หนังสือ Effortless English ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ เหมาะสำหรับผู้เรียนหลากหลายกลุ่ม



ค้นหาบทความการศึกษา
รีวิวหนังสือ Effortless English – ฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ง่ายและเร็ว!
เมื่อพูดถึงหนังสือฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ หนังสือ Effortless English เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้ PREP จะมารีวิว Effortless English PDF MP3 ทั้ง 4 เล่ม ซึ่งเป็นชุดหนังสือที่ช่วยให้คุณก้าวข้ามความกลัวในการใช้ภาษาอังกฤษ และสร้างความมั่นใจในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

I. ทำความรู้จักกับวิธีการเรียนหนังสือ Effortless English
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจแนวคิดของวิธีการเรียนภาษาอังกฤษแบบ Effortless English กัน รวมถึงหลักการใช้งานหนังสือ ข้อดี และข้อจำกัดของวิธีนี้
1. Effortless English คืออะไร
Effortless English เป็นวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่พัฒนาโดย AJ Hoge ครูสอนภาษาอังกฤษชาวอเมริกัน โดยเน้นให้ผู้เรียนซึมซับภาษาแบบธรรมชาติ เหมือนกับการเรียนรู้ภาษาแม่ของตัวเอง เป้าหมายหลักของ Effortless English คือช่วยให้ผู้เรียนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ โดยไม่ต้องพึ่งพาการท่องจำไวยากรณ์มากเกินไป
-
ชื่อหนังสือ: Effortless English
-
ผู้เขียน: AJ Hoge
-
จำนวน: 4 เล่ม
-
ภาษา: อังกฤษ
จุดเด่นของวิธี Effortless English
-
เรียนรู้จากสถานการณ์จริงและภาษาที่ใช้จริง: Effortless English สอนภาษาอังกฤษผ่านบทเรียนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่น เรื่องราวสนุก ๆ และบทสนทนาในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง วิธีนี้ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจคำศัพท์และโครงสร้างไวยากรณ์ในบริบทที่ใช้จริง ไม่ใช่แค่เรียนรู้แบบท่องจำ
-
ฝึกฟังและพูดซ้ำ: แนวทางของ Effortless English คือให้ผู้เรียนฝึกฟังไฟล์เสียงซ้ำ ๆ และพยายามพูดตาม วิธีนี้ช่วยพัฒนาการออกเสียงและทำให้พูดภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น
-
เชื่อมโยงอารมณ์กับการเรียนรู้: AJ Hoge เชื่อว่าการเรียนภาษาอังกฤษควรเป็นเรื่องสนุกและสร้างแรงบันดาลใจ การเรียนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเชิงบวกจะช่วยให้ผู้เรียนจดจำและใช้ภาษาได้ดีขึ้น
-
เรียนรู้ผ่านเรื่องเล่า: Effortless English ใช้เรื่องเล่าสั้น ๆ เพื่อช่วยให้การเรียนสนุกขึ้น เนื้อหาที่เป็นเรื่องราวทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ได้ดีขึ้น
-
สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เป็นธรรมชาติ: AJ Hoge สนับสนุนให้ผู้เรียนสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่คล้ายกับการเรียนรู้ภาษาแม่ เช่น การฟังและพูดซ้ำบ่อย ๆ โดยไม่ต้องเครียดเรื่องไวยากรณ์มากเกินไปในช่วงแรก
2. หลักการสำคัญในวิธีหนังสือ Effortless English
วิธีการ Effortless English ที่พัฒนาโดย AJ Hoge มี 7 หลักการสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละหลักการมีรายละเอียดดังนี้:

● เรียนรู้เป็นวลี ไม่ใช่คำศัพท์เดี่ยว ๆ: แทนที่จะเขียนคำศัพท์ใหม่ ๆ เป็นรายการยาวและท่องจำไปเรื่อย ๆ วิธี Effortless English แนะนำให้เรียนรู้เป็นวลีหรือกลุ่มคำ วิธีนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้จริงในบทสนทนาและช่วยขยายคลังคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง:
