอย่างสม่ำเสมอ หลักสูตร Basic, Intermediate และ Advance พัฒนาทักษะไวยากรณ์อย่างเป็นขั้นตอน ระบบติดตามความก้าวหน้าแสดงจุดที่ต้องทบทวนเพิ่มเติม ช่วยให้ผู้เรียนมุ่งเน้นการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจารย์ผู้สอนแนะนำเทคนิคการจดโน้ตและการทบทวนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายคะแนน IELTS ได้อย่างมั่นใจ