คำกริยาอย่าง go, get และ take จะมีความหมายที่เปลี่ยนไปเมื่อใช้ร่วมกับบุพบท:
-
Take up หมายถึง "เริ่มกิจกรรมใหม่" (start a new habit)
-
Take out หมายถึง "นำออกมา" (move something out)
-
Take after หมายถึง "คล้ายกับ" (resemble someone in appearance or personality)
● ไม่เน้นการอธิบายไวยากรณ์: ในช่วงแรกของการเรียน ผู้เรียนไม่ควรโฟกัสกับการทำความเข้าใจไวยากรณ์มากเกินไป เพราะอาจทำให้การพูดติดขัดและดูแห้งแล้ง สิ่งที่ควรทำคือการฝึกฟังและใช้ภาษาจริงในสถานการณ์ต่าง ๆ เมื่อคุ้นเคยกับภาษาแล้ว ค่อยศึกษาไวยากรณ์เพิ่มเติม
● เรียนรู้ผ่านการฟัง ไม่ใช่การอ่าน: ผู้เรียนควรใช้เวลาฝึกฟังไฟล์เสียง บทสนทนา และเรื่องเล่า มากกว่าการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว เพราะการฟังช่วยพัฒนาทักษะการฟังและการออกเสียงที่เป็นธรรมชาติ
● เรียนรู้แบบซึมซับ – ค่อยเป็นค่อยไป: ผู้เรียนควรฝึกฟังซ้ำ ๆ เพื่อให้ความรู้ติดอยู่ในสมองระยะยาว กฎสำคัญของ Effortless English คือ “ฟังซ้ำ ฟังซ้ำ และฟังซ้ำ” วิธีนี้ช่วยให้ผู้เรียนจดจำภาษาและพัฒนาการออกเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
● เรียนไวยากรณ์ผ่านการฟังและการใช้จริง: ในวิธีนี้ ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์โครงสร้างไวยากรณ์ เพียงแค่ฟังเรื่องราวในหลาย ๆ เวอร์ชัน โฟกัสไปที่เหตุการณ์ในเรื่อง หลังจากฟังซ้ำหลายครั้ง ผู้เรียนจะค่อย ๆ ซึมซับไวยากรณ์ได้โดยอัตโนมัติ
● เรียนภาษาอังกฤษที่ใช้จริงก่อน แล้วค่อยเรียนคำศัพท์เฉพาะ: เนื้อหาในตำราเรียนมักเน้นคำศัพท์และไวยากรณ์ที่ยากเกินความจำเป็น ดังนั้น ควรเริ่มจากวลีที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น
-
How’s it going? (เป็นอย่างไรบ้าง?)
-
Can I give you a hand? (ให้ช่วยอะไรไหม?)
-
I’ll be right back. (เดี๋ยวกลับมา)
เมื่อคุ้นเคยกับภาษาในชีวิตประจำวันแล้ว ค่อยพัฒนาคำศัพท์และไวยากรณ์ที่ซับซ้อนขึ้น
● เรียนรู้ผ่านเรื่องเล่า: การเรียนผ่านเรื่องเล่าและนิทานช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษน่าสนใจและสนุกขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนจดจำคำศัพท์และโครงสร้างไวยากรณ์ในบริบทที่ชัดเจน
วิธี Effortless English อาจเหมาะกับผู้เรียนบางคน แต่ไม่ใช่ทุกคน การลองใช้วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายจะช่วยให้คุณค้นพบแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด!
3. กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับหนังสือ Effortless English
Effortless English สำหรับฝึกพูดภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติและคล่องแคล่ว โดยกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมได้แก่:
● ผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ: Effortless English เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษใหม่ ๆ เนื่องจากวิธีการนี้เน้นการฟังและการพูดซ้ำ ซึ่งช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในด้านทักษะการฟังและการออกเสียง
● ผู้ที่ต้องการพัฒนาความเข้าใจในการฟัง: สำหรับผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษมาสักระยะหนึ่ง แต่ยังมีปัญหาในการฟังบทสนทนาในชีวิตจริง วิธี Effortless English สามารถช่วยพัฒนาทักษะการฟังให้ดีขึ้น
● ผู้ที่ต้องการปรับปรุงการออกเสียงและการพูดอย่างเป็นธรรมชาติ: Effortless English เน้นการฟังและการพูดซ้ำเพื่อพัฒนาการออกเสียงและการแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจและความคล่องแคล่วในการพูดภาษาอังกฤษ
● ผู้ที่ชอบการเรียนรู้ผ่านเรื่องราวและบริบท: ด้วยการใช้เรื่องเล่าและสถานการณ์ในชีวิตจริงเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ผู้ที่สนุกกับการเรียนรู้ผ่านเรื่องราวและการปฏิสัมพันธ์ในสถานการณ์จริง จะพบว่าวิธีนี้น่าสนใจและสนุก
อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่าวิธีการเรียนรู้ใด ๆ ก็ไม่สามารถเหมาะกับทุกคน ผู้เรียนแต่ละคนมีเป้าหมายและสไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกวิธีการเรียนรู้ควรพิจารณาตามความต้องการและเงื่อนไขของผู้เรียนเอง
II. ข้อดีและข้อเสียของหนังสือ Effortless English
เพื่อช่วยให้คุณประเมินเนื้อหาของหลักสูตรได้อย่างรอบด้าน นี่คือข้อดีและข้อเสียของหนังสือ Effortless English:
1. ข้อดี
-
เน้นการสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ: วิธีการนี้ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ พร้อมสร้างโอกาสในการใช้ภาษาในสถานการณ์จริง
-
พัฒนาทักษะการฟัง: ด้วยการฟังและการพูดซ้ำ ผู้เรียนจะมีโอกาสพัฒนาความเข้าใจในการฟังและการตอบสนองอย่างรวดเร็วในบทสนทนา
-
สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้เหมือนเจ้าของภาษา: Effortless English ส่งเสริมการเรียนรู้ในลักษณะเดียวกับการเรียนรู้ภาษาแม่ ช่วยให้ผู้เรียนซึมซับภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
-
ไม่เน้นไวยากรณ์ตั้งแต่เริ่มต้น: หลักสูตรนี้ไม่ได้เน้นให้ผู้เรียนต้องเรียนไวยากรณ์ตั้งแต่แรก ช่วยให้ผู้เรียนโฟกัสไปที่การใช้ภาษาในสถานการณ์จริงก่อน ลดความกดดันและความรู้สึกท้อแท้ในช่วงแรกของการเรียน
-
ผสมผสานเรื่องเล่าและการเล่านิทาน: การใช้เรื่องเล่าและนิทานสั้น ๆ ทำให้การเรียนรู้สนุกขึ้น ช่วยกระตุ้นจินตนาการและสร้างความน่าสนใจในการเรียน
2. ข้อเสีย
-
ใช้เวลามากในการเรียนให้ครบถ้วน
เนื่องจากหลักสูตรนี้เน้นการฟังและการพูดซ้ำ ผู้เรียนจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างมาก ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีตารางเวลาที่แน่น -
ขอบเขตของไวยากรณ์มีจำกัด: แม้ว่าหลักสูตรจะไม่เน้นไวยากรณ์มากเกินไป แต่นั่นอาจทำให้ผู้เรียนขาดความเข้าใจในโครงสร้างไวยากรณ์ได้
-
ไม่เหมาะกับทุกคน: วิธีนี้อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนไวยากรณ์ตั้งแต่เริ่มต้น หรือผู้ที่ต้องการวิธีการเรียนที่มีระบบและโครงสร้างชัดเจน
-
ไม่ได้ผลสำหรับทุกคนเสมอไป: แม้ว่าวิธีนี้จะได้ผลสำหรับหลาย ๆ คน แต่ก็ไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนได้ เนื่องจากความมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สไตล์การเรียนรู้ สภาพแวดล้อม และเป้าหมายส่วนตัว
III. รีวิวหนังสือ Effortless English 4 เล่ม สำหรับฝึกพูดภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา
เพื่อช่วยให้คุณเลือกหนังสือ Effortless English ที่เหมาะกับระดับของคุณ ด้านล่างนี้ PREP ได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นและโครงสร้างเนื้อหาของแต่ละเล่มมาให้คุณพิจารณา!
1. Effortless English: 60-hour English root recovery program
โปรแกรมฟื้นฟูพื้นฐานภาษาอังกฤษ 60 ชั่วโมง – ระดับ 1
หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้วิธีการเรียนภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพภายในเวลา 60 ชั่วโมง โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับพื้นฐานการเรียนภาษาอังกฤษ พัฒนาทักษะการฟัง เพิ่มคลังคำศัพท์และไวยากรณ์ รวมถึงสร้างวิธีการเรียนรู้ด้วยตัวเองที่มีประสิทธิภาพ
โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตร
โครงสร้างหนังสือ |
เนื้อหาโดยละเอียด |
I. แนวคิดหลักของ Effortless English |
- Effortless English คืออะไร? - หลักการของ EE - 3 องค์ประกอบสำคัญในการเรียนรู้: จิตใจ - ร่างกาย - วิธีการ - การประยุกต์ใช้วิธี Effortless English ในการเรียนคำศัพท์ บทสนทนา การออกเสียง และไวยากรณ์ |
II. เนื้อหาหลัก |
- 12 หัวข้อบทสนทนาพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น - การพัฒนาการออกเสียงเบื้องต้น - การออกเสียงคำในบทสนทนาได้อย่างถูกต้อง - เข้าใจโครงสร้างประโยคพื้นฐานในบทสนทนา - แบบฝึกหัดเสริม |
III. หัวข้อคำศัพท์ในหนังสือ |
- Shopping: Which dress do you like? (การช้อปปิ้ง: ชุดไหนที่คุณชอบ) - Describing people (การบรรยายลักษณะของคน) - Choosing a movie (การเลือกหนัง) - Ordering food at restaurant (การสั่งอาหารที่ร้านอาหาร) - Health I am getting in shape (สุขภาพ: ฉันกำลังฟิตร่างกาย) - Making an appointment (การนัดหมาย) - Going on a vacation (การไปเที่ยวพักผ่อน) - Transportations (การเดินทาง) |

2. Effortless English: Confidently Pronounce Correctly
โปรแกรมการออกเสียงมาตรฐาน – ระดับ 2
หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้องและชัดเจน โดยรวมถึงแบบฝึกหัดและคำแนะนำเกี่ยวกับการออกเสียงเสียงภาษาอังกฤษแต่ละเสียง
โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตร
บทนำทั่วไป |
เนื้อหาบทเรียน |
Part I: การออกเสียง |
- หน่วยที่ 1: เสียงพยัญชนะ - หน่วยที่ 2: เสียงสูงต่ำ (Intonation) - หน่วยที่ 3: ระดับเสียงและความดัง - หน่วยที่ 4: การเชื่อมเสียงและการลดเสียง - หน่วยที่ 5: การสั่นเสียง (Vibration) - หน่วยที่ 6: เสียง /θ/ - หน่วยที่ 7: เสียง /p, b, f/ และ /v/ - หน่วยที่ 8: เสียง /l/ และ /r/ - หน่วยที่ 9: เสียง /s/ และ /z/ - หน่วยที่ 10: เสียง /t/ และ /d/ - หน่วยที่ 11: เสียง /dʒ/, /j/, /k/ - หน่วยที่ 12: เสียง /w/, /kw/ และ /h/ - การออกเสียงคำลงท้าย /ɪz/, /ɪd/ - หน่วยที่ 14: เสียงสระ /i:/ และ /ɪ/ - หน่วยที่ 15: เสียงสระอื่น ๆ /ə/, /e/, /ɔ:/, /ɒ/ - หน่วยที่ 16: เสียง /æ/ และ /ɑ:/ - หน่วยที่ 17: เสียง /u:/ เทียบกับ /ʊ/ - หน่วยที่ 18: สระคู่และพยัญชนะ 3 เสียง /m/, /n/, /ŋ/ |
Part II: เรื่องราวและสถานการณ์จริง |
- หน่วยที่ 19: A kiss - หน่วยที่ 20: The race (การแข่งวิ่ง) - หน่วยที่ 21: I have a fever (ฉันเป็นไข้) - หน่วยที่ 22: Ordering food at a restaurant (การสั่งอาหารที่ร้านอาหาร) - หน่วยที่ 23: Which dress do you like better (ชุดไหนที่คุณชอบ) - หน่วยที่ 24: Describing people (การบรรยายลักษณะของคน) - หน่วยที่ 25: How was your vacation (การไปเที่ยวพักผ่อน) - หน่วยที่ 26: Giving directions (การบอกทาง) - หน่วยที่ 27: Choosing a movie (การเลือกหนัง) - หน่วยที่ 28: Transportations (การเดินทาง) |
3. Effortless English: Automatic English Reflex
Automatic English Reflex – ระดับ 3
หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติและยืดหยุ่น โดยเน้นการสร้างนิสัยในการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน และช่วยให้ผู้เรียนสามารถคิดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้โดยอัตโนมัติ
หน่วยที่ |
เนื้อหา |
หน่วยที่ 1 |
Fat man (คนอ้วน) |
หน่วยที่ 2 |
Evil English Teacher (ครูภาษาอังกฤษสุดโหด) |
หน่วยที่ 3 |
The best guitarist in the world (มือกีตาร์ที่เก่งที่สุดในโลก) |
หน่วยที่ 4 |
Goals (เป้าหมาย) |
หน่วยที่ 5 |
Passion and Persistence (ความหลงใหลและความพากเพียร) |
หน่วยที่ 6 |
The queen of hot chillies (ราชินีแห่งพริกเผ็ด) |
หน่วยที่ 7 |
Superstar - Masterminds (ซูเปอร์สตาร์ - ผู้ชาญฉลาด) |
หน่วยที่ 8 |
I am handsome and I am cool (ฉันหล่อและฉันเท่) |
หน่วยที่ 9 |
Emotional master (ผู้เชี่ยวชาญด้านอารมณ์) |
หน่วยที่ 10 |
Influence (อิทธิพล) |
หน่วยที่ 11 |
Job interview (การสัมภาษณ์งาน) |
4. Effortless English: Speak English Like a Native Speaker
หลักสูตรฝึกพูดภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา
หนังสือ Effortless English: Speak English Like a Native Speaker ให้คำแนะนำและแบบฝึกหัดเพื่อพัฒนาความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษให้คล้ายเจ้าของภาษา รวมถึงบทสนทนาในชีวิตประจำวัน การจำลองสถานการณ์จริง และการพัฒนาคำศัพท์และไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
บทที่ |
เนื้อหา |
บทที่ 1 |
วิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีกว่า |
บทที่ 2 |
ปัญหาของการเรียนในห้องเรียน |
บทที่ 3 |
จิตวิทยาสำคัญกว่าไวยากรณ์และคำศัพท์ |
บทที่ 4 |
ความเชื่อเป็นตัวกำหนดความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ |
บทที่ 5 |
ภาษาอังกฤษเป็นเหมือนกีฬา |
บทที่ 6 |
การตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมเพื่อสร้างแรงจูงใจ |
บทที่ 7 |
โปรแกรมสมองของคุณให้พร้อมสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ |
บทที่ 8 |
เด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุด – แรงบันดาลใจของ Effortless English |
บทที่ 9 |
กฎข้อ 1: เรียนรู้เป็นวลี ไม่ใช่คำศัพท์เดี่ยว ๆ |
บทที่ 10 |
กฎข้อ 2: การเรียนไวยากรณ์จำกัดความสามารถในการพูดของคุณ |
บทที่ 11 |
กฎข้อ 3: เรียนรู้ด้วยการฟัง ไม่ใช่การอ่าน |
บทที่ 12 |
กฎข้อ 4: การทำซ้ำคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการพูด |
บทที่ 13 |
กฎข้อ 5: เรียนไวยากรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ |
บทที่ 14 |
กฎข้อ 6: ศึกษาภาษาอังกฤษจริง ๆ และพักจากตำราเรียน |
บทที่ 15 |
กฎข้อ 7: เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ |
บทที่ 16 |
แผนการเรียนภาษาอังกฤษประจำวันของคุณ |
บทที่ 17 |
พลังของการอ่านเพื่อความบันเทิง |
บทที่ 18 |
เคล็ดลับในการพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ |
บทที่ 19 |
เหตุผลที่คุณไม่ควรฝึกพูด |
บทที่ 20 |
ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาสากลของธุรกิจ |
บทที่ 21 |
วิธีการนำเสนองานภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ |
บทที่ 22 |
ภาษาอังกฤษเชื่อมโยงคุณกับโลก |
บทที่ 23 |
หลักการและพันธกิจของ Effortless English |
IV. ซื้อสื่อการเรียน Effortless English ได้ที่ไหน
เพื่อช่วยคุณประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงการซื้อหนังสือปลอมหรือหนังสือคุณภาพต่ำ PREP ได้จัดหาลิงก์สำหรับซื้อหนังสือออนไลน์และลิงก์ดาวน์โหลด Effortless English PDF มาให้คุณแล้ว!
ลิงก์สำหรับซื้อ |
|
ลิงก์ดาวน์โหลด |
|
หวังว่าข้อมูลจาก PREP เกี่ยวกับวิธีการเรียนหนังสือ Effortless English จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของหลักสูตรนี้ได้ดีขึ้น หากคุณยังไม่ได้เลือกหนังสือฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษเล่มไหน ลองพิจารณา Effortless English และเริ่มต้นเส้นทางการเรียนรู้ของคุณได้เลย! นอกจากนี้ หากคุณกำลังมุ่งมั่นที่จะ เรียนสอบ IELTS คุณสามารถใช้หลักสูตรนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวสอบของคุณได้อีกด้วย! ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกก้าวของการเรียนรู้ค่ะ

ความคิดเห็น
บทความที่เกี่ยวข้อง
ค้นหาบทความการศึกษา
แผนที่เฉพาะบุคคล
อ่านมากที่สุด
ลงทะเบียนเพื่อรับคำปรึกษาแผนการเรียน
กรุณาแจ้งข้อมูลของคุณ Prep จะติดต่อเพื่อให้คำปรึกษาให้คุณทันที!

เชื่อมต่อกับ Prep